สบมท.เตรียมข้อมูลเสนอ “สมชาย” ทั้งการจัดการ บุคลากร และงบประมาณ ที่ได้รับผลกระทบหลังการปรับปรุงโครงสร้าง รวมทั้งงานวิจัยที่ชี้ว่าผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กต่ำลง หลังการปรับโครงสร้าง ศธ.รวมมัธยมศึกษาเข้ากับประถมศึกษา ด้าน “อภิสิทธิ์” ขอให้ใช้เวลาในการปรับโครงสร้างน้อยที่สุด เพื่อเร่งปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจัง
ตามที่สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (สบมท.) จะขอให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปรับปรุงโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยแยกการบริหารการศึกษาระดับมัธยมศึกษาออกจากการบริหารการศึกษาระดับประถมศึกษา มาจัดตั้งเป็นสำนักงานคณะกรรมการมัธยมศึกษา และ สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษานั้น
นายวิทธยา บริบูรณ์ทรัพย์ นายก สบมท. กล่าวว่า สบมท.ตั้งใจที่จะเตรียมข้อมูลเชิงตัวเลขอยู่แล้ว ทั้งด้านบริหารจัดการ บุคลากร งบประมาณ และการบริหารจัดการทั่วไปซึ่งเป็นผลกระทบจากการปรับปรุงโครงสร้าง ศธ.โดยรวมกรมสามัญศึกษาและสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ มาเป็น สพฐ.
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมข้อมูลงานวิจัยที่สถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานทางการศึกษาจัดทำไว้มานำเสนอ ประกอบด้วย โดยข้อมูลดังกล่าวเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของทั้ง 2 หน่วยงานที่ตกต่ำลงหลังจากที่มาหลอมรวมเข้าด้วยกัน โดย สบมท.จะเสนอให้การบริหารงานระดับมัธยมศึกษา และประถมศึกษาแยกออกจากกันเพื่อเป็นแท่งใหม่อีก 2 แท่ง ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 303(2) ที่ระบุให้มีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบการศึกษาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับระบบการศึกษาทุกระดับ ของระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยในท้ายรัฐธรรมนูญได้ระบุเจตนารมณ์ไว้ชัดเจนว่า
“ในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น มุ่งประสงค์ให้แยกหน่วยงานการจัดการบริหารงานการศึกษาระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาแยกออกจากกันเป็นหน่วยงานที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพ คุณภาพมากขึ้นและเป็นการแก้ไขปัญหาให้หมดสิ้นไป”
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ รมว.ศธ.เงา กล่าวว่า ตนอยากให้ใช้เวลาเรื่องการปรับโครงสร้างให้น้อยที่สุด เพราะไม่ว่าจะปรับอย่างไรก็มีทั้งคนพอใจ และไม่พอใจ และที่ผ่านมาการปฎิรูปการศึกษาไม่ประสบความสำเร็จเพราะยึดติดกับโครงสร้างจนเกินเหตุ หากจะเอาอย่างไรรัฐมนตรีศึกษาธิการก็ต้องรีบตัดสินใจและทำให้เสร็จโดยเร็ว และหันมาสนใจกับสาระการเรียนรู้ อย่าเสียเวลายื้อไปมา เพื่อจะได้คืนเวลาให้กับเด็กจะเป็นเรื่องดีที่สุด
ตามที่สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (สบมท.) จะขอให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปรับปรุงโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยแยกการบริหารการศึกษาระดับมัธยมศึกษาออกจากการบริหารการศึกษาระดับประถมศึกษา มาจัดตั้งเป็นสำนักงานคณะกรรมการมัธยมศึกษา และ สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษานั้น
นายวิทธยา บริบูรณ์ทรัพย์ นายก สบมท. กล่าวว่า สบมท.ตั้งใจที่จะเตรียมข้อมูลเชิงตัวเลขอยู่แล้ว ทั้งด้านบริหารจัดการ บุคลากร งบประมาณ และการบริหารจัดการทั่วไปซึ่งเป็นผลกระทบจากการปรับปรุงโครงสร้าง ศธ.โดยรวมกรมสามัญศึกษาและสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ มาเป็น สพฐ.
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมข้อมูลงานวิจัยที่สถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานทางการศึกษาจัดทำไว้มานำเสนอ ประกอบด้วย โดยข้อมูลดังกล่าวเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของทั้ง 2 หน่วยงานที่ตกต่ำลงหลังจากที่มาหลอมรวมเข้าด้วยกัน โดย สบมท.จะเสนอให้การบริหารงานระดับมัธยมศึกษา และประถมศึกษาแยกออกจากกันเพื่อเป็นแท่งใหม่อีก 2 แท่ง ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 303(2) ที่ระบุให้มีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบการศึกษาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับระบบการศึกษาทุกระดับ ของระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยในท้ายรัฐธรรมนูญได้ระบุเจตนารมณ์ไว้ชัดเจนว่า
“ในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น มุ่งประสงค์ให้แยกหน่วยงานการจัดการบริหารงานการศึกษาระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาแยกออกจากกันเป็นหน่วยงานที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพ คุณภาพมากขึ้นและเป็นการแก้ไขปัญหาให้หมดสิ้นไป”
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ รมว.ศธ.เงา กล่าวว่า ตนอยากให้ใช้เวลาเรื่องการปรับโครงสร้างให้น้อยที่สุด เพราะไม่ว่าจะปรับอย่างไรก็มีทั้งคนพอใจ และไม่พอใจ และที่ผ่านมาการปฎิรูปการศึกษาไม่ประสบความสำเร็จเพราะยึดติดกับโครงสร้างจนเกินเหตุ หากจะเอาอย่างไรรัฐมนตรีศึกษาธิการก็ต้องรีบตัดสินใจและทำให้เสร็จโดยเร็ว และหันมาสนใจกับสาระการเรียนรู้ อย่าเสียเวลายื้อไปมา เพื่อจะได้คืนเวลาให้กับเด็กจะเป็นเรื่องดีที่สุด
