xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กเต่า” ร้องกมธ.สีกากีย้ายไม่เป็นธรรม จี้ยึดหลักพ.ร.บ.ตร.ไม่ใช่คนใกล้ชิด ลั่นพลีชีพเพื่อความเป็นธรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"จรูญเกียรติ' ร้อง กมธ.สีกากี ปมโยกย้ายไม่เป็นธรรมจี้ ก.ตร.ยึดหลักพ.ร.บ.ตำรวจ ประเมินจากความรู้–ความสามารถ ไม่ใช่เลือกคนใกล้ชิด หวั่นทำตร.หมดกำลังใจ บั่นทอนดาวรุ่ง ลั่น “พลีชีพ” เพื่อความเป็นธรรมทั้งองค์กร



วันนี้ (28ส.ค.) เมื่อเวลา 13.15 น. ที่รัฐสภา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) ยื่นหนังสือต่อน.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอความเป็นธรรม ในการพิจารณาแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งและการโยกย้ายเปลี่ยนตำแหน่ง

โดยพล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตนได้ยื่นร้องเรียนไปยังนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้แล้ว วันนี้มายื่นกมธ.ตำรวจ เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะขับเคลื่อนกระบวนการตำรวจด้วยความถูกต้องชอบธรรม ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาสร้างความแตกแยกในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่มองว่าน่าจะเป็นตัวแทนของผู้ที่ได้รับสิทธิ์แต่ถูกลิดรอนสิทธิ์อีกหลายคน ที่ไม่ได้มาร้องด้วยตนเอง เพื่อให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กลับไปทบทวน เรายอมรับว่าช่วงการปฏิวัติไม่มีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจ พ.ศ. 2565 ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการพิจารณา การทำอะไรในขณะนั้นทำได้ด้วยดุลยพินิจและใช้ระบบอุปถัมภ์ แต่เมื่อมีพ.ร.บ.ตำรวจแล้ว ก็ต้องกลับมาดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อความเป็นธรรมกับคนที่ทำงานโดยตรง ซึ่งพ.ร.บ.ตำรวจมีจุดมุ่งหมายในการแบ่งส่วนของผู้ที่มีคุณสมบัติอาวุโส 50 เปอร์เซ็น อีก 50 เปอร์เซ็น ให้คิดอาวุโสประกอบความรู้ความสามารถ เจตนารมณ์ต้องการให้คนทำงานได้รับขวัญกำลังใจ ในการที่ได้พิจารณาความรู้ความสามารถ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่การที่มีกฎเกณฑ์กติกาแล้วไม่ปฏิบัติหรือเลือกปฏิบัติ เมื่อผลสัมฤทธิ์ออกมาบ่งบอกถึงการใช้ดุลยพินิจ ซึ่งอาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย

“ผมมองว่าการกระทำที่เกิดขึ้นหมิ่นเหม่ต่อข้อกฎหมาย เรารู้แล้วว่าผลลัพธ์ที่ออกมาใกล้ตัวกับผู้มีอำนาจ และไม่มีผลการปฏิบัติอย่างแท้จริง เรารู้ เราเห็น เพราะทำงานด้วยกันมา ใครขาว ใครเทา ใครดำ เพราะฉะนั้น สิ่งที่กมธ.ตำรวจ ทำได้คือการให้ความเป็นธรรมกับทุกคนด้วยความเสมอภาค เจตนารมณ์ของกฎหมายคือต้องการเห็นตำรวจตั้งใจทำงานให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้รับความยุติธรรม แข่งการทำความดีให้พี่น้องประชาชน ใครที่เทาๆ ดำๆ ก็ต้องมีการพิจารณาว่าไม่ควรหรือไม่อย่างไร ขอให้ก.ตร.พิจารณาเรื่องนี้ด้วย”พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สิ่งที่ผู้บังคับบัญชาได้มอบให้กับตำรวจแล้วมอบให้ประชาชน ถ้ายังเป็นระบบอุปถัมภ์จะนำมาซึ่งความเสื่อม เพราะทุกคนมองแล้วว่าพ.ร.บ.ฉบับนี้ต้องมีการบังคับใช้และเดินไปในทางที่ถูกต้อง แต่การที่มีการชะลอคำสั่งพ.ร.บ.ฉบับนี้ และไม่นำผลการปฏิบัติมาใช้ จะทำให้ตำรวจเสียขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะอยู่กันแบบเช้าชาม เย็นชาม มีเพื่อนพี่น้องหลายคนที่มีฝีไม้ลายมือยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง มีน้องๆหลายคนเป็นดาวรุ่งที่กำลังจะโต จะทำไปทำไมในเมื่อเขาไม่พิจารณาเรื่องความรู้ ความสามารถ มันส่งผลถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ถ้าเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ประชาชนก็จะไม่ได้ ดังนั้น หลักการความเป็นธรรมต้องมาจากข้างบนแล้วลงมาสู่ข้างล่าง ตนมาวันนี้อยากจะมาแก้ไของค์กรตัวเอง ยืนยันว่าไม่ได้ ไม่เป็นไร แต่ตนมาเป็นตัวแทนของพี่ๆน้องๆหลายคน เพื่อสะท้อนไปถึงก.ตร. ให้พิจารณาเป็นไปตามพ.ร.บ.ตำรวจ ไม่ได้หวังมาป่วน ไม่ได้หวังมาสร้างความเสียหาย
เมื่อถามว่า การมายื่นร้องต่อกมธ.ตำรวจครั้งนี้ เพราะไม่เชื่อมั่นก.ตร. หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ก่อนที่จะดำเนินการทุกอย่าง ตนได้เห็นข้อมูลข้อเท็จจริง ในการพิจารณาของบอร์ดกลั่นกรองชุดเล็ก เห็นแล้วว่าคนที่ได้รับแต่งตั้งเป็นคนใกล้ชิดผู้มีอำนาจ เพราะก่อนที่มีการประชุมก.ตร. 3 วัน จะมีการส่งรายชื่อผู้ที่ได้รับการแต่งตั้ง ให้ก.ตร.ทุกท่าน เราดูแล้วว่าผลที่ออกมาคือผลสัมฤทธิ์คือมีการชะลอคำสั่ง และคนที่ได้กลับไม่ได้เป็นคนที่ไม่มีความรู้ ความสามารถในสายตาของพี่น้องตำรวจทั่วไป มีหลายคนที่ร้องแร่แห่กระเฌอ แต่ไม่กล้าออกมาพูด เพราะกลัวนายเล่นงาน แต่ตนเหมือนหนังหน้าไฟ เพราะสู้กับความถูกต้องเป็นธรรมมาเยอะ ชอบเรื่องความเป็นธรรม ดังนั้น การที่ออกมาจึงเป็นสิทธิ์ของประชาชนและข้าราชการที่จะมาขอความเป็นธรรม ไม่เกี่ยวกับผู้บังคับบัญชาที่จะมอบหมายหรือไม่อย่างไร เรามาร้องขอความเป็นธรรมในส่วนของเราได้ และย้ำว่าการร้องครั้งนี้ไม่ใช่การร้องเพื่อตัวเอง แต่เพื่อผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด ทั้งผู้การที่ครบ 4 ปี แล้วก็ไม่พิจารณาไปพิจารณาเฉพาะ 5 ปี รองผู้บัญชาการ 2-4 ปี ในส่วนของ 2 ปี ก็ไม่พิจารณา ไปพิจารณาเฉพาะ 3 ปี ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในผลการพิจารณาเราเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ผลที่ออกมากรรมาเป็นเครื่องชี้เจตนา ชัดเจนว่าการพิจารณาไม่ได้ใช้หลักการประเมิน แต่ใช้หลักดุลยพินิจ เรื่องมีตั้งแต่การทำประชาพิจารณ์คือเรียกหัวหน้าหน่วยงานมาทั้งหมดมาประชุมเพื่อตกลงว่าจะทำอย่างไร ให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย พอมีมติว่าให้ใช้การประเมิน ก็ให้กำลังพลทำแบบฟอร์มการประเมิน จากนั้นผบ.ตร. ส่งการประเมินให้กับกองบัญชาการต่างๆ ประมาณวันที่ 20 ก.ค. แต่วันที่ 29 ก.ค. สำนักงานกำลังพล กลับมีคำสั่งให้ชะลอการประเมินส่อไปถึงเจตนาที่ไม่ควรจะเป็นเพราะเป็นฉันทามติของตำรวจทั้งประเทศจะมาอ้างว่ายังใช้การประเมินอยู่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาปรากฏว่าคนใกล้ตัวได้หมดเลย และผมขอย้ำว่าไม่จำเป็นต้องถึงผม แน่นอนว่าผมพลีชีพไปแล้วที่ออกมาครั้งนี้ไม่ต้องกลัว ผมคนจริง แก้ไขปัญหาหน่วยงานมาเยอะ สร้างความเปลี่ยนแปลงของหน่วยงานมาเยอะ พระก็เปลี่ยนแล้ว ตอนนี้จะมาเปลี่ยนตำรวจ เปลี่ยนพระมา แต่พอมาดูตำรวจพบว่าก็มีกฎหมายแล้ว ไม่ได้อยู่ในช่วงปฏิวัติรัฐประหารมาตรา 44 เรามีกฎหมายเป็นตัวขับเคลื่อน ฉะนั้น อย่าแถไถ ไม่เอาๆ อย่างนี้ไม่เอา ตำรวจชอบแถไถ เถลไถล ออกนอกแนวรันเวย์แล้วก็บอกว่าทำ อยากให้ผู้บังคับบัญชาตั้งสติ ถ้ามีคุณธรรม รู้จักคำว่าให้กับลูกน้อง ลูกน้องก็จะเอาไปให้พี่น้องประชาชนเอง ” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า ตนคาดหวังว่าที่ประชุมก.ตร. จะเดินไปในแนวทางที่ถูกต้องชอบธรรม เราส่งไปแล้วไม่รู้ว่าจะพิจารณาไปในทางใด แต่เรารู้ว่าหลายคนก็เห็นด้วยเพราะทุกคนเคยเป็นตำรวจจะรู้ว่าใครขาว ใครเทา ใครดำ
เมื่อถามว่า จะนำเรื่องนี้ร้องต่อศาลปกครองหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เอาไว้ทีหลัง แต่ตนดูไปถึงละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย การที่จะเข้าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ต้องดูผลสัมฤทธิ์ของรายชื่อที่ออกมา อันนี้จะครบองค์ประกอบ ซึ่งเราจะพิจารณาอย่างไรขอดูก่อน

ด้านน.ส.สุณัฐชา กล่าวว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของกมธ.ตำรวจที่จะพิจารณาตามกลไกสภาฯอย่างรอบคอบ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิรูปวงการตำรวจ ซึ่งการประชุมกมธ.ช่วงเช้าที่ผ่านมามีมติว่าจะนำเรื่องร้องเรียนของพล.ต.ต.จรูญเกียรติ เข้าสู่การประชุมกมธ.ครั้งถัดไป และจะมีการพิจารณาเรื่องการแต่งตั้ง โยกย้าย สับเปลี่ยน หมุนเวียนตำแหน่งในภาพรวม นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติให้กมธ.ออกหนังสือเชิญ ผบ.ตร. จเรตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการสำนักการกำลังพล เข้าชี้แจงในวันที่ 4 ก.ย. เชื่อว่าจะทำให้เรื่องนี้กระจ่างชัดขึ้น และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพ.ร.บ.ตำรวจ


กำลังโหลดความคิดเห็น