ฮู ส่งทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเทรนด์ไทยด้านเทคนิคทำซีแอลให้ได้ผลดีที่สุด วิเคราะห์สถานการณ์ลบจุดอ่อนการทำซีแอลของไทย ลดผลกระทบพร้อมเดินสายตระเวนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาครัฐ-เอกชน เอ็นจีโอ ด้าน “หมอมงคล” ทำซีแอลเงียบเชียบ ช่วยลดกระแสกดดัน
นพ.สุวิทย์ วิบุล ผลประเสริฐ นักวิชาการสาธารณสุข ชช.11 ด้านการวิจัย เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อขอความช่วยเหลือทางด้านวิชาการเกี่ยวกับการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติในการทำซีแอล หลังจากในการประชุมสมัชชาอนามัยโลกครั้งที่ 60 ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเดือน พ.ค.2550 มีข้อสรุปว่า องค์การอนามัยโลกต้องให้ความช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา และประเทศที่มีการประกาศบังคับใช้สิทธิในการทำซีแอล ซึ่ง Dr.Maureen BirmingHam ตัวแทนองค์การอนามัย ประจำประเทศไทย ได้ส่งหนังสือตอบรับส่งทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 7 คน มาเพื่อให้ความรู้คำแนะนำด้านวิชาการเกี่ยวกับการทำซีแอล ให้ได้ผลดี และได้รับผลกระทบน้อยที่สุด รวมถึงวิเคราะห์จุดอ่อนแข็ง จากการที่ประเทศไทยได้ทำซีแอลกับยา 3 รายการ ก่อนหน้านี้ รวมถึงการที่ไทยจะทำซีแอลกับยามะเร็งด้วย
ทั้งนี้ ทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ อาทิ ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก ซึ่งประจำอยู่ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก ซึ่งประจำภูมิภาคเอเชีย เจ้าหน้าที่ที่ประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (อังค์ถัด) นักวิชาการด้านกฎหมายการค้า เป็นต้น ในระหว่างวันที่ 31 ม.ค.-6 กุมภาพันธ์ 2551 นี้
นพ.สุวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับ กำหนดการของคณะทีมงานองค์การอนามัยโลกจะเดินทางไปหารือกับหน่วยงานต่างๆ ของไทย กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอดส์/เอช ไอ วีแห่งประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) สมาคมผู้วิจัยและผลิตภัณฑ์แห่งประเทศไทย (พรีมา) สมาคมผู้ผลิตยาแห่งประเทศไทย รวมถึงหารือกับ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และตนเอง โดยจะรายงานผลทั้งหมดให้กับ นพ.มงคลมงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการทำซีแอลยามะเร็งบางรายการ ซึ่งไม่มีการประกาศเป็นทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพียงแต่ได้ส่งหนังสือแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ทั้งบริษัทยาที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรยาทราบตามขั้นตอนกระบวนการทำซีแอล และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการจัดหายาที่มีการบังคบใช้สิทธิ รวมถึงกรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยดำเนินการอย่างรัดกุมและเงียบที่สุด เพื่อลดผลกระทบที่ตามมา อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถรอดพ้นกระแสงกดดันได้ เนื่องจากถูกมองว่า เป็นแกนนำ หัวหอกในการทำซีแอลไปแล้ว ขณะเดียวกัน ก็เตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีช่องว่างให้ถูกกล่าวหาโจมตี เหมื่อนครั้งที่ผ่านมาแน่นอน
ภก.ธีระ ฉกาจนโรดม นายกสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์แห่งประเทศไทย (พรีมา) กล่าวว่า กังวลว่าการทำซีแอลยามะเร็งของ นพ.มงคล ณ สงขลา จะไม่เกิดประโยชน์ และมีผลกระทบในเชิงลบต่อผู้ป่วยระยะยาว เพราะไม่ใช่ทางออกที่ดีต่อระบบสุขภาพของประเทศไทย เพราะเป็นวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เป็นการหลงทางในการแก้ไขปัญหา และความเสียหายจะเกิดขึ้นกับชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของประเทศไทย เพราะ นพ.มงคล กำลังจะพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่สำคัญ เจ้าของสิทธิบัติยาที่จะถูกประกาศซีแอล ยังไม่ได้รับการติดต่อแจ้งข่าวจาก สธ.แต่อย่างใด
นพ.สุวิทย์ วิบุล ผลประเสริฐ นักวิชาการสาธารณสุข ชช.11 ด้านการวิจัย เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อขอความช่วยเหลือทางด้านวิชาการเกี่ยวกับการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติในการทำซีแอล หลังจากในการประชุมสมัชชาอนามัยโลกครั้งที่ 60 ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเดือน พ.ค.2550 มีข้อสรุปว่า องค์การอนามัยโลกต้องให้ความช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา และประเทศที่มีการประกาศบังคับใช้สิทธิในการทำซีแอล ซึ่ง Dr.Maureen BirmingHam ตัวแทนองค์การอนามัย ประจำประเทศไทย ได้ส่งหนังสือตอบรับส่งทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 7 คน มาเพื่อให้ความรู้คำแนะนำด้านวิชาการเกี่ยวกับการทำซีแอล ให้ได้ผลดี และได้รับผลกระทบน้อยที่สุด รวมถึงวิเคราะห์จุดอ่อนแข็ง จากการที่ประเทศไทยได้ทำซีแอลกับยา 3 รายการ ก่อนหน้านี้ รวมถึงการที่ไทยจะทำซีแอลกับยามะเร็งด้วย
ทั้งนี้ ทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ อาทิ ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก ซึ่งประจำอยู่ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก ซึ่งประจำภูมิภาคเอเชีย เจ้าหน้าที่ที่ประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (อังค์ถัด) นักวิชาการด้านกฎหมายการค้า เป็นต้น ในระหว่างวันที่ 31 ม.ค.-6 กุมภาพันธ์ 2551 นี้
นพ.สุวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับ กำหนดการของคณะทีมงานองค์การอนามัยโลกจะเดินทางไปหารือกับหน่วยงานต่างๆ ของไทย กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอดส์/เอช ไอ วีแห่งประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) สมาคมผู้วิจัยและผลิตภัณฑ์แห่งประเทศไทย (พรีมา) สมาคมผู้ผลิตยาแห่งประเทศไทย รวมถึงหารือกับ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และตนเอง โดยจะรายงานผลทั้งหมดให้กับ นพ.มงคลมงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการทำซีแอลยามะเร็งบางรายการ ซึ่งไม่มีการประกาศเป็นทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพียงแต่ได้ส่งหนังสือแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ทั้งบริษัทยาที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรยาทราบตามขั้นตอนกระบวนการทำซีแอล และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการจัดหายาที่มีการบังคบใช้สิทธิ รวมถึงกรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยดำเนินการอย่างรัดกุมและเงียบที่สุด เพื่อลดผลกระทบที่ตามมา อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถรอดพ้นกระแสงกดดันได้ เนื่องจากถูกมองว่า เป็นแกนนำ หัวหอกในการทำซีแอลไปแล้ว ขณะเดียวกัน ก็เตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีช่องว่างให้ถูกกล่าวหาโจมตี เหมื่อนครั้งที่ผ่านมาแน่นอน
ภก.ธีระ ฉกาจนโรดม นายกสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์แห่งประเทศไทย (พรีมา) กล่าวว่า กังวลว่าการทำซีแอลยามะเร็งของ นพ.มงคล ณ สงขลา จะไม่เกิดประโยชน์ และมีผลกระทบในเชิงลบต่อผู้ป่วยระยะยาว เพราะไม่ใช่ทางออกที่ดีต่อระบบสุขภาพของประเทศไทย เพราะเป็นวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เป็นการหลงทางในการแก้ไขปัญหา และความเสียหายจะเกิดขึ้นกับชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของประเทศไทย เพราะ นพ.มงคล กำลังจะพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่สำคัญ เจ้าของสิทธิบัติยาที่จะถูกประกาศซีแอล ยังไม่ได้รับการติดต่อแจ้งข่าวจาก สธ.แต่อย่างใด
