เผยระบบอุปถัมภ์ในวงการสงฆ์ วิ่งเต้นซื้อ‘สมณศักดิ์’ เปรียบเหมือนการซื้อตำแหน่งในระบบราชการไทย‘มหาหมี’ ชี้ชัด ๆ ในอดีตยิ่งสูงตำแหน่งมีน้อยยิ่งต้องจ่ายมาก ย้ำการจ่ายมี 2 วิธี คือ‘ลูกศิษย์’ จ่ายสด วิธีที่ 2 ดูแลเอาใจคณะสงฆ์ ถือเป็นธรรมเนียมนิยมสูงสุดจะทำกิจกรรมอะไรบอกมา พระผู้ใหญ่อยากเลื่อนสมศักดิ์จัดให้เช่นสร้างสถานปฏิบัติธรรม 100 ล้านขอร่วม 2 ล้าน จะหล่อพระ ออกรถหรูอยากได้จัดให้แจงระดับเจ้าคุณซื้อตำแหน่ง 1-5 ล้าน
ระบุที่มาของเงินซื้อสมณศักดิ์ก็ได้บารมีวัดนั่นเองติงพระสงฆ์ที่คิดจะจ่ายเงินซื้อสมณศักดิ์จากนี้ไปต้องศึกษาให้ถ่องแท้การแต่งตั้งเป็นพระราชอำนาจ ระวังจะกลายเป็น‘พระสงฆ์หลอกพระสงฆ์’ เสียเงินฟรี แต่ยังย้ำว่า การวิ่งเต้นมีน้อยเพราะส่วนใหญ่พระที่ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระที่มีคุณูปการกับพุทธศาสนาจริง จับตา 2พระชั้นสมเด็จและ1 ชั้นเทพที่ถูกกำหนดห้ามเข้าพื้นที่สำคัญ!
สมณศักดิ์ของพระสงฆ์สันนิษฐานว่าสืบทอดมาจากลังกา ในสมัยกรุงสุโขทัยพบว่ามีการแต่งตั้งสมณศักดิ์ให้แก่พระสงฆ์ ปรากฎหลักฐานในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคําแหงมหาราช ที่มีข้อมูลบ่งชี้ถึงการมีอยู่จริงของระบบสมณศักดิ์พระสงฆ์ เช่น ตำแหน่งพระสังฆราช ปูุครูที่รองจากสังฆราช หมายถึงพระครูเทียบได้กับตำแหน่งพระครูในปัจจุบัน จนถึงต้นรัชกาลที่ 1 ก็มีการแต่งตั้งสมณศักดิ์ถวายแก่พระสงฆ์ เรียกว่ายศพระสงฆ์ เทียบกับยศทางฝ่ายบ้านเมืองในอดีต เช่น หมื่น ขุน หลวง พระ พระยา เจ้าพระยา และสมเด็จเจ้าพระ เป็นต้น ที่ถูกยกเลิกไปแล้ว การถวายสมณศักดิ์แก่พระสงฆ์จึงเป็นโบราณราชประเพณีและเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เพื่อยกย่องพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งที่เหมาะสมได้รับสมณศักดิ์ เป็นผู้ที่มีความประพฤติปฏิบัติงดงามตามพระธรรมวินัย มีความรู้เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎกสามารถปกครองหมู่สงฆ์ให้เรียบร้อยดีงามและเป็นศูนย์รวมศรัทธาของประชาชนได้เป็นอย่างดี สมณศักดิ์แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม คือ พระราชาคณะ หรือ ที่เรียกกันว่า “เจ้าคุณ” พระครูสัญญาบัตร และพระครูฐานานุกรม การแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นสิ่งที่เป็นมหามงคลเพื่อเชิดชูพระสุปฏิปันโนผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในวโรกาสที่เหมาะสมในสังคมพุทธศาสนาของไทย แต่ปัจจุบันกลับมีความพยายามในการเปลี่ยนสิ่งที่เป็นมหามงคลนี้ให้กลายเป็นจุดอ่อนของคณะสงฆ์ไทยที่ถูกเพ่งมองจากประชาชน เพราะมีข้อครหาอื้ออึงว่ามีการวิ่งเต้นซื้อขายเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เรียกว่า “สมณศักดิ์”
กรณีทิดแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และพวกยักยอกเงินวัดไร่ขิงมูลค่าเป็นพัน ๆ ล้านไป ตามด้วยเรื่องของสีกากอล์ฟ ทำให้สังคมได้เห็นผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวัดและขบวนการโกงเงินวัด จากเส้นเงินต่างๆ ที่ถูกเปิดโปงออกมาล้วนเกี่ยวข้องกับพระผู้ใหญ่ ที่มีสมณศักดิ์สูง ๆ จนนำไปสู่วิกฤตศรัทธาต่อวงการสงฆ์ ส่งผลให้สังคมเรียกร้องให้มีการปฏิรูปวงการสงฆ์ครั้งใหญ่ และทุกฝ่ายทั้งมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ปปง. ฯลฯ ต่างเห็นชอบจึงนำไปสู่ปฏิบัติการกวาดล้างที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
โดยเฉพาะประเด็นการซื้อ-ขาย เพื่อได้เลื่อนสมณศักดิ์ในวงการสงฆ์ นั้นพระสงฆ์ต่างรู้ดีว่า การจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งการปกครองของสงฆ์ในระดับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมณศักดิ์ หากจะเปรียบเทียบกับวงการคนมีสี หรือข้าราชการก็ต้องเรียกว่ามี ยศถาบรรดาศักดิ์สูงสุดนั่นเอง!
“เทียบกับฆราวาสดูนะ มีข่าวลือทุกยุคทุกสมัยว่าจะขึ้นเป็นผู้กำกับ เป็นผู้บัญชาการ เป็นนายพล เป็นอธิบดีกรมต่างๆ เป็นปลัดกระทรวง ในระบบราชการ ถามว่าแต่ละหน่วยงานมีการวิ่งเต้นจ่ายเงินใต้โต๊ะกันหรือไม่ เพราะคนมีเยอะ ตำแหน่งสูง ๆ มันมีน้อยก็ต้องทำแบบนี้ พระสงฆ์ที่ต้องการสมณศักดิ์ ก็คงเหมือนกันต้องวิ่งเต้นหรือแก่งแย่งเข้าหาศูนย์อำนาจเพื่อให้ได้สมณศักดิ์มาครอบครอง กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดามากขึ้นในวงการสงฆ์ไปแล้ว”
หากจะถามว่าพระผู้ใหญ่ที่เรานับถือกราบไหว้ประชาชนจะรู้กันหรือไม่ ว่ารูปใดใช้เงินซื้อสมณศักดิ์มาประดับ ส่วนผู้ที่จะรู้ก็คือคนที่ใกล้ชิดหรือที่เรียกว่าศิษย์สายตรงที่มีทั้งเป็นพระสงฆ์และฆราวาสที่เกี่ยวข้องและคอยติดต่อกับคนใกล้ชิดกับพระผู้ใหญ่ที่มีอำนาจบารมีที่จะทำให้พระรูปนั้นเข้าไปอยู่ในบัญชีเลื่อนสมณศักดิ์ได้เท่านั้น
“จ่ายเงินซื้อสมณศักดิ์เป็นมานาน จะผ่านมาสักกี่ปีก็ไม่เปลี่ยนแปลงเพราะสมณศักดิ์ เป็นที่เชิดหน้าชูตาและจะเกิดผลประโยชน์อื่น ๆ ตามมา การเสนอให้ยกเลิกสมณศักดิ์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ สมณศักดิ์ยังผูกโยงกับระบบการปกครองคณะสงฆ์รวมทั้งระบบการปกครองบ้านเมืองและยังเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีวัฒนธรรมไทยและเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย”
ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธิกองทัพธรรมหรือที่รู้จักกันในนาม‘มหาหมี’ ทนายกองทัพธรรม เปรียญธรรม7 ประโยคซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในทางพระปริยัติธรรมและด้านกฎหมายเป็นอย่างดี ระบุว่า
ในฐานะที่คลุกคลีอยู่ในวงการสงฆ์ ที่ผ่านมาการเลื่อนสมณศักดิ์จะมีการเสนอเป็นบัญชีรายชื่อขึ้นอยู่กับมหาเถรสมาคมจะพิจารณานำเสนอให้มีการโปรดเกล้าแต่งตั้งสมณศักดิ์ต่อไปหากจะถามว่าพระสงฆ์ที่ต้องการเลื่อนตำแหน่งจะใช้วิธีการวิ่งเต้นและซื้อขายด้วยเงินจำนวนสูงๆ ก็มีแต่น้อยมาก
ทั้งนี้วิธีการในการจะได้เลื่อนสมณศักดิ์ล้วนเกี่ยวข้องกับระบบอุปถัมภ์ แต่เดิมจะมีด้วยกัน 2 รูปแบบ เป็นการจ่ายในทางอ้อม คือ
1.จ่ายเป็นเงินตรงๆ ลูกศิษย์ของพระสงฆ์จะเป็นผู้ออกหน้าจัดการให้ซึ่งลูกศิษย์ที่ว่านี้เขาจะรู้ว่าจะไปจ่ายที่ใคร อย่างไร จึงจะถึงมือพระผู้ใหญ่เบอร์ต้นๆ ที่มีอำนาจจริง เพื่อให้‘พระผู้ใหญ่รูปนี้’ ได้เลื่อนสมณศักดิ์ตามที่มีการพูดคุยกันมาแล้ว เพราะเมื่อพระผู้ใหญ่ได้เลื่อนสมณศักดิ์แล้ว ก็จะมีอำนาจและบารมี ต่อด้วยผลประโยชน์ตามมาซึ่งลูกศิษย์ก็จะได้รับผลประโยชน์นี้ในอนาคตเช่นกัน
2.เป็นที่นิยมอย่างมากคือการเข้าไปหา หรือเข้าไปดูแลอุปัฎฐากพระเถระผู้ใหญ่ที่สามารถให้คุณหรือเอื้อประโยชน์ที่ต้องการในกิจกรรมต่างๆ เช่นในโอกาสวันเกิด ไปตั้งโรงทาน หล่อพระพุทธรูปเพื่อให้คนมาสักการบูชาไปสร้างเจดีย์ หรือไปสร้างสถานปฏิบัติธรรมต่าง ๆ เช่นกำหนดงบประมาณสร้างไว้ 100ล้าน ก็จะมอบเงินสนับสนุนเพียงแค่ 2 ล้าน ตามกำลังแต่จะต้องดูแลช่วยเหลือติดต่อกันเป็นเวลานานจนคุ้นเคยไว้เนื้อเชื่อใจกันส่วนเงินที่นำมาร่วมในกิจกรรมต่าง ๆนั้นจะเป็นเงินส่วนตัวพระที่ต้องการเลื่อนสมณศักดิ์ หรือจากการไปบอกบุญญาติโยมที่เคาระศรัทธาตนเองก็ได้
“การเข้าไปดูแลแบบนี้ เป็นการไปบ่อย ๆ สม่ำเสมอไม่ใช่ครั้งเดียวอย่างรูปแบบที่ 1 แต่เป็นการดูแลแบบคุ้นเคยกันก็เหมือนชาวบ้านดูแลพระในวัดทั่วๆ ไป ก็จะเกิดความคุ้นเคย เมื่อถึงเวลาเลื่อนสมณศักดิ์ คุณงามความดีของพระรูปนั้นก็จะถูกพระเถระหยิบยกขึ้นมาให้ได้พิจารณาหรือมีคนเสนอ ซึ่งเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอเจ้าคณะจังหวัดสามารถเสนอขึ้นมาได้ ไปจนถึงเจ้าคณะภาค เจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะหนต่างๆ จากนั้นจึงเข้าสู่ที่ประชุมเถรสมาคมเพื่อพิจารณาเห็นชอบและลงมติ ก่อนเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป”
ขณะเดียวกันหากจะมีคำถามต่อไปว่า การซื้อขายสมณศักดิ์ ต้องซื้อกับใคร เพราะคนที่พิจารณาคือมหาเถรสมาคม ตรงนี้ก็ต้องไปแสวงหาคนที่ถือเงินและรับเงินและมีอำนาจหรือหน้าที่ในการเสนอเรื่องไปยังพระเถระผู้ใหญ่ โดยส่วนตัวของมหาหมี ยังเชื่อว่าการซื้อขายตำแหน่ง ก็คือการช่วยเหลือในระบบอุปถัมภ์ที่มีไม่ต่างกับระบบราชการต่าง ๆ หรือการวิ่งเต้นในระบบตำรวจ หรือข้าราชการในกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ที่สามารถแสวงหาผลประโยชน์ได้ ตามที่ชาวบ้านเล่าลือกันมาทุกยุคทุกสมัย
“สมมุติว่ามหาหมี อยากเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญมากและอยากได้ในปีนี้ ก็เอาเงินไปถวายท่านหลายๆ ล้าน เพื่อให้ช่วยพิจารณาเลื่อนสมณศักดิ์ให้ เดิมก็อาจจะสมหวังเพราะในมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค เจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะหนต่างๆ สามารถพิจารณาเองได้ เมื่อเข้าประชุมเถรสมาคมก็ผ่านอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างผ่านกระบวนการตามลำดับขั้น วิธีนี้ก็อาจจะเรียกว่าเป็นการซื้อตำแหน่งได้”
อย่างไรก็ดียุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว และต้องไม่ลืมว่าสมณศักดิ์เป็นส่วนหนึ่งของประเพณีวัฒนธรรมไทยและเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชอำนาจของพระองค์ท่านที่จะทรงวินิจฉัยโดยตรงในการสถาปนาสมณศักดิ์ และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ จะเห็นได้ว่าช่วงที่มีข่าวสีกากอล์ฟ ทำให้พุทธศาสนิกชนได้รับผลกระทบต่อจิตใจเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ท่านจึงประกาศยกเลิกพระบรมราชโองการสถาปนาสมณศักดิ์พระ 81รูป
มหาหมี ตั้งคำถามว่า การจะซื้อขายสมณศักดิ์ จากนี้ไปจะทำได้จริงหรือต้องซื้อผ่านใคร ซึ่งคณะสงฆ์ไม่ควรปล่อยผ่านเรื่องนี้ เพราะคณะสงฆ์ไม่ได้มีอำนาจในการแต่งตั้ง การที่ปล่อยให้ลือกันไปว่าได้เลื่อนเป็นเจ้าคุณชั้นเทพ จ่ายไปแล้ว 5 ล้านบาท เป็นเรื่องที่ทำให้คณะสงฆ์เสียหายก็ต้องนำพระรูปดังกล่าวที่ถูกกล่าวหาซึ่งมีหลายรูปเป็นเจ้าคณะจังหวัด ในภาคกลาง มีเจ้าคุณหลายรูปที่เป็นเกจิดังๆ บอกว่า ซื้อตำแหน่งมา แล้วลืออีกว่า ซื้อผ่านคนโน้น คนนี้ ก็ต้องมีการดำเนินการให้ชัดเจน ว่าท่านซื้อมาจากใคร ต้องค้นหาความจริงให้ได้ว่าซื้อมาจากใคร ไม่งั้นจะเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก
‘ต้องตั้งคำถามต่อว่าพระหลอกพระกันเองหรือเปล่า คณะสงฆ์เป็นเพียงผู้รวบรวมรายนามผู้สมควรรับการแต่งตั้งและนำส่งสาร จะมีอำนาจอะไรไปการันตีว่าพระรูปนี้จะได้เลื่อนสมณศักดิ์แน่ ๆ ในเมื่อตามกฎหมายเป็นพระราชอำนาจโดยตรง เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องไปหาต้นเรื่องมาสอบหาข้อเท็จจริงให้กระจ่าง เพื่อไม่ให้คณะสงฆ์ เสียหาย เพราะเมื่อฝ่ายบ้านเมืองมอบหมายให้คณะสงฆ์ เป็นผู้พิจารณาดำเนินการ ต้องพิจารณาด้วยระบบคุณธรรม ไม่ใช่พระช่วยเหลือกันแบบระบบอุปถัมภ์แล้วเสนอชื่อเข้าไปเพื่อรับการแต่งตั้งได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง”
ตรงนี้หรือไม่ที่ทำให้เกิดกระแสข่าวว่ามีพระผู้ใหญ่ระดับเจ้าประคุณสมเด็จ 2 รูป และ 1 พระราชาคณะชั้นเทพ ไม่ให้เข้าเขตพื้นที่สำคัญ ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่สังคมต้องจับตาต่อไป เพราะวันนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กำลังนำทีมปราบปรามพระสงฆ์ที่ได้รับเรื่องร้องเรียนโดยเฉพาะเรื่องการทุจริตเงินวัด การหนีคดีมาบวช รวมไปถึงเรื่องการซื้อขายตำแหน่งสมณศักดิ์ที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังเช่นกัน
มหาหมี บอกอีกว่า ในฐานะที่เคยเป็นพระมาก่อน เข้าใจจารีตและธรรมเนียมปฏิบัติของพระที่ต้องการเลื่อนสมณศักดิ์ ที่จ่ายไปแล้วก็ไม่กล้าออกมาพูดไม่เหมือนข้าราชการหน่วยต่างๆ หากตกลงจ่ายกันแล้วและไม่ได้ตำแหน่งก็จะออกมาทวงให้สังคมได้รับรู้ แต่พระท่านมีพระธรรมวินัยเป็นกรอบปฏิบัติจึงหน้าบาง การจะหอบเงินไปซื้อตำแหน่งและบอกอยากได้ตำแหน่ง พระท่านไม่กล้าพูดหรอก ทุกอย่างจึงเป็นเรื่องที่ลูกศิษย์จะจัดการให้ทั้งสิ้น หรืออาจมีคนไปเสนอเป็นผู้จัดการให้ คงเหมือนข้าราชการระดับสูงก็มีคนสนิท หรืออาจเป็นนักธุรกิจจัดการให้ ผลประโยชน์จะเกิดขึ้นภายหลังเมื่อได้ตำแหน่งแล้ว
สำหรับลำดับสมณศักดิ์พระสงฆ์ไทย มีดังนี้
1. สมเด็จพระสังฆราชเจ้า: ตำแหน่งสูงสุดในคณะสงฆ์ไทย.
2. สมเด็จพระสังฆราช: ตำแหน่งรองจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า.
3. สมเด็จพระราชาคณะ: หรือเรียกว่า ชั้นสุพรรณบัฏ (สมเด็จพระราชาคณะ),
4. รองสมเด็จพระราชาคณะ: หรือเรียกว่า ชั้นหิรัญบัฏ, พระราชาคณะชั้นพรห
หรือ เจ้าคณะรอง.
4. พระราชาคณะ: มีหลายชั้นย่อย ได้แก่ เจ้าคุณชั้นธรรม, ชั้นเทพ, ชั้นราช, และชั้นสามัญ.
5. พระครูสัญญาบัตร: มีหลายชั้นย่อย เช่น ชั้นพิเศษ, ชั้นเอก, ชั้นโท, ชั้นตรี.
6. พระครูฐานานุกรม: มีฐานานุกรมต่างๆ เช่น พระปลัด, พระสมุห์, พระใบฎีกา.
7. เปรียญ: พระภิกษุที่สอบความรู้พระปริยัติธรรมได้ เปรียญธรรม ๑-๙ ประโยค.
8. พระฐานานุกรม: พระภิกษุที่ได้รับแต่งตั้งให้มีฐานานุกรม (ตำแหน่ง) ในคณะสงฆ์.
ส่วนเขตปกครองคณะสงฆ์ของเจ้าคณะใหญ่ ดังนี้
1) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง : ปกครองคณะสงฆ์ ภาค 1, 2, 3, 13, 14 และ 15
2) เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ : ปกครองคณะสงฆ์ ภาค 4, 5, 6 และ 7
3) เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก : ปกครองคณะสงฆ์ ภาค 8, 9, 10, 11 และ 12
4) เจ้าคณะใหญ่หนใต้ : ปกครองคณะสงฆ์ ภาค 16, 17 และ 18
5) เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต : ปกครองคณะสงฆ์ธรรมยุตทุกภาค
“คณะสงฆ์ที่มีอำนาจทางปกครอง คือเจ้าคณะหนต่าง ๆ จะดูแลเจ้าคณะภาคต่างๆ , เจ้าคณะภาคจะดูแลเจ้าคณะจังหวัดต่างๆ , เจ้าคณะจังหวัด ก็จะดูแลเจ้าคณะอำเภอ , เจ้าคณะอำเภอ ก็จะดูแลเจ้าคณะตำบล , เจ้าคณะตำบล ก็จะดูแลวัดในเขตตำบลของตน เจ้าอาวาสวัดก็ดูแลพระในวัดของตน”
มหาหมี บอกว่า ในอดีตการจ่ายเงินเพื่อเลื่อนสมณศักดิ์นั้นสำหรับชั้นสามัญ มักจะเป็นการช่วยเหลือดูแลกัน อาจจะดูแลปีละ 1-2 ล้าน แต่ตำแหน่งสูงการจะได้มาก็อาจจะยากขึ้น ปัจจัยก็ต้องเพิ่มขึ้น ชั้นราชก็จะ 3 -4 ล้าน ชั้นเทพ และชั้นธรรมก็จะอยู่ในระดับ 5 ล้าน เกินกว่านี้ที่ลือกันว่าเป็น 10-20 ล้านไม่น่าจะมีเพราะพระที่ต้องการเลื่อนสมณศักดิ์ ก็น่าจะรู้ว่าคณะสงฆ์มีหน้าที่เป็นเพียงผู้นำสารเท่านั้น ซึ่งพระสงฆ์ก็ควรยึดหลักปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบในศีลจารวัตรเพื่อทะนุบำรุงศาสนาให้รุ่งเรือง
“จุดอ่อน ในปัจจุบัน คือ พระในเมืองที่มีความรู้จบด็อกเตอร์ เป็นศาตราจารย์ มีสมณศักดิ์ บางรูป ทำผิดพระธรรมวินัย ผิดกฎหมายบ้านเมือง เมื่อพระที่เป็นฝ่ายปกครอง เจ้าคณะฝ่ายปกครอง สามารถเข้าถึงแหล่งเงิน สามารถบริหาร จัดการเงินได้ กลับกลายเป็นพระที่มีปัญหา ถูกกล่าวหาว่ามีการวิ่งเต้นซื้อสมณศักดิ์ด้วย ยิ่งทำให้ประชาชนรู้สึกผิดหวังต่อวงการสงฆ์”
ดังนั้นเมื่อสมณศักดิ์เป็นตัวปัญหา ก่อให้เกิดความโลภ สร้างค่านิยมฟุ้งเฟ้อ ต้องนั่งรถหรู แสวงหาเงินเพื่อใช้วิ่งเต้นสมณศักดิ์ อีกทั้งมีผู้ที่เกี่ยวข้องในการวิ่งเต้นสมณศักดิ์ ก็อาศัยใช้ตรงนี้เป็นช่องทางในการหาผลประโยชน์ จะต้องถูกจัดการให้สิ้น พร้อมสร้างกลไกในการพิจารณาสมณศักดิ์ให้เกิดความเป็นธรรมและเกิดผลประโยชน์ต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป!
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j