พรรคประชาชนจี้รัฐบาลส่างปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก หลังพบลามไปถึงแม่น้ำโขง-สาละวินแล้ว แนะจัดสรรงบเพิ่มความถี่ตรวจสอบสารพิษ น้ำ-ข้าวได้รับผลกระทบหรือไม่ พร้อมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุมพหุภาคี จีน-เมียนมา-ลาว หารือจัดการ ตรวจสอบห่วงโซ่การทำเหมืองเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีสารพิษในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบต่อสุขภาพของประชาชนซึ่งตอนนี้มีความรุนแรงเรื้อรังกว้างขวางขึ้น มีการค้นพบใน จ.เชียงรายจำนวน 18 หมู่บ้านมีสารตะกั่วเกินมาตรฐานในน้ำประปา และอีก 4 หมู่บ้าน พบมีสารหนูเกินมาตราฐาน ในมุมของการเกษตรข้าวนาปีที่มีการใช้น้ำจากแหล่งน้ำเหล่านี้เริ่มมีการเก็บเกี่ยวแล้ว แต่ทางรัฐบาลยังไม่มีการตรวจว่าข้าวมีการปนเปื้อนหรือไม่ ส่วนมิติของการท่องเที่ยวที่มีความเกี่ยวข้องกับแม่น้ำโดยเฉพาะแม่น้ำกกที่มีประเพณีเกี่ยวกับแม่น้ำมากมายนั้นต้องปิดตัวลงไปเพราะปัญหาดังกล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นเกือบหนึ่งปีแล้วแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ ล่าสุดปัญหาดัวกล่าวได้ลุกลามไปถึงแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาละวินที่เป็นปลายทางของแม่น้ำอีกหลายสายแล้ว ปัญหานี้เราไม่ได้ก่อแต่ต้องรับกรรมเพราะคาดว่าต้นตอมาจากเมืองแร่ในประเทศพื้นบ้าน
นายพริษฐ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกระดับการดำเนินการภายในประเทศในการแก้ไขผลกระทบต่อประชาชน โดยรัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อควบคุมความถี่ในการตรวจสอบสารพิษ รวมถึงจัดสรรงบประมาณในการตรวจข้าว ที่ใช้แหล่งน้ำที่มีปัญหาในการทำการเกษตรว่ามีการปนเปื้อนหรือไม่ พร้อมทั้งจัดสรรแหล่งน้ำทดแทนให้กับประชาชนในพื้นที่ที่รับผลกระทบ และเปิดเผยข้อมูลสื่อสารประชาชนอย่างชัดเจนเพื่อให้ตระหนักถึงปัญหา เพื่อไม่ให้ตระหนกเพราะสามารถเข้าถึงข้อมูลจากทางภาครัฐ
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในส่วนเวทีระหว่างประเทศต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอผ่านการเจรจาระดับนานาชาติ รัฐบาลควรเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในการประชุมพหุภาคีเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว อย่างน้อยต้องมีเมียนมาร์และลาว เนื่องจากเป็นประเทศต้นน้ำ รวมถึงจีนที่ปัจจุบันครองตลาดแร่ส่วนใหญ่ของโลก เพื่อแลกเปลี่ยนข้อเสนอ หาข้อสรุปถึงมาตรการที่ต้องดำเนินการรวมถึงการศึกษาร่วมกันว่าสามารถใช้กฎหมายของประเทศใดได้บ้างเพื่อแก้ปัญหามลพิษจากแหล่งกำเนิด
ในเมื่อปัจจุบันนายกอยู่ที่จีนแล้วควรเร่งหารือกับเพื่อนัดถกเจรจา โดยอ้างถึงกลไกความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม Lancang-Mekong Environmental Cooperation Center (LMEC) ที่จีนมีส่วนร่วมอยู่แล้ว พร้อมทั้งหารือกับรัฐบาลจีนในการออกกฎระเบียบบริหารจัดการและตรวจสอบห่วงโซ่การทำเหมืองเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
“หากรัฐบาลรักชาติจริงควรทำงานหนักและเร็วกว่านี้ในการปกป้องแม่น้ำและทรัพยากรธรรมชาติของชาติที่กำลังถูกคุกคามจากมลพิษที่ถูกปล่อยให้ไหลจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยและส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของคนไทย” นายพริษฐ์กล่าว


