สำนวนยุบ “ชาติไทย-มัชฌิมาฯ” ถึงมืออัยการ

กกต. ส่งสำนวนพร้อมความเห็น คดียุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย-ชาติไทย ให้ อสส. พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมตั้งอัยการคดีพิเศษรับผิดชอบ ยันไม่หนักใจเคยทำคดียุบไทยรักไทยมาแล้ว

วันนี้ ( 24 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ชั้น 11 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายธนิตย์ ศรีประเทศ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการสนับสนุนโดยรัฐ และ นายกฤช เอื้อวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักกิจการพรรคการเมือง รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นำสำนวนการสอบสวนคดียุบพรรคมัชณิมาธิปไตย จำนวน 1 แฟ้ม หนา 150 หน้า และเอกสารหลักฐานจำนวน 15 รายการ รวมทั้งสำนวนการสอบสวนคดียุบพรรคชาติไทยอีกจำนวน 1 แฟ้ม หนา 300 หน้า เอกสารหลักฐานรวม 12 รายการ พร้อมความเห็นนายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้ยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยและยุบพรรคชาติไทย ส่งมอบให้กับนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุดพิจารณาส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดรับมอบแทน

นายกฤช กล่าวว่า สำนวนคดียุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยที่ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เสนอให้ อสส.พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญส่งยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย มีมูลเหตุมาจากการที่ นายสุนทร วิลาวัลย์ รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย อดีต ส.ส.ปราจีนบุรี เขต 1 ที่ กกต.มีมติให้ใบแดง กระทำผิดฐานเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองทุจริตการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ม.103 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ม.94 เช่นเดียวกับสำนวนคดียุบพรรคชาติไทย ที่มีมูลเหตุมาจากนายมณเฑียร สงค์ประชา รองเลขาธิการพรรคชาติไทย อดีต ส.ส.ชัยนาท เขต 1 ที่ ในฐานะเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองทุจริตการเลือกตั้ง

ด้านนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวว่า จะนำสำนวนคดียุบพรรคการเมืองทั้งสองพรรคเสนอให้ อสส.ทราบเพื่อมีคำสั่งแต่งตั้งขณะทำงานอัยการขึ้นมาจำนวน 1 ชุดเพื่อรับผิดชอบพิจารณาสำนวนคดียุบ 2 พรรคการเมืองดังกล่าว คาดว่า อสส.จะมอบหมายให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษรับผิดชอบตามกฎกระทรวง อีกทั้งอัยการฝ่ายคดีพิเศษก็มีประสบการณ์ทำคดียุบพรรคไทยรักไทยมาแล้ว โดยคณะทำงานอัยการจะต้องพิจารณาสำนวนคดีให้เสร็จสิ้นได้ทันกำหนดเวลา 30 วัน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ม.95

ขณะที่นายธนพิชญ์ กล่าวว่า อัยการไม่มีความรู้สึกหนักใจแม้นายกรัฐมนตรีจะเคยออกมาระบุว่าคดียุบพรรคจานำไปสู่การยุบสภา เพราะอัยการพิจารณาสำนวนคดียุบพรรคการเมืองทั้งสองพรรค ไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน และยืนยันว่าไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแทรงอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ม.95 ระบุว่า เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียน หรือเมื่อนายทะเบียนได้รับแจ้งจากคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามม.94 ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของ กกต. แจ้งต่อ อสส. พร้อมด้วยหลักฐาน เมื่อ อสส.ได้รับแจ้งให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ถ้า อสส.เห็นสมควร ก็ให้ยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าว ถ้า อสส.ไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้นายทะเบียนตั้งคณะทำงานขึ้นคณะหนึ่งโดยมีผู้แทนจากนายทะเบียนและผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วส่งให้ อสส.เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ในกรณีที่คณะทกงานดังกล่าวไม่อาจหาข้อยุติเกี่ยวกับการดำเนินการยื่นคำร้องได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ตั้งคณะทำงาน ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของ กกต.มีอำนาจยื่นเรื่องเอง