xs
xsm
sm
md
lg

เสียงข้างมากกมธ.แก้รธน.เคาะให้มีเฉพาะกมธ.ยกร่างฯ ตั้งคณะฟังความเห็นปชช.แทนสภาที่ปรึกษาฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กมธ.แก้รธน.เสียงข้างมาก 22 ต่อ 8 เคาะให้มีเฉพาะ “กมธ.ยกร่างฯ” ตั้ง “คณะฟังความเห็น ปชช.” แทน “สภาที่ปรึกษาฯ” ให้รัฐสภาคัดเลือกทั้งคู่ย้ำหาช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วม–กันครอบงำจากฝ่ายการเมือง

วันนี้ (12พ.ย.) นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา แถลงผลการประชุมกมธ. ซึ่งมีข้อยุติต่อประเด็นการกำหนดให้ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างงรัฐธรมนูญ เป็นองค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพียงองค์กรเดียว ว่า ที่ประชุมได้ลงมติในหลักการที่ได้ข้อยุติแล้ว คือให้มี กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน และ ให้มี กรรมการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน จำนวน 35 คน แทนสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การพิจารณาถือว่าผ่านในหลักการสำคัญแล้ว ประเด็นต่อไปจะหารือในรายละเอียดที่มาของกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมการรับฟังความคิดเห็น อย่างไรก็ดี กมธ.ได้หารือถึงฉากทัศน์ที่จะเกิดขึ้นต่างๆ จึงต้องพูดคุยเพื่อให้มีข้อสรุปที่รอบคอบมากยิ่งขึ้น

นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่าความเห็นกมธ.ทุกคนเห็นด้วยกับการมีการเลือกตั้งโดยประชาชน แต่ที่ต้องโหวตแก้ไขในประเด็นสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเกรงว่าจะขัดกับคำวินิจฉัยหรือความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้การผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องล่าช้า

“ถ้ากระบวนการเริ่มต้นของการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่สามารถทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการต้นน้ำได้ เช่น การเลือก สสร. สามารถมุ่งเน้นกระบวนการกลางน้ำ หรือ การมีส่วนร่วม รับฟังความเห็นของประชาชนได้ ซึ่ง กมธ.ได้คุยในหลักการว่าจะออกแบบกระบวนการดังกล่าวให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม และมีความหมายมากให้ที่สุด เพื่อชดเชยการไม่มีคูหาเลือกตั้งได้” นายนรเศรษฐ์ กล่าว

นายนรเศรษฐ์ กล่าวด้วยว่าในขั้นตอนต่อไป กมธ.จะหารือในรายละเอียดเพื่อกำหนดที่มาของ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กรรมการรับฟังความคิดเห็น การวางบทบาท รวมถึงคุณสมบัติ ดังนั้นคนที่จะสมัครเข้ามาจะแตกต่างตามบทบาทหน้าที่ ซึ่งอยู่ระหว่างการออกแบบ ซึ่งในกระบวนการคัดเลือกต้องให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก

เมื่อถามว่า จะมีการกำหนดกลไกเพื่อไม่ให้ฝ่ายการเมืองใช้อิทธิพล หรือ เข้ามาครอบงำการเลือกกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กรรมการรับฟังความเห็นอย่างไร นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า มาตราที่จะพิจารณาต่อจากนี้ คือ กระบวนการที่ป้องกันที่จะเกิดความเสี่ยงที่ทำให้เสียงข้างมากของรัฐสภาลากไป ซึ่งเป็นกระบวนการที่ป้องกันการครอบงำของฝ่ายการเมือง

ขณะที่ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน ฐานะโฆษก กมธ. กล่าวด้วยว่าเหตุผลที่ที่ประชุมโหวตเสียงข้างมากให้เปลี่ยนแปลงจากสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรรมนูญ ไปเป็น คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เพราะข้อเสนอดังกล่าว กมธ.ไม่เห็นด้วย เพราะมีที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น กมธ.ต้องพิจารณาทางเลือกอื่น ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอซึ่ง นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เสนอ อย่างไรก็ดีคณะกรรมการรับฟังความเห็นฯ ที่ให้มี 35 คนนั้น จะมีที่มาจากการเลือกของรัฐสภา

เมื่อถามว่ากมธ.กังวลใจหรือไม่ ว่าข้อสรุปของกมธ. จะเกิดการถกเถียงในชั้นของรัฐสภา เพราะสสร. ถือเป็นองค์กรที่ได้รับการเชื่อถือจากการร่างรัฐธรรมนูญมาก่อน น.ส.พนิดา กล่าวว่า กมธ.มีเหตุผลที่จะสนับสนุนและตอบคำถามของสมาชิกรัฐสภาได้ อย่างไรก็ในการพิจารณาของกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญจะหาทางเพื่อป้องกันการผูกขาดโดยเสียงข้างมากของรัฐสภา

สำหรับการพิจารรณาของกมธ. กำหนดว่าภายในวันที่ 14 พ.ย. นี้จะทำเนื้อหาให้เสร็จสิ้น จากนั้น วันที่ 18-19 พ.ย. จะเชิญผู้เสนอคำแปรญัตติให้เข้าชี้แจง และเมื่อทำเสร็จแล้วจะกำหนดวันประชุมร่วมกันของรัฐสภา เบื้องต้นจะเป็นการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ

ทั้งนี้มีรายงานว่าผลการลงมติเพื่อตัดสิน ว่าจะเลือกแนวทางใด ระหว่าง กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ เพียงองค์กรเดียว หรือ ให้มีสภาร่างธรรมนูญ และ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ พบว่า มติข้างมาก 22 ต่อ 8 เห็นด้วยให้มีเฉพาะกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเสียงข้างมากนั้นได้รับการสนับสนุนจาก กมธ.ฝั่งพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และ สว.ส่วนใหญ่ ขณะที่เสียงข้างน้อย นั้น เป็นกมธ.ของพรรคเพื่อไทย และแนวร่วม

ส่วนประเด็นการตัดสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญออกไป และเปลี่ยนให้เป็น คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนนั้น มติออกมาคือ 22 ต่อ 9 เสียง


กำลังโหลดความคิดเห็น