ผู้จัดการรายวัน-- เสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้ต้องมีการรื้อระบบการศึกษาของประเทศเสียใหม่เป็นเสียงที่ดังแรงขึ้นทุกที หลังจากผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นได้ตัวเลขที่บ่งชี้ว่ามาตรฐานการศึกษาชั้นสูงของประเทศนี้ยังต่ำ ผลิตคนออกมาไม่เหมาะกับงานและเป็นบัณฑิตที่ไร้ความสามารถ
กระทรวงศึกษาธิการและฝึกอบรมเปิดเผยผลการศึกษาชิ้นล่าสุดในวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่าผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในเวียดนาม จำนวนเกือบ 50% ต้องไปฝึกอบรมหรือฝึกฝนอาชีพเสียก่อนจึงจะสามารถเข้าทำงานในสาขาที่ร่ำเรียนมาได้
หน่วยงานที่ทำการศึกษาวิจัยดังกล่าวได้เก็บข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจำนวน 20 แห่งทั่วประเทศระหว่างปี 2547-2549 มีนักศึกษา อาจารย์ผู้สอน นายจ้างและบัณฑิตที่เรียนจบไปแล้วเกือบ 5,000 คนตอบแบบสอบถาม
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์ การศึกษาวิจัยดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามพัฒนาปรับปรุงระบบการศึกษาในระดับสูงของประเทศ เพื่อให้นักศึกษาสามารถปรับตัวเข้ากับความเรียกร้องต้องการของสังคมได้
นักศึกษาชั้นปีสุดท้ายกับผู้ที่สำเร็จการศึกษาแล้วจำนวน 3,364 คนหรือ 66.7% ที่บอกว่า พวกตนพึงพอใจกับคุณภาพการเรียนการสอน การวิจัยด้านวิทยาการและการจัดการการเรียนการสอนของสถาบัน และกว่า 50% ของผู้ที่ตอบแบบสอบถามบอกว่า พอใจกับงานทำในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม 78% ของนายจ้างจำนวน 234 รายที่ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า ต้องการนักศึกษาที่เรียนสำเร็จจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศเท่านั้น อีก 18% บอกว่า นี่เป็นแนวโน้มที่สำคัญมากสำหรับการจ้างงานในวันข้างหน้า รวมทั้งการกำหนดอัตราเงินเดือน
นายจ้างเหล่านี้กล่าวว่าในปัจจุบัน 50% ของนักศึกษาที่ได้ว่าจ้างเป็นพนักงานนั้น ขาดคุณสมบัติและมีขีดความสามารถไม่ถึงระดับที่นายจ้างต้องการและจะต้องมีการฝึกทักษะการทำงานเพิ่มเติม อีก 28.3% กล่าวว่า นักศึกษาจำนวนนี้ต้องการฝึกฝนอาชีพก่อนจึงจะเริ่มงานได้ และ 33.6% กล่าวว่าจะต้องฝึกทั้งสองด้าน
การศึกษาวิจัยยังพบว่านักศึกษาในเวียดนามส่วนใหญ่รู้สึกพึงพอใจกับการที่ได้เข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา โดยไม่แคร์ว่าจะต้องออกไปประกอบอาชีพอะไรหลังจากเรียนสำเร็จ
ขณะเดียวกันสถาบันอุดมศึกษาที่เปิดใหม่แห่งต่างๆ ก็เพียงแต่ลอกหลักสูตร ที่สถานบันเก่าใช้การมานานแล้ว โดยไม่ได้มีการค้นคิดหลักสูตรใหม่ๆ หรือใช้นวัตรกรรมใหม่ๆ เพื่อเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของยุคสมัย
ตามข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการฯ ที่ศึกษาจากรายงานของมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ จำนวน 89 แห่ง มีเพียง 25 แห่งเท่านั้นที่ 60% ของนักศึกษาที่เรียนจบได้ทำงานตรงตามสาขาที่ได้ร่ำเรียน
แต่มีอยู่เพียงแห่งเดียวที่นักศึกษาสำเร็จแล้วได้ทำงานตามสาขาที่เรียนถึง 100% คือ มหาวิทยาลัยการแพทย์และการเภสัช นครโฮจิมินห์ รองลงมาคือ มหาวิทยาลัยการค้าต่างประเทศกรุงฮานอยด้วยอัตรา 98%
กระทรวงศึกษาธิการฯ ยังได้ข้อสรุปอีกว่า นักศึกษาที่เรียนสำเร็จแล้ว และมีโอกาสได้รับการจ้างงานมากที่สุดเป็นนักศึกษาที่เรียนสำเร็จจากสถาบันอุดมศึกษาในนครโฮจิมินห์
นายแบ็งเตี๋ยนลอง (Banh Tien Long) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการฯ กล่าวว่าเปอร์เซ็นต์การจ้างงานนักศึกษา เป็นดัชนีสำคัญตัวหนึ่งที่ช่วยสะท้อนคุณภาพการเรียนการสอนจากสถาบันการศึกษา
ปัจจุบันในเวียดนามขาดแคลนแรงงานระดับคุณภาพในทุกแขนงงาน ขณะที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัวในระดับสูง การขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพจะเป็นอุปสรรคที่สำคัญ.