xs
xsm
sm
md
lg

จับ“นพรัตน์”-ปลุกคดี“เงินทอนวัด”เดินหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สหรัฐฯจับ “นพรัตน์”อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ รอส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่เมืองไทย ทำเอาหลายวัดสะเทือน
เจ้าอาวาส-กรรมการวัด อาจเข้าข่าย ขณะที่คดีวัดสามพระยา-วัดสระเกศ สิ้นสุดแล้วเจ้าอาวาสและพระผู้ช่วยพ้นผิด
คืนสมณศักดิ์ กลับมาเป็นเจ้าอาวาสตามเดิม


ช่วงเทศกาลสงกรานต์มีข่าวการจับกุมตัวนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 และมาเป็นข่าวในฝั่งไทยราววันที่ 13 เมษายน 2568

คดีนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของคดีเงินทอนวัด ที่ลากเอาพระผู้ใหญ่หลายรูปต้องกลายเป็นผู้ต้องหาไปด้วย บางคดีสิ้นสุดแล้ว และ
อีกหลายคดียังค้างคารอการส่งตัวนายนพรัตน์กลับมาดำเนินคดีที่เมืองไทย

ที่หลายคนตกใจ คือ ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในวงการพุทธศาสนาบ้านเรา คนทำไม่กลัวบาปกรรมบ้างหรือ

ทั้งนี้งบที่ภาครัฐจัดสรรให้ตามวัดต่าง ๆ ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินั้น มีหลากหลาย ทั้งเงินบูรณะวัด เงินส่งเสริมการศึกษาพระเณร วัดใหญ่ วัดเล็ก เงินสนับสนุนก็แตกต่างกัน จากคดีความที่เกิดขึ้นเงินเหล่านี้จะมีการทำข้อตกลงระหว่างตัวแทนของสำนักพุทธฯ กับทางวัด เซ็นรับเงินจำนวนหนึ่ง โอนคืนไปยังทีมงานของสำนักพุทธฯ จำนวนหนึ่ง วัดรับจริง ๆ ถือว่าน้อยมาก

เมื่อเรื่องแดงออกมาจึงมีการตรวจสอบกันอย่างเป็นทางการ พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในสำนักงานพระพุทธศาสนา ต้นทางของการกระทำผิดในครั้งนี้ คือ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ พร้อมลูกทีมระดับตั้งแต่ยังเป็นรอง ผอ.อย่างนายพนมศรศิลป์ จนขึ้นมา ผอ.ต่อในภายหลัง และยังมีนางประนอม คงพิกุล รอง ผอ.และทีมงาน

ที่ถูกจับกุมตัวไปแล้วมีนายพนม ศรศิลป์ และส่วนนางประนอม คงพิกุล หลบหนี ส่วนนายนพรัตน์เดินทางออกไปต่างประเทศตั้งแต่ก่อนปี 2560 และได้ไปอยู่ที่สหรัฐจนถูกจับกุมตัวได้เมื่อ 11 เมษายน 2568

ป.ป.ช.แจ้งสหรัฐจับ“นพรัตน์”

13 เมษายน 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยถึงกรณีที่ปรากฎข่าวว่า เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ทางการสหรัฐอเมริกา ได้จับกุมตัวนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการ (พศ.) ผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีทุจริตเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด หรือ “คดีเงินทอนวัด” ณ รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น

กรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนของทางการไทย ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีการขอความอนุเคราะห์อัยการสูงสุด ในฐานะผู้ประสานงานกลาง ตามพระราชบัญญัติ ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 เพื่อมีคำร้องไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ราย นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ที่หลบหนีไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช. โดยสำนักกิจการและคดีทุจริตระหว่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด และผู้แทนกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้มีการติดตามแบบใกล้ชิดและประสานงานอย่างต่อเนื่อง ในการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพื่อขอให้ทางการสหรัฐอเมริกาส่งตัวนายนพรัตน์กลับประเทศไทย

โดยในขั้นตอนต่อไปศาลของประเทศสหรัฐอเมริกาจะพิจารณาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนรายนี้ให้ทางการไทยต่อไป

ลากไปถึงพระผู้ใหญ่

แหล่งข่าวกล่าวว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับนายนพรัตน์นั้นมีหลายคดี แต่ถูกพักไว้เพราะต้องรอการส่งตัวกลับเมืองไทย มีพระระดับเจ้าอาวาสหรือกรรมการวัดเข้าไปเกี่ยวข้องหลายวัด ดังนั้นต้องรอดูว่าเจ้าอาวาสวัดใดจะถูกดำเนินคดีด้วย

เรื่องเงินทอนวัดยังขยายวงไปสู่ 3 วัดดัง ที่พระผู้ใหญ่ดำรงตำแหน่งกรรมการในมหาเถรสมาคม ประกอบด้วย พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ที่หลบหนีไปต่างประเทศ ส่วน 2 รูปแรกสู้คดีในเมืองไทย สุดท้ายศาลพิพากษาแล้วไม่มีความผิด

“ที่จริงแล้วน่าจะเรียกว่าเป็นข้อกล่าวหาใช้เงินผิดประเภทมากกว่า ซึ่งเจ้าอาวาสวัดสามพระยาและวัดสระเกศได้ต่อสู้คดี จนพ้นผิด ส่วนพระพรหมเมธี วัดสัมพันธวงศ์หลบหนีไปต่างประเทศ


พระพรหมดิลกวัดสามพระยา

วันที่ 18 มีนาคม 2566 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสถาปนาสมณศักดิ์

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า

ตามที่ พระพรหมดิลก (เอื้อน กลิ่นสาลี) ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญา และได้มี พระบรมราชโองการถอดถอนสมณศักดิ์ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2561 นั้น บัดนี้ คดีถึงที่สุดแล้ว โดยพฤติการณ์ถือได้ว่าไม่ใช่ความผิดอุกฉกรรจ์ หรือความผิดร้ายแรง หรือเป็นผู้ร้ายสำคัญ ประกอบกับไม่มีการกล่าวคำลาสิกขา และไม่มีการดำเนินการให้สละสมณเพศ

ทั้งปรากฏข้อเท็จจริงว่า ยังคงดำรงตน อย่างพระภิกษุโดยตลอดระหว่างถูกคุมขัง จึงมีสภาวะเป็นพระภิกษุ มีสถานะเป็น พระมหาเอื้อน หาสธมฺโม (เปรียญธรรม 9 ประโยค) ซึ่งมหาเถรสมาคมมีมติรับทราบแล้ว เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2561

จึงทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาให้ พระมหาเอื้อน หาสธมฺโม (เปรียญธรรม 9 ประโยค) ดำรงสมณศักดิ์ พระราชาคณะเจ้าคณะรอง มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่า พระพรหมดิลก ปริยัตินายกคณาทร บวรศาสนกิจวิธาน ศีลสมาจารนิวิฐ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี สถิต ณ วัดสามพระยา พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร โดยให้ถือว่าไม่เคยถูกถอดถอน สมณศักดิ์และราชทินนามมาก่อน

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม พุทธศักราช 2566

ประกาศ ณ วันที่ 18 มีนาคม พุทธศักราช 2566 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน


พระพรหมสิทธิวัดสระเกศ

วันที่ 16 พ.ค. 2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสถาปนาสมณศักดิ์ และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตรพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า

ตามที่ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข) และพระศรีคุณาภรณ์ (บุญทวี คำมา) ถูกกล่าวหาว่า กระทำการทุจริตและถูกดำเนินคดีอาญา และได้มีพระราชโองการถอดถอนสมณศักดิ์ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2561 นั้น

บัดนี้ ศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีการทุจริตเบียดบังเอาเงินไปเป็นประโยชน์ของตน โดยพฤติการณ์ถือได้ว่าไม่ใช่ความผิดร้ายแรงและมิได้มีการเบียดบังทรัพย์เป็นของตน ประกอบกับไม่มีการกล่าวคำลาสิกขาและสละสมณเพศ

ทั้งปรากฏข้อเท็จจริงว่ายังคงดำรงตนอย่างพระภิกษุโดยตลอดระหว่างถูกคุมขัง จึงมีสภาวะเป็นพระภิกษุ มีสถานะเป็น พระธงชัย สุขญาโณ และพระมหาบุญทวี ปญฺญาวํโส ซึ่งมหาเถรสมาคมมีมติรับทราบแล้ว เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2567

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2561

จึงทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาสมณศักดิ์และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ ดังนี้

1. ให้ พระธงชัย สุขญาโณ ดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่า พระพรหมสิทธิ กิตติธรรมประยุต วิสุทธิศีลาจาร สุวิธานวรกิจจานุกิจ วิสิฐวิเทศศาสนวราทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี สถิต ณ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร

2. ให้ พระมหาบุญทวี ปญฺญาวํโส วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ มีนามว่า พระศรีคุณาภรณ์

โดยให้ถือว่าไม่เคยถูกถอดถอนสมณศักดิ์และราชทินนามมาก่อน

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม พุทธศักราช 2567

ประกาศ ณ วันที่ 16 พฤษภาคม พุทธศักราช 2567 เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน

สู้กันยาว

นายจาตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการด้านพุทธศาสนาแสดงความคิดเห็น หลังมีการจับกุมตัวนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา ที่สหรัฐอเมริกาว่า

ตอนนี้ทั้งพระทั้งเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ หลาย ๆ คนก็เริ่มหนาว ๆ ร้อน ๆ เพราะไม่รู้ว่าท่านนพรัตน์กลับมา จะให้การว่ายังไง จะซัดทอดใครบ้าง ใครถูกหลอก ใครจงใจ

มีเจ้าคุณหลายรูปหลายวัดที่จงใจทอนจริง ๆ แต่รอดด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ คงต้องกลับเอาคดีมาปัดฝุ่นกันใหม่ เพราะพยานหลักฐานและผู้ต้องหาตัวจริงกำลังจะกลับมา

ใครที่เคยให้ปากคำว่าผมไม่เกี่ยว ดิฉันไม่เกี่ยว อาตมาไม่เกี่ยว เดี๋ยวก็คงรู้กัน

ขณะนี้ท่านนพรัตน์ก็คงใช้ทนายความราคาแพงที่อเมริกาในการคัดค้านการส่งตัวกลับไทย ก็รอดูกันต่อไปยาว ๆ

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


กำลังโหลดความคิดเห็น