ศธ.ทุ่มเงิน 858 ล้าน พัฒนาครู ผลิตสื่อ เพื่อแก้ปัญหาเด็กไทยอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ตั้งเป้าภายในปี 55 เด็กทุกคนที่จบ ป.6 สามารถอ่านออกเขียนได้คล่อง
นับจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจการพัฒนา (OECD) รายงานว่า นักเรียนไทยอายุ 15 ปี ร้อยละ 37 มีความสามารถในการอ่านต่ำมาก ซึ่งย่อมส่งผลให้การเรียนวิชาอื่นๆ อ่อนด้อยตามไปด้วย สอดคล้องกับรายงานระดับชาติ (O-NET) ของนักเรียนต่ำกว่า ร้อยละ 50 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประเมินผลสัมฤทธิ์การเรียนภาษาไทยของนักเรียนทุกระดับ ตั้งแต่ปี 39 ถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ในปีการศึกษา 49 สพฐ.สำรวจนักเรียน ป.2 ทั่วประเทศพบว่า นักเรียน 637,004 คน มีปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ 79,358 คน
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า เพื่อแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของนักเรียนให้หมดไป ทาง สพฐ.ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์พัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน (ปี 52-55) โดยใช้งบประมาณ 858,880,000 บาท ทั้งนี้ ตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 55 นี้ นักเรียนที่จบช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-ป.3) ทุกคนอ่านออกเขียนได้ ช่วงชั้นที่ 2 (ป.4-ป.6) ทุกคนอ่านคล่องเขียนคล่อง และมีผลสัมฤทธิ์การเรียนภาษาไทยสูงขึ้นมากกว่า ร้อยละ 55 ส่วนนักเรียนที่ใช้ภาษาถิ่นในชีวิตประจำวัน ในพื้นที่ชายแดนและพื้นที่พิเศษ พัฒนาความสามารถการใช้ภาษาไทยเต็มตามศักยภาพ ใช้ภาษาสื่อสาร ขณะเดียวกัน นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพและเรียนร่วมกับผู้อื่นได้ ส่วนนักเรียนที่มีความสามารถดีเด่นด้านภาษาไทยได้รับการพัฒนาในระดับสูงขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อให้พัฒนาคุณภาพของเด็กเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้น สพฐ.จึงมีแผนแก้ปัญหาการอ่านและการเขียนภาษาไทยของนักเรียนเป็นรายบุคคล นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาครูให้สามารถฝึกทักษะการใช้ภาษาไทย เช่น การอ่าน การเขียน และทักษะอื่นๆ ของนักเรียนให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งเสริมนักเรียนให้มีทักษะกระบวนการคิดโอยผ่านทักษะการใช้ภาษาไทย ทั้งการฟัง พูด อ่าน และเขียน ให้นักเรียนสามารถวิเคราะห์เป็น
“ก่อนอื่น สพฐ.จะจัดอบรมครูผู้สอนก่อนเพื่อให้มีทักษะ ผลิตสื่อสมัยใหม่ เพื่อให้ครูสามารถนำความรู้จากการอบรม เพื่อนำมาใช้ในการถ่ายทอดความรู้ให้แก่เด็ก ขณะเดียวกันครูทุกคนจะต้องผลิตสื่อขึ้นเองมาใช้การสอนด้วย นอกจากนี้ให้ช่วยเหลือเด็กอ่อนหรือนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ โดยครูสอนซ่อมเสริม เพื่อให้เด็กคนนั้นสามารถอ่านออกเขียนได้จริง”
นับจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจการพัฒนา (OECD) รายงานว่า นักเรียนไทยอายุ 15 ปี ร้อยละ 37 มีความสามารถในการอ่านต่ำมาก ซึ่งย่อมส่งผลให้การเรียนวิชาอื่นๆ อ่อนด้อยตามไปด้วย สอดคล้องกับรายงานระดับชาติ (O-NET) ของนักเรียนต่ำกว่า ร้อยละ 50 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประเมินผลสัมฤทธิ์การเรียนภาษาไทยของนักเรียนทุกระดับ ตั้งแต่ปี 39 ถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ในปีการศึกษา 49 สพฐ.สำรวจนักเรียน ป.2 ทั่วประเทศพบว่า นักเรียน 637,004 คน มีปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ 79,358 คน
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า เพื่อแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของนักเรียนให้หมดไป ทาง สพฐ.ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์พัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน (ปี 52-55) โดยใช้งบประมาณ 858,880,000 บาท ทั้งนี้ ตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 55 นี้ นักเรียนที่จบช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-ป.3) ทุกคนอ่านออกเขียนได้ ช่วงชั้นที่ 2 (ป.4-ป.6) ทุกคนอ่านคล่องเขียนคล่อง และมีผลสัมฤทธิ์การเรียนภาษาไทยสูงขึ้นมากกว่า ร้อยละ 55 ส่วนนักเรียนที่ใช้ภาษาถิ่นในชีวิตประจำวัน ในพื้นที่ชายแดนและพื้นที่พิเศษ พัฒนาความสามารถการใช้ภาษาไทยเต็มตามศักยภาพ ใช้ภาษาสื่อสาร ขณะเดียวกัน นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพและเรียนร่วมกับผู้อื่นได้ ส่วนนักเรียนที่มีความสามารถดีเด่นด้านภาษาไทยได้รับการพัฒนาในระดับสูงขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อให้พัฒนาคุณภาพของเด็กเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้น สพฐ.จึงมีแผนแก้ปัญหาการอ่านและการเขียนภาษาไทยของนักเรียนเป็นรายบุคคล นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาครูให้สามารถฝึกทักษะการใช้ภาษาไทย เช่น การอ่าน การเขียน และทักษะอื่นๆ ของนักเรียนให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งเสริมนักเรียนให้มีทักษะกระบวนการคิดโอยผ่านทักษะการใช้ภาษาไทย ทั้งการฟัง พูด อ่าน และเขียน ให้นักเรียนสามารถวิเคราะห์เป็น
“ก่อนอื่น สพฐ.จะจัดอบรมครูผู้สอนก่อนเพื่อให้มีทักษะ ผลิตสื่อสมัยใหม่ เพื่อให้ครูสามารถนำความรู้จากการอบรม เพื่อนำมาใช้ในการถ่ายทอดความรู้ให้แก่เด็ก ขณะเดียวกันครูทุกคนจะต้องผลิตสื่อขึ้นเองมาใช้การสอนด้วย นอกจากนี้ให้ช่วยเหลือเด็กอ่อนหรือนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ โดยครูสอนซ่อมเสริม เพื่อให้เด็กคนนั้นสามารถอ่านออกเขียนได้จริง”
