วันที่ 12 มกราคม เป็นอีกวันหนึ่งที่เด็กๆ ทุกคนรอคอยเพราะจะได้สนุกสนานกับกิจกรรม รวมทั้งของขวัญที่บรรดาผู้ใหญ่ใจดีจัดให้ อย่างไรก็ตาม ในแง่มุมทางการแพทย์แล้วกลับแนะนำให้พ่อแม่ผู้ปกครองมอบของขวัญวันเด็กปีนี้ให้ลูกๆ ด้วยการปล่อยให้พวกเขาได้เล่นอย่างอิสระตามธรรมชาติให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มพัฒนาการทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสติปัญญาให้แก่เด็ก
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตที่ 13 กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข และกรรมการสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย เสนอแนวคิดในการมอบของขวัญวันเด็กแบบพอเพียงที่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจยุคปัจจุบันให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองว่า การซื้อของเล่นให้กับลูกๆ อาจไม่จำเป็นเลย หากพ่อแม่ผู้ปกครองงได้พาพวกเขาออกไปเล่นในพื้นที่กว้างๆ นอกบ้านอย่างอิสระและเหมาะสมตามวัย พร้อมทั้งให้ความใกล้ชิด เป็นเพื่อนเล่นที่ดีของลูก และเข้าใจในความต้องการในการเล่นที่หลากหลายของลูก เพราะเพียงเท่านี้ก็เหมือนได้มอบของขวัญชิ้นพิเศษให้แก่พวกเขาแล้ว
“การที่เด็กๆ ได้ออกไปเล่นกลางแจ้งหรือได้อยู่กับธรรมชาติบ้าง นอกจากจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่ช่วยขจัดความเครียด และเสริมสร้างพัฒนาการทั้งทางร่างกายและสติปัญญาให้แก่เด็กแล้ว ยังช่วยส่งเสริมการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติให้กับเด็กมากขึ้นด้วย พ่อแม่ผู้ปกครองเพียงแต่ส่งเสริมให้เด็กรู้จักเล่นอย่างเหมาะสม เช่น พาลูกๆ ออกไปวิ่งเล่นในสวนสาธารณะ หรือปล่อยให้ลูกๆ เล่นในสนามเด็กเล่นให้เต็มที่ โดยเราคอยดูอยู่ห่างๆ ไม่ต้องเป็นกังวลมากนักว่า การออกไปเล่นเลอะเทอะนอกบ้านจะทำให้ลูกเจ็บเนื้อเจ็บตัวจนต้องห้ามลูกไปเสียทุกอย่าง เพราะนั่นเท่ากับเป็นการปิดกั้นโอกาสของเด็กๆ ในการใช้จินตนาการอย่างอิสระ”
“ขณะเดียวกัน ในส่วนของครูอาจารย์ก็น่าจะนำวิชาการภายในห้องเรียนมาประยุกต์เป็นเกมการเล่นนอกห้องเรียนบ้าง เพื่อสร้างสีสันให้กับการเรียน และเปลี่ยนบรรยากาศให้เด็กๆ ได้สนุกกับสิ่งที่ครูเตรียมมามอบให้โดยไม่รู้สึกเบื่อ”
พญ.อัมพรแนะนำต่อว่า การได้ปล่อยให้เด็กได้ออกไปเล่นกับเพื่อนๆ ในพื้นที่โล่งกว้างกลางแจ้งยังมีประโยชน์ยิ่งกว่าการเล่นด้วยของเล่นไม่กี่ชิ้นภายในบ้าน โดยเฉพาะการดูโทรทัศน์และเล่นเกมซึ่งปัจจุบันพบว่า กว่า 90% ของเด็กที่มีคอมพิวเตอร์ที่บ้านส่วนใหญ่ ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการเล่นเกม ซึ่งถ้าเด็กติดเกมมากๆ อาจทำให้เด็กมีพฤติกรรมรุนแรงและแปลกแยกจากสังคม
ทั้งนี้ การที่เด็กๆ ได้ออกกำลังกลางแจ้ง นอกจากจะช่วยเพิ่มพัฒนาการทางร่างกายแล้ว ยังมีผลต่อการพัฒนาจิตใจและสติปัญญาอีกด้วย เพราะกิจกรรมการเล่นแต่ละชนิด โดยเฉพาะการเล่นที่เด็กๆ มีโอกาสได้เคลื่อนไหวร่างกายหลากหลายรูปแบบ ล้วนช่วยเพิ่ม “เพลย์ คิว” หรือความฉลาดทางการเล่น ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของไอคิว และอีคิวให้แก่เด็ก
ที่สำคัญการได้ออกไปเล่นข้างนอก ยังช่วยให้เด็กได้รู้จักการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และช่วยสร้างประสบการณ์ชีวิตที่ดีให้กับเด็กๆ อีกด้วย ดังนั้น ยิ่งพ่อแม่ได้พาลูกๆ ออกไปเล่นกลางแจ้งบ่อยขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อพวกเขามากขึ้นเท่านั้น