วันนี้ (13 ธ.ค.) นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงกรณีที่รัฐสภามีมติเห็นชอบกับเสียงข้างน้อย ไม่ตัดอำนาจ สว. ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนท้ายที่สุดเกิดการยุบสภาขึ้น ว่า เรื่องนี้ สว. คงไม่มีอะไรแก้ต่าง เนื่องจากการอภิปราย สว.ยึดตามรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งตนก็ต้องบอกว่าทำไมถึงไม่เคารพกติกาเก่าที่ต้องมีเสียง สว. 1 ใน 3 ตามเจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงเสียงของประชาชน 16 ล้านเสียงที่รับรองผ่านการทำประชามติ ทำไมท่านที่ตั้งคำถามไม่ยอมรับกติกาของเสียงข้างน้อยด้วยเช่นกันที่เคารพกับรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งตนไม่ได้มีเจตนาที่จะขัดขวาง ที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญล่าช้า แต่เสียงของ สว.ส่วนใหญ่อยากให้ยืนยันสิทธิและหน้าที่ของวุฒิสภา เรื่องการใช้เสียง 1 ใน 3 เป็นสำคัญ
ที่สำคัญคือ ตนก็ได้ถอนความเห็นในมาตรา 256/26 ไปแล้ว 3 ประการที่อาจเอื้อประโยชน์ให้วุฒิสมาชิก ได้แก่ ให้ไม่มีการเว้นวรรคทางการเมือง, ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 5 ปี และขอให้องค์กรอิสระที่ยังไม่สิ้นสุดวาระ ถือว่าตนได้ถอนสิ่งที่อาจจะเป็นมูลเหตุที่ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนรวมถึงผลประโยชน์ของ สว. เอง แต่เรื่องสิทธิ์การลงมติ 1 ใน 3 สว. ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะเป็นไปตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก
นายพิสิษฐ์ ย้ำว่า สว.ต้องทำหน้าที่กลั่นกรอง เพราะไม่มีอะไรรับประกันได้ ที่ผ่านมา เราเคยมีพรรคการเมืองเดียวที่ครองเสียงข้างมาก เกิน 350 เสียง ซึ่งเท่ากับเป็นเผด็จการรัฐสภา 350 เสียงคือครึ่งหนึ่งของ 700 จะโหวตทิศทางไหนก็ได้ อาจจะมีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือพรรคการเมืองใดที่รวมกันได้สองพรรคแล้วเกิน 350 เสียง ก็สามารถแก้อะไรก็ได้ตามใจตัวเองทำอย่างไร ตนมองว่า 1 ใน 3 ของเสียง สว.ไม่ได้เยอะ แล้วทำไมถึงให้ไม่ได้
นายพิสิษฐ์ ยืนยันว่า เกมการเมืองที่ลากยาวไปถึงยุบสภา ไม่เกี่ยวข้องกับ สว. ซึ่งผู้นำฝ่ายค้านท่านก็ชี้แจงไว้แล้วชัดเจน


