คกก.ร่วม อสส.-กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองส่งเรื่องยุบพรรคชาติไทย-มัชฌิมาฯ ต่อศาล รธน.วินิจฉัยยุบพรรค เพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป
วันนี้ (11 ก.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวภายหลังการประชุมระหว่างอัยการสูงสุด (อสส.) กับ กกต.เพื่อพิจารณาควรจะเสนอยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย กับพรรคชาติไทย ว่า คณะกรรมการร่วมอัยการสูงสุด กับ กกต.ที่มี นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อให้มีการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งยุบพรรค
ทั้งนี้ แม้ที่ประชุมยังคงมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับน้ำหนักของการกระทำความผิด ว่า การกระทำผิดของกรรมการบริหารพรรคที่เกิดขึ้นมีพฤติกรรมที่สามารถให้ใบเหลือง-ใบแดง ได้แต่จะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ก็ตาม แต่เห็นว่าเรื่องดังกล่าวกฎหมายมาตรา 94 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พรรคการเมืองและมาตรา 103 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ระบุไว้เป็นความผิดที่นายทะเบียนพรรคการเมืองอาจจะเสนอให้มีการยุบพรรคได้ ประกอบกับศาลรัฐธรรมนูญยังไม่เคยวางบรรทัดฐานว่าการกระทำความผิดดังกล่าวจะมีผลให้สามารถยุบพรรคได้หรือไม่ ที่ประชุมจึงเห็นว่า เป็นประโยชน์ที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญให้ดุลพินิจ และวางบรรทัดฐานไว้เพื่อเป็นตัวอย่าง หากเกิดลักษณะแบบนี้ขึ้นอีก กกต.จะได้มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
“ตือ”ทำใจดีสู้เสือ
ด้าน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทยกล่าวถึงกรณีคณะทำงานร่วมระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้งและอัยการสูงสุดมีมติเอกฉันท์ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคชาติไทยว่า ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่พรรคชาติไทยยังยืนยันและมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ เพราะในการพิจารณาไม่ได้แค่ดูในหลักของกฎหมายเพียงด้านเดียว แต่ต้องดูองค์ประกอบทั้งข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พยานบุคคล จากในพื้นที่ที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งน่าจะเป็นกระบวนยุติธรรมที่ดีและมากกว่าอยู่ในกระบวนการพิจารณาของ กกต. เพราะศาลรัฐธรรมนูญยังเปิดโอกาสให้พรรคชาติได้ชี้แจงในขั้นตอนการไต่สวน โดยนำทั้งพยานหลักฐานและพยานบุคคลมาชี้แจงในขั้นตอนดังกล่าว ยืนยันว่าพรรคชาติไทยยังมั่นใจในกระบวนการชั้นศาลรัฐธรรมนูญเรื่องความยุติธรรม
ด้านนายเกษม สรศักดิ์เกษม ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคชาติไทย กล่าวว่า พรรคชาติไทยยังยืนยันว่าเราพร้อมชี้แจงในชั้นไต่ส่วนและเราก็ยืนยันมาตลอดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการบริหารพรรค
เมื่อถามว่า เกรงว่าจะซ้ำรอยกับกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่ถูกพิพากษามาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายเกษมกล่าวว่า กรณีของพรรคชาติไทยเป็นการได้ใบแดงก่อนการประกาศผลการเลือกตั้ง ซึ่งอยู่ในอำนาจของ กกต. แต่กรณีของนายยงยุทธเป็นการให้ใบแดงหลังรับรองผลการเลือกตั้งอำนาจจึงอยู่ที่ศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง แต่อย่างไรก็ตามก็ให้ว่ากันไปตามกระบวนการและมั่นใจว่าคดีของพรรคชาติไทยสามารถสู้ได้
