แกนนำชทพ. รับได้สูตร 20 หยิบ 1 บอกยุติธรรมพอสมควร แม้เปิดช่องฮั้วในพรรคการเมือง พร้อมขอ “ปชน.” รับข้อเสนอ “ภท.” เขียนล็อกไม่แก้หมวด 1 หมวด 2
วันนี้ (18พ.ย.) ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะอดีตกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ 2560 ให้สัมภาษณ์ต่อกรณที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา กำหนดกลไกการได้มาขององค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้รัฐสภาเลือกจากบุคคลที่เข้ามาสมัคร ด้วยสูตรให้สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่ม 20 คน เลือกกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ได้ 1 หรือ 20 หยิบ 1 ว่า ตนรับได้ และเชื่อว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่คิดได้ในตอนนี้ เพราะการกำหนดกลไกจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่สามารถกำหนดให้ประชาชนเลือกตั้งได้เนื่องจากจะขัดหรือแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
“ผมมองว่าการกำหนดให้มีกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ โดยรัฐสภาเลือกนั้นไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันถือว่าสูตร 20 หยิบ 1 นั้น ยุติธรรมพอสมควร แม้จะดูแปลก แต่จะไม่ทำให้กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นของสีใดสีหนึ่ง” นายนิกร กล่าว
นายนิกร กล่าวต่อว่าส่วนประเด็นที่กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ กำหนดให้มีคณะกรรมการรับฟังความเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน 35 คนนั้น เชื่อว่ากมธ.จะออกแบบให้มีการรับฟังความเเห็นจากประชาชนและความเห็นนั้นถูกนำไปพิจารณาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน ไม่ใช่ให้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 35 คนนั้นเขียนขึ้นมาเอง
เมื่อถามว่าการกำหนดสูตร 20 หยิบ 1 โดยให้สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่มโดยอิสระ ถูกตั้งข้อสังเกตว่า กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญอาจถูกจัดตั้งได้และทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีเนื้อหาไม่พึงประสงค์ นายนิกร กล่าวว่า การกำหนดให้รัฐสภาเลือกกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญจากผู้ที่สมัครโดยต้องมีผู้รับรอง 100 คนนั้น แม้ไม่ใช่หลักการที่ดีที่สุด แต่ต้องทำเพื่อไม่ให้ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นหลักการที่เสียงข้างมากมีอิทธิพลกว่าเสียงข้างน้อย หากให้กำหนดให้เสียงข้างน้อยมีบทบาทมากกว่าเสียงข้างมากคงไม่ได้ อย่างไรก็ดีระบบรัฐสภา ยังมีเสียง สว. อีก 200 คนหากร่างไม่ดี รัฐสภาไม่เห็นชอบ
“เป็นสัดส่วนที่ยุติธรรม ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนเลือก สส. หากได้สส.มาก ก็ได้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญมาก แม้เรื่องนี้จะดูไม่สวย เหมือนจับสลาก แต่ดีที่สุดแล้ว ซึ่งกรณีนี้ผมมองว่าจะไม่เกิดการฮั้วกันของผู้สมัคร แต่หากจะฮั้วกัน ก็จะฮั้วกันภายในพรรคของพวกคุณในสภาเท่านั้น ส่วนประเด็นที่จะเขียนหลังจากนั้น ผมมองว่าพรรคประชาชน ต้องสนับสนุนเนื้อหาของพรรคภูมิใจไทย ที่กำหนดว่าไม่แตะหมวด 1 และ หมวด2 รวมถึงรูปแบบการปกครอง เพื่อไม่ให้มีปัญหา” นายนิกร กล่าว
นายนิกร กล่าวต่อว่าสำหรับการเปิดประชุมสภา สมัยวิสามัญนั้น ตนมองว่าเป็นไปตามข้อตกลงทางการเมืองที่พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนลงนามร่วมกัน ซึ่งขณะนี้พรรคภูมิใจไทยฐานะรัฐบาลได้ปฏิบัติตามข้อตกลงทางการเมืองแล้วว่าต้องทำขั้นตอนแก้รัฐธรรมนูญให้เสร็จภายในปี2568 ดังนั้นเชื่อว่าจะสำเร็จ ส่วนกรณีที่จะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ตนมองว่า เมื่อรัฐบาลทำตามข้อตกลงทางการเมืองต่อประเด็นแก้รัฐธรรมนูญแล้ว พรรคประชาชนต้องแสดงท่าที หากจะรักษาเอารัฐธรรมนูญไว้
“เสียงโหวตไม่ไว้วางใจ ฝ่ายที่ยื่นญัตติ ต้องได้เสียง 250 เสียงขึ้นไป แต่หากไม่เกินรัฐบาลก็ไปรอด ดังนั้นพรรคที่ร่วมลงนามในข้อตกลงทางการเมือง หากไม่โหวต หรือ ไม่ลงคะแนน รัฐสภาไปได้ถึง 31 ม.ค. และการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในช่วง 29 มี.ค.69” นายนิกร กล่าว


