xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ยันไม่มีตั้งธงยุบพรรคโต้ “หมัก” พูดเรื่อยเปื่อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กกต.ประสานเสียงไม่มีธงยุบพรรคใด “ประพันธ์” โต้ “หมัก” ทุกสำนวนว่ากันตามพยานหลักฐาน และรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าว่ายุบพรรคใด ยกเว้นทำผิดกฎหมาย

วันนี้ (26 มี.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการที่รัฐบาลจะแก้รัฐธรรมนูญว่า กกต.เป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย เรื่องการแก้ไขเป็นเรื่องฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติที่จะดำเนินการ ซึ่ง กกต.เป็นเพียงหน่วยงานเล็กๆ ที่ปฏิบัติตามกฎหมาย รัฐบาลจะแก้อย่างไรเราคงไม่สามารถพูดอะไรได้

“ของทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสียทั้งนั้น กฎหมายก็เหมือนกัน แต่ถ้าแก้เพื่อประโยชน์ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแล้ว เราก็ควรจะดูอีกครั้ง ว่าทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือไม่ แต่ขออย่างเดียวว่าทำอะไรก็เพื่อประเทศชาติแล้วกัน ส่วนตัวคงไม่มีความเห็นอะไรในเรื่องนี้ สุดแล้วแต่ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติที่จะดำเนินการ เพราะตอนนี้ก็มีทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ หากจะแก้รัฐธรรมนูญ กกต.ก็จะปฏิบัติตามที่แก้ไข กกต.ก็คงไม่มีสิทธิที่จะไปก้าวก่ายอะไรได้” นางสดศรี ระบุ

สำหรับช่วงเวลาเหมาะสมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหารเห็นว่าเหมาะสมก็สุดแล้วแต่ กกต.เป็นผู้ปฏิบัติตามเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่าในมาตรา 237 วรรค 2 จะมีหรือไม่มีไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎหมาย แต่ขึ้นอยู่กับว่ามีความพร้อมในการบริหารประเทศมากน้อยแค่ไหน

นางสดศรี ยังกล่าวถึงการที่คณะปรึกษากฎหมาย กกต.มีความเห็นกรณีเกี่ยวกับการยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทยว่า เมื่อคณะที่ปรึกษากฎหมายส่งเรื่องกลับมาให้ กกต.แล้ว ก็จะดู้อกฎหมายอย่างชัดเจน แต่ในชั้นนี้ยังพูดไม่ได้ว่าที่ปรึกษากฎหมายมีความเห็นอย่างไร เพราะขณะนี้ยังมีความเห็นแตกต่างกัน ซึ่ง กกต.จะรับฟังทุกฝ่าย ส่วนคณะที่ปรึกษากฎหมายจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาช่วยตีความกฎหมายนั้นก็สามารถทำได้เพื่อให้เกิดความชัดเจน และเพื่อให้เกิดความแน่ชัด คิดว่าเป็นเรื่องดี อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนการยกร่างมาตรานี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาก็เข้าร่วมการพิจารณายกร่างด้วย

“ส่วนตัวมองว่า การที่ กกต.ส่งเรื่องให้ที่ปรึกษากฎหมายช่วยตีความนั้น เป็นเพราะกฎหมายสามารถวินิจฉัยได้หลายแง่แม้ กกต.จะเป็นนักกฎหมาย แต่ก็เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย เราไม่ได้ถ่วงเวลาไว้ เพียงแต่เพื่อความชัดเจน เราจะไม่รีบร้อนพิจารณาขณะที่ยังมีข้อสงสัยกันอยู่ ณ จุดนี้เป็นจุดสำคัญ หาก กกต.เร่งรีบแล้วก็จะมีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า กกต.ทำเพื่อประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งจุดนี้เป็นจุดสำคัญที่ต้องทำงานรอบคอบและทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง”

นางสดศรี ยังยืนยันว่า กกต.ไม่มีธงไว้ในใจ และไม่มีใครอยู่ข้างหลัง เราทำงานด้วยตัวเอง และเชื่อว่าจะให้คำตอบแก่ประชาชนได้ในเรื่องนี้ สำหรับตนกำลังรอความเห็นจากทุกฝ่ายว่ามีความเห็นอย่างไร ซึ่งไม่ต้องเร่งรีบ ประเทศชาติอยู่ในมือพวกเราทุกคน ค่อยๆ ทำกันไป และต้องแยกประเด็นการเมืองออกจากเรื่องข้อกฎหมายที่เรากำลังพิจารณา

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีระบุว่ามีเบื้องหลังเพื่อยุบพรรคพลังประชาชน นางสดศรี กล่าวว่า ต้องไปถามนายกฯ ว่าผู้ใหญ่คือใคร ส่วนตัวก็สงสาร กกต. เราไม่ใช่หน่วยกล้าตาย ไม่ใช่กามิกาเซ่ ที่จะมาใช้ กกต.ทิ้งทุ่นระเบิดสำหรับฝ่ายใดทั้งสิ้น ตอนนี้ กกต.พยายามที่จะไม่พูดอะไรมาก เห็นได้ว่ากกต.ทุกคนไม่อยากให้สัมภาษณ์อะไร ตนก็ไม่อยากพูดอะไรเลย เพราะเมื่อพูดไปแล้วฟิดแบ็กกลับมาก็จะโดนทั้งสองฝ่าย และตนไม่อยากให้ประเทศไทยแบ่งเป็นฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ เราควรมาจับมือกันได้แล้วเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้ด้วยดี หากมีสิ่งข้องใจกันก็จับมือพูดกันเสียก่อน กกต.ไม่อยากเป็นประเด็นทางการเมือง ทุกคนที่ออกมาให้ความเห็นกันก็มาจากความบริสุทธิ์ใจ และอาจทำให้คิดว่า กกต.ที่ออกมาพูดนั้น พูดมากไปหรือเปล่า หรือทำให้เกิดประเด็นร้อนหรือเปล่า แต่เชื่อได้ว่า กกต.ทั้ง 5 คน ไม่ได้มีเจตนาใช้ประเด็นคำพูดของเราให้เป็นประเด็นการเมือง แล้วก็ไม่ใช่ระเบิดพลีชีพสำหรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ส่วนกรณีที่เอแบคโพลล์ระบุว่าประชาชนกว่าร้อยละ 59 เห็นว่าควรแก้รัฐธรรมนูญนั้น นางสดศรี กล่าวว่า นายกฯ ก็เห็นว่าจะมีการทำประชามติ แต่ใช้เงินมากไป แต่จริงๆ แล้วกฎหมายไม่ได้เขียนไว้ว่าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องมีการทำประชามติ และเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวของนายกรัฐมนตรี ส่วนเรื่องงบประมาณก็อยู่ที่รัฐบาล กกต.ไม่มีความเห็นใดๆ ถ้าสั่งมา กกต.ก็ทำตาม แต่ทั้งนี้ คิดว่าทางฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติพูดกันเสียดีกว่าว่าจะทำอย่างไร กกต.ไม่มีอำนาจจะไปกำหนดกฎเกณฑ์ และกำหนดชะตาของบ้านเมือง

ด้าน นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวว่า กกต.จะได้ข้อยุติภายในสัปดาห์หน้ากรณีเกี่ยวกับการยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย

ส่วนกรณีที่ นายสมัครออกมาระบุว่า กกต.ตั้งธงจับผิดพรรคพลังประชาชนนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า กกต.พิจารณาแต่ละเรื่องโดยดูตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เราไม่ได้พิจารณาเฉพาะพรรคใดพรรคหนึ่ง เราพิจารณาทุกเรื่องที่เป็นเรื่องร้องเรียน และเป็นเรื่องที่มีพยานหลักฐาน โดยไม่มีธง ไม่ได้มีเป้า กกต.ทุกคนได้ใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัย

“เราดูทุกเรื่องตามพยานหลักฐาน แม้กระทั่งเรื่องที่นายสมัครสงสัยจับเงินได้ตั้ง 1.3 ล้านบาทนั้น ทำไมได้แค่ใบเหลืองนั้น ซึ่งตอนนั้น กกต.ลงมติไม่ถึง 4 ใน 5 ตามที่กฎหมายกำหนด จึงได้แค่ใบเหลือง ยืนยันว่าเราทำตามดุลพินิจ ตามพยานหลักฐาน เมื่อเห็นว่าหลักฐานไม่ถึงผู้สมัครก็ได้แค่ใบเหลือง เราไม่ได้มีเป้าหรือไปกลั่นแกล้งใคร หรือไปช่วยใคร ไม่มีทั้งสิ้น” นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสมัครออกมาระบุว่า การร่างรัฐธรรมนูญเพื่อทำลายพรรคการเมืองว่า “ไม่มีครับ เพราะตอนร่างรัฐธรรมนูญก็ยังไม่รู้ว่าพรรคใดจะมาเป็นรัฐบาล และก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า กกต.จะแจกใบแดงกว่า 50 แต่ความจริงก็มีแค่ 4 ใบเท่านั้นเอง ตามหลักฐานทั้งหมดเราไม่สามารถทำให้เป็นอย่างอื่นได้”

/0110
กำลังโหลดความคิดเห็น