นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าว ภายหลังการประชุมคณะทำงานร่วมอัยการสูงสุดและกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อพิจารณาว่าจะเสนอเรื่องยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ ว่า ที่ประชุมฯซึ่งมีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน ได้ข้อยุติเป็นเอกฉันท์ เห็นควรเสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองให้เสนอเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบ 2 พรรคดังกล่าว
นายสุทธิพล ยอมรับว่าในการประชุมตัวแทนฝ่ายอัยการสูงสุด ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกับตัวแทนของฝ่าย กกต.ในเรื่องของน้ำหนักพยานหลักฐานว่า การกระทำผิดของกรรมการบริหารพรรคที่เกิดขึ้นเป็นความผิดที่ กกต. สามารถสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือสั่งเลือกตั้งใหม่ได้ แต่จะถึงขั้นเป็นความผิด ยุบพรรคหรือไม่ และต้องการเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งเป็นคำเบิกความของพยาน ในอีกสำนวนหนึ่งที่มารับกับสำนวนยุบพรรค
รวมทั้งใบลงทะเบียนการเลือกตั้งล่วงหน้า และสำเนาบันทึกเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ มาตรา 237 โดย กกต.ก็ได้มีการจัดหาให้ และได้พยายามที่จะชี้ให้ผู้แทน ของอัยการสูงสุดเห็นว่าในเมื่อข้อกฎหมายมาตรา 94 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง ประกอบ มาตรา 95 พ.ร.บ.เดียวกันและมาตรา 103 ของพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. บัญญัติไว้ว่าหากกรรมการบริหารพรรคมีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้น อาจเป็นเหตุให้ กกต.เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคได้ รวมทั้งเรื่องดังกล่าวยังไม่เคยมีการวินิจฉัยมาก่อนเลย จึงควรมีการเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นผู้มีอำนาจในการวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวได้วินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานเพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติของ กกต.หากเกิดการกระทำลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก
เดิมไม่ได้เป็นความเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างอัยการสูงสุด กับ กกต. แต่เพราะในการประชุมครั้งก่อนๆ มีการตั้งประเด็นว่า ความผิดที่ถึงขั้นยุบพรรคควรเป็นระดับใด จำนวนเงินเท่าไร อีกทั้งกรณีหนึ่งยังรับเงินแล้ว ในขณะที่อีกกรณีเป็นการเตรียมการ เท่านั้น จึงเห็นตรงกันว่าเราไม่อยากใช้ดุลยพินิจ ควรจะให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งจากนี้นายทะเบียนพรรคการเมืองก็จะได้จัดส่งในส่วนเอกสารเพิ่มเติมให้กับทางอัยการสูงสุดเพื่อนำไปประกอบกับสำนวนเดิมที่ได้จัดส่งไปแล้วโดยเร็วที่สุด และทางอัยการฯก็จะได้ดำเนินการยกร่างคำร้องและยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ชท.ไม่หวั่นถูกยุบพรรค
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทยกล่าวว่าเมื่อคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุดกับ กกต. มีมติส่งสำนวนให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคชาติไทยก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่พรรคชาติไทยยังยืนยันและมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ เพราะในการพิจารณาไม่ได้แค่ดูในหลักของกฎหมายเพียงด้านเดียว แต่ต้องดูองค์ประกอบทั้งข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พยานบุคคล จากในพื้นที่ที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งน่าจะเป็นกระบวนยุติธรรมที่ดีและมากกว่าอยู่ในกระบวนการพิจารณาของ กกต. เพราะศาลรัฐธรรมนูญยังเปิดโอกาสให้พรรคชาติไทย ได้ชี้แจงในขั้นตอนการไต่สวน โดยนำทั้งพยานหลักฐานและพยานบุคคลมาชี้แจงในขั้นตอนดังกล่าว ยืนยันว่าพรรคชาติไทยยังมั่นใจในกระบวนการชั้นศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องความยุติธรรม
ด้านนายเกษม สรศักดิ์เกษม ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคชาติไทย กล่าวว่า พรรคชาติไทยยังยืนยันว่าเราพร้อมชี้แจงในชั้นไต่ส่วนและเราก็ยืนยันมาตลอดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการบริหารพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่าเกรงว่าจะซ้ำรอยกับกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่ถูกพิพากษามาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายเกษมกล่าวว่า กรณีของพรรคชาติไทยเป็นการได้ใบแดงก่อนการประกาศผลการเลือกตั้ง ซึ่งอยู่ในอำนาจของ กกต. แต่กรณีของนายยงยุทธเป็นการให้ใบแดงหลังรับรองผล การเลือกตั้งอำนาจจึงอยู่ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง แต่อย่างไรก็ตามก็ให้ว่ากันไปตามกระบวนการและมั่นใจว่าคดีของพรรคชาติไทยสามารถสู้ได้
สมชัยส่อค้านส่งคดีสมัครให้ศาลรธน.
นายสมชัย จึงประเสริฐ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านสืบสวน สอบสวนฯ กล่าวว่าการที่นายทะเบียนพรรคการเมืองตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา ข้อกฎหมายและคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ก่อนสรุปว่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคหรือไม่นั้น เป็นการดำเนินการเพื่อความรอบคอบ และเป็นไปตามขั้นตอนที่ กกต.ดำเนินการทุกครั้ง
ส่วนการพิจารณากรณีคุณสมบัติของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ไปเป็นพิธีกรรายการ ชิมไปบ่นไป นั้นขณะนี้ได้มีการบรรจุเป็นวาระในการประชุม กกต.สัปดาห์หน้าแล้ว คาดว่าจะสามารถลงมติได้เลยว่าจะส่งหรือไม่ โดยความเห็นของ กกต.ทั้ง 5 คน เวลานี้ยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน และการที่เรื่องดังกล่าวมี ส.ว.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยแล้วนั้น ก็ไม่น่าจะเป็นการกดดันให้ กกต.ต้องส่ง และโดยส่วนตัวก็เห็นว่าไม่น่าส่งไปซ้ำด้วย
กกต.ยกคำร้องค้านเลือกตั้ง21เรื่อง
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กกต.มีมติยกคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งส.ว. จำนวน 21 เรื่อง โดยเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง 10 ราย คือ 1.ว่าที่ ร.ต. โอภาส เศวตมณี ส.ว.สุมทรสงคราม 2.นางจิตร์ธนา ยิ่งทวีลาภา ส.ว.ชัยนาท นายจรัล จึงยิ่งเรืองรุ่ง ส.ว. สระบุรี 3. นายสุพจน์ เลียดประถม ส.ว.ตราด 4. พล.ต. กลชัย สุวรรณบูรณ์ ส.ว.ชุมพร 5. นายชรินทร์ หาญสืบสาย ส.ว.ตาก 6.นายสมศักดิ์ บุญเปลื้อง ส.ว.สลำพูน 7.นางอรพินท์ มั่นศิลป์ ส.ว.นครสวรรค์ 8.นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ 9.นายวิทยา อินาลา ส.ว.นครพนม 10นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร ส่วนอีก 11 รายที่เหลือ เป็นการยกคำร้องผู้ที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง และเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง
นายสุทธิพล ยอมรับว่าในการประชุมตัวแทนฝ่ายอัยการสูงสุด ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกับตัวแทนของฝ่าย กกต.ในเรื่องของน้ำหนักพยานหลักฐานว่า การกระทำผิดของกรรมการบริหารพรรคที่เกิดขึ้นเป็นความผิดที่ กกต. สามารถสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือสั่งเลือกตั้งใหม่ได้ แต่จะถึงขั้นเป็นความผิด ยุบพรรคหรือไม่ และต้องการเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งเป็นคำเบิกความของพยาน ในอีกสำนวนหนึ่งที่มารับกับสำนวนยุบพรรค
รวมทั้งใบลงทะเบียนการเลือกตั้งล่วงหน้า และสำเนาบันทึกเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ มาตรา 237 โดย กกต.ก็ได้มีการจัดหาให้ และได้พยายามที่จะชี้ให้ผู้แทน ของอัยการสูงสุดเห็นว่าในเมื่อข้อกฎหมายมาตรา 94 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง ประกอบ มาตรา 95 พ.ร.บ.เดียวกันและมาตรา 103 ของพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. บัญญัติไว้ว่าหากกรรมการบริหารพรรคมีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้น อาจเป็นเหตุให้ กกต.เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคได้ รวมทั้งเรื่องดังกล่าวยังไม่เคยมีการวินิจฉัยมาก่อนเลย จึงควรมีการเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นผู้มีอำนาจในการวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวได้วินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานเพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติของ กกต.หากเกิดการกระทำลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก
เดิมไม่ได้เป็นความเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างอัยการสูงสุด กับ กกต. แต่เพราะในการประชุมครั้งก่อนๆ มีการตั้งประเด็นว่า ความผิดที่ถึงขั้นยุบพรรคควรเป็นระดับใด จำนวนเงินเท่าไร อีกทั้งกรณีหนึ่งยังรับเงินแล้ว ในขณะที่อีกกรณีเป็นการเตรียมการ เท่านั้น จึงเห็นตรงกันว่าเราไม่อยากใช้ดุลยพินิจ ควรจะให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งจากนี้นายทะเบียนพรรคการเมืองก็จะได้จัดส่งในส่วนเอกสารเพิ่มเติมให้กับทางอัยการสูงสุดเพื่อนำไปประกอบกับสำนวนเดิมที่ได้จัดส่งไปแล้วโดยเร็วที่สุด และทางอัยการฯก็จะได้ดำเนินการยกร่างคำร้องและยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ชท.ไม่หวั่นถูกยุบพรรค
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทยกล่าวว่าเมื่อคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุดกับ กกต. มีมติส่งสำนวนให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคชาติไทยก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่พรรคชาติไทยยังยืนยันและมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ เพราะในการพิจารณาไม่ได้แค่ดูในหลักของกฎหมายเพียงด้านเดียว แต่ต้องดูองค์ประกอบทั้งข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พยานบุคคล จากในพื้นที่ที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งน่าจะเป็นกระบวนยุติธรรมที่ดีและมากกว่าอยู่ในกระบวนการพิจารณาของ กกต. เพราะศาลรัฐธรรมนูญยังเปิดโอกาสให้พรรคชาติไทย ได้ชี้แจงในขั้นตอนการไต่สวน โดยนำทั้งพยานหลักฐานและพยานบุคคลมาชี้แจงในขั้นตอนดังกล่าว ยืนยันว่าพรรคชาติไทยยังมั่นใจในกระบวนการชั้นศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องความยุติธรรม
ด้านนายเกษม สรศักดิ์เกษม ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคชาติไทย กล่าวว่า พรรคชาติไทยยังยืนยันว่าเราพร้อมชี้แจงในชั้นไต่ส่วนและเราก็ยืนยันมาตลอดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการบริหารพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่าเกรงว่าจะซ้ำรอยกับกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่ถูกพิพากษามาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายเกษมกล่าวว่า กรณีของพรรคชาติไทยเป็นการได้ใบแดงก่อนการประกาศผลการเลือกตั้ง ซึ่งอยู่ในอำนาจของ กกต. แต่กรณีของนายยงยุทธเป็นการให้ใบแดงหลังรับรองผล การเลือกตั้งอำนาจจึงอยู่ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง แต่อย่างไรก็ตามก็ให้ว่ากันไปตามกระบวนการและมั่นใจว่าคดีของพรรคชาติไทยสามารถสู้ได้
สมชัยส่อค้านส่งคดีสมัครให้ศาลรธน.
นายสมชัย จึงประเสริฐ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านสืบสวน สอบสวนฯ กล่าวว่าการที่นายทะเบียนพรรคการเมืองตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา ข้อกฎหมายและคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ก่อนสรุปว่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคหรือไม่นั้น เป็นการดำเนินการเพื่อความรอบคอบ และเป็นไปตามขั้นตอนที่ กกต.ดำเนินการทุกครั้ง
ส่วนการพิจารณากรณีคุณสมบัติของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ไปเป็นพิธีกรรายการ ชิมไปบ่นไป นั้นขณะนี้ได้มีการบรรจุเป็นวาระในการประชุม กกต.สัปดาห์หน้าแล้ว คาดว่าจะสามารถลงมติได้เลยว่าจะส่งหรือไม่ โดยความเห็นของ กกต.ทั้ง 5 คน เวลานี้ยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน และการที่เรื่องดังกล่าวมี ส.ว.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยแล้วนั้น ก็ไม่น่าจะเป็นการกดดันให้ กกต.ต้องส่ง และโดยส่วนตัวก็เห็นว่าไม่น่าส่งไปซ้ำด้วย
กกต.ยกคำร้องค้านเลือกตั้ง21เรื่อง
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กกต.มีมติยกคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งส.ว. จำนวน 21 เรื่อง โดยเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง 10 ราย คือ 1.ว่าที่ ร.ต. โอภาส เศวตมณี ส.ว.สุมทรสงคราม 2.นางจิตร์ธนา ยิ่งทวีลาภา ส.ว.ชัยนาท นายจรัล จึงยิ่งเรืองรุ่ง ส.ว. สระบุรี 3. นายสุพจน์ เลียดประถม ส.ว.ตราด 4. พล.ต. กลชัย สุวรรณบูรณ์ ส.ว.ชุมพร 5. นายชรินทร์ หาญสืบสาย ส.ว.ตาก 6.นายสมศักดิ์ บุญเปลื้อง ส.ว.สลำพูน 7.นางอรพินท์ มั่นศิลป์ ส.ว.นครสวรรค์ 8.นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ 9.นายวิทยา อินาลา ส.ว.นครพนม 10นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร ส่วนอีก 11 รายที่เหลือ เป็นการยกคำร้องผู้ที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง และเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง
