xs
xsm
sm
md
lg

"อนุทิน" จะงานเข้า!? ปากไวจาก “ไทยก็รุกล้ำเขมร” ถึง “ยังติดเงินพี่น้อง 2,400”!! ** “ลุงป้อม” ถอนตัว ทำพลังประชารัฐ แตกรัง!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว



++ "อนุทิน" จะงานเข้า!? ปากไวจาก “ไทยก็รุกล้ำเขมร” ถึง “ยังติดเงินพี่น้อง 2,400”!!

มีคำเตือนเก่าแก่ที่ยังใช้ได้เสมอ ว่า “ก่อนพูด…เราเป็นนายคำพูด แต่หลังพูดไปแล้ว…คำพูดเป็นนายเรา”

ดูเหมือนว่า "อนุทิน ชาญวีรกูล" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่เคยจำประโยคนี้ จึงพูดจาไม่ระวัง หรือ "ปากไว" หรือ “ปากเปราะ” แล้วแต่จะเรียก

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ประเด็นชายแดนไทย–กัมพูชา กำลังอ่อนไหว "อนุทิน" เคยให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า...“ไทยก็รุกล้ำเขมรเหมือนกัน”

อนุทิน ชาญวีรกูล
แม้ “อนุทิน” จะออกมาอ้างภายหลังว่า ตั้งใจสะท้อนข้อเท็จจริงเชิงเทคนิค หรือพูดในมุมถ่วงดุล

แต่ทางการเมือง และความรู้สึกสาธารณะ คำพูดนี้ถูกตีความทันทีว่า เป็นการลดทอนความชอบธรรมของฝั่งไทย ในจังหวะที่ทหารหาญ กำลังปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ

เสียงวิจารณ์จึงถาโถม ตั้งแต่ ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ ไปจนถึง ไม่ควรออกจากปากนักการเมืองระดับชาติ และอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นี่คือจุดที่ภาพจำ “ปากไว ปากแจ๋ว” ของ "เสี่ยหนู"

และแล้ว...เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา บนเวทีเปิดตัวพรรคภูมิใจไทย สู้ศึกเลือกตั้ง

"อนุทิน" ก็พูดประโยคที่ทำให้การเมืองสะดุดหูอีกครั้ง

“ผมยังติดเงินพี่น้องอยู่ 2,400 บาท ขอให้ผมและพรรคภูมิใจไทย ได้มีโอกาสกลับมาใช้หนี้พวกท่านเถอะครับ”

เงิน 2,400บาท ที่ “อนุทิน” พูดถึงนั้น คนฟังรู้ทันทีว่า เป็นเงินในโครงการ “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” ที่ รัฐบาลตั้งใจจะแจก แต่ไปขออนุญาติกกต.แล้ว กกต.ไม่อนุมัติ

ศรีสุวรรณ จรรยา
และประโยคนี้เอง ที่ทำให้ "นักร้อง" เจ้าเก่า "พี่ศรี" ศรีสุวรรณ จรรยา เดินหน้าเข้ายื่นร้องต่อ กกต. ขอให้สอบสวนว่า คำพูดของ "เสี่ยหนู" เข้าข่ายหาเสียงโดยสัญญาว่าจะให้ตาม พ.ร.ป. เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (1) หรือไม่ !?

เพราะในเชิงกฎหมายเลือกตั้ง คำพูดนี้มี “องค์ประกอบเสี่ยง” ครบถ้วน คือ

หนึ่ง พูดถึงตัวเลขเงินต่อคน แบบชัดเจน

สอง ผูกกับ การให้โอกาสทางการเมือง และการเลือกตั้ง

สาม คนทั่วไปสามารถตีความได้ว่า เลือกแล้วจะได้ประโยชน์เป็นเงิน

แม้จะยังไม่มีการแจกเงินจริง

แต่แนวปฏิบัติของ กกต. ระบุไว้ชัดว่า แค่คำพูดที่ถูกใช้เพื่อจูงใจคะแนนเสียง ก็อาจเข้าข่ายความผิดได้แล้ว!

เมื่อเอา “ไทยก็รุกล้ำเขมร” มาเชื่อมกับ “ยังติดเงินพี่น้อง 2,400บาท”

ภาพของ “อนุทิน” ในสายตาคนการเมือง จึงชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่า เป็นนักการเมืองที่ “พูดเอาหล่อ" พูดไม่คิด

แว่วว่า ทีมกุนซือของพรรคก็ปวดหัวกับหัวหน้าปากเปราะ คนนี้

บนเวทีหาเสียง อาจให้อภัยว่าอารมณ์พาไป

แต่กฎหมายเลือกตั้ง ไม่ฟังเจตนา ฟังแค่คำที่พูด , เวลา และเวทีที่พูด และผลที่สาธารณชนตีความได้

จากประเด็นชายแดน ถึงประเด็น เงิน 2,400 สองประโยค สองบริบท แต่บทเรียนเดียวกันคือ “เสี่ยหนู” พูดผิดจังหวะและผิดเวลา หรือพูดแบบ “ไม่รู้กาละ เทศะ” นั่นแหละ

งานนี้คำถามที่ยังลอยอยู่ในอากาศ คือ…อนุทิน ชาญวีรกูล

จะปรับโหมดจาก “ปากไว” เป็น “ปากรอด” เมื่อไหร่ ไหวมั้ยกับเลือกตั้งครั้งนี้ !?

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
++ “ลุงป้อม” ถอนตัว ทำพลังประชารัฐ แตกรัง!!

หลัง “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เเถลงเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อลงนามส่งผู้สมัคร ส.ส. ทั้งสองระบบ คือระบบเขต ประมาณ 200 เขต และบัญชีรายขื่อ อีกจำนวนหนึ่ง

เเต่ “ลุงป้อม” ถอนตัว ไม่เป็นเเคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 33 ของพรรคเเล้ว เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ

ทั้งนี้ กกต. จะเปิดรับสมัครเลือกตั้งส.ส. ระหว่างวันที่ 27-31 ธ.ค.68 ก็ต้องติดตามดูว่า “ลุงป้อม” จะยังเป็นผู้สมัคร สส. ในระบบบัญชีรายชื่อ หรือไม่

แต่แค่ “ลุงป้อม” ไม่เป็นแคนดิเดตนายกฯ เท่านี้ก็ทำให้พรรคมีสภาพไม่ต่างจากผึ้งแตกรัง กันไปแล้ว

ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
เพราะในวันถัดมา “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” อดีต รมช.คลัง ที่ได้รับการวางตัวให้เป็นหนึ่งใน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรค ก็ประกาศลาออกตาม “ลุงป้อม” ไปอีกคน รวมทั้งลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคด้วย
เรียกว่า หันหลังให้กับพรรคพลังประชารัฐ กันเลย

เหตุผลก็ชัดเจน “ธีระชัย” บอกว่า ที่ตัดสินใจเข้ามาร่วมทำกิจการการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะศรัทธาในตัว “ลุงป้อม” เมื่อ ลุงป้อมถอย ก็ไม่มีเหตุผลที่ตนเองต้องอยู่ หลังจากนี้ก็จะกลับไปทำหน้าที่นักวิชาการอิสระ อย่างเดิม

ตอนนี้จึงเหลือเพียง “ตรีนุช เทียนทอง” เลขาธิการพรรค มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ อยู่คนเดียว

ไม่เพียงเท่านั้น “ตระกูลอยู่บำรุง” ก็ตีธงถอย เช่นกัน

วัน อยู่บำรุง
โดยเมื่อวานนี้ (25ธ.ค.) “วัน อยู่บำรุง” ลูกชายของ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ก็ไปยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่สำนักงาน กกต.

ทั้งๆ ที่ตอนไปสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคนั้น ได้รับการโปรโมตว่า จะให้เป็นผู้ดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพฯทั้งหมด

“วัน อยู่บำรุง” ยอมรับตรงๆ ว่า เมื่อสถานการณ์ เป็นอย่างนี้ ตนเองก็คงไปต่อไม่ได้ เพราะกกต. จะเปิดรับสมัครในวันเสาร์ที่ 27 ธ.ค.นี้แล้ว ก็คงต้องใช้โอกาสนี้พักผ่อน ให้เวลากับครอบครัวไปก่อน

สำหรับ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ที่เพิ่งลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย แล้วไปพบ “ลุงป้อม” เตรียมสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นั้น “วัน อยู่บำรุง” บอกว่า พ่อวางมือแน่นอน เพราะอายุเยอะแล้ว

เสกสกล อัตถาวงศ์
นอกจากนี้ก็มี “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ อดีต ผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี และอดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ก็ไปลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เช่นกัน เพื่อไปสมัครเข้าพรรคโอกาสใหม่ ลงเลือกตั้ง ที่ เขต 10 อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ถิ่นฐานบ้านเกิด

การถอยออกมาของ “ลุงป้อม” โดยอ้างปัญหาสุขภาพนั้น คนวงในใกล้ชิดลือกันว่า “ลุงป้อม” โดนคนการเมืองหลายคน มาล้วงกระสุน อ้างว่าเอาไปทำพื้นที่ เตรียมเลือกตั้ง เเต่สุดท้ายหนีไปสมัครพรรคอื่นเเทน !?

จนไม่กี่วันก่อน คนใกล้ชิดลุงป้อม สั่งตัดการเบิกจ่ายกระสุน ! เพราะประเมินเเล้วกลัว “ลุงป้อม”จะโดนหลอกกินฟรี

ประกอบกับผล “นิด้าโพล” ที่สำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองล่าสุด ในไตรมาส 4 ปรากฏว่า คนที่จะเป็นนายกฯ นั้น “ลุงป้อม”อยู่อันดับ 10 คือ ร้อยละ 2.28 ส่วนพรรคที่ชาวบ้านจะเลือกนั้น พลังประชารัฐอยู่อันดับ 9 ได้แค่ร้อยละ1.12

ถ้ายึดตามผลโพล เเปลว่าทั้ง “ลุงป้อมเเละพลังประชารัฐ” ไม่มีลุ้นใดๆ เลย ต่อให้เป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ก็สอบตก
แล้วอย่างนี้จะให้ “ลุงป้อม” เอาใจที่ไหนมาบันดาลแรง!!

อนาคตของพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นอย่างไร คงพอคาดการณ์กันได้ แต่ถ้าพูดแบบรักษาน้ำใจกัน ก็ต้องรอวันที่ 8 ก.พ.69 ว่าประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จะให้อยู่ต่อ หรือพอแค่นี้เถอะลุง !!


กำลังโหลดความคิดเห็น