ไม่แผ่ว...ปูด“เป็ดน้อย”ลอยน้ำแพงเว่อร์อีก ชัชชาติ “ทำงาน ทำงาน ทำงาน” หรือมาทำอะไรกันแน่? ทำไมปล่อยให้ กทม.มีแต่เรื่อง “งาบ งาบ งาบ”

ข่าวปนคน คนปนข่าว



** ไม่แผ่ว...ปูด“เป็ดน้อย”ลอยน้ำแพงเว่อร์อีก ชัชชาติ “ทำงาน ทำงาน ทำงาน” หรือมาทำอะไรกันแน่? ทำไมปล่อยให้ กทม.มีแต่เรื่อง “งาบ งาบ งาบ”

ดูทรงแล้ว “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร น่าจะต้องได้ “แก้ผ้า” ต่อหน้าธารกำนัล ตามที่ลั่นวาจาพร้อมให้ตรวจสอบแบบแก้ผ้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ซะแว้ว

จากเครื่องออกกำลังกายธรรมดาๆ อัปราคาเป็นเครื่องไฮเอนด์ให้เทวดาเล่น จากหลักหมื่นต่อเครื่อง เป็นเครื่องละหลายแสน จนกลายเป็นดรามา กทม.ถูกตั้งข้อสงสัยทำไมถึงจัดซื้อจัดจ้างในราคาแพงเวอร์

มาถึง กรณีล่าสุด จักรยานน้ำ “เป็ดน้อย” ตัวละ 3.3 หมื่น! งานนี้งานเข้าชัชชาติ ต่อเนื่อง

เรียกว่าของเก่ายังไม่เคลียร์ ของใหม่ก็มารอ แล้วยังไม่รู้จะมีเข้ามาอีกหรือไม่!?

เรื่องเป็ดน้อยแพงเว่อร์ ปูดมาจากเพจดัง ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.3 แสนเจ้าเก่าได้โพสต์ภาพเอกสารสำเนาประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาซื้อจักรยานน้ำ (ไฟเบอร์กลาส) 2 ที่นั่ง จำนวน 15 ลำ ของ ศูนย์กีฬาวารีภิรมย์ โดยเสนอราคาเป็นเงินทั้งสิ้น 495,000 บาท ( สี่แสนเก้าหมื่นห้าพันบาทถ้วน) รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ค่าขนส่ง ค่าจดทะเบียน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ถัวเฉลี่ยออกมา จักรยานน้ำเป็ดน้อย ตัวละ 33,000 บาท จากการตรวจสอบราคาที่มีการซื้อขายกันทั่วไปอยู่ที่ 20,000-22,000 บาทเท่านั้น

ปรากฏว่า มีชาวโซเชียลฯ แห่แหนเข้าไปคอมเมนต์ จำนวนมาก ส่วนใหญ่ก็อดสูใจในการดำเนินงานของ กทม.โดยเฉพาะในยุคสมัยที่มี “ชัชชาติ” เป็นผู้ว่าฯ ซึ่งถูกคาดหวังสูงโดยประชาชนที่เลือกเข้ามา กว่า1.3 ล้านเสียง ว่าจะทำผลงานได้ดีกว่ายุคผู้ว่าฯกทม. คนก่อน

นี่กลับกลายเป็นว่า เรื่องที่ส่อไปในทางทุจริต คอร์รัปชัน ยิ่งขุดยิ่งเจอ ยิ่งสาวยิ่งตะลึงงัน แตะไปจุดไหนก็เจอตรงนั้น

คราวก่อนกรณีเครื่องออกกำลังกาย “ผู้ว่าฯชัชชาติ” นำทีมเรียงหน้ากระดานมาตอบข้อสงสัยของสังคม ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันแซ่ดว่า ตอบไม่ตรงคำถาม เอาแต่คุยโม้โอ้อวด ระบบกลั่นกรองป้องกันการทุจริต ดีอย่างนั้น อย่างนี้

อุปมาเหมือนแก้ผ้าเอาหน้ารอดไว้ก่อน ขณะที่ข้อเท็จจริงคนของกทม. โกงหรือไม่ อย่างไร? ก็รอพิสูจน์ทราบกันต่อไป

สโลแกนที่ “ชัชชาติ”ใช้ตอนหาเสียง “ทำงาน ทำงาน ทำงาน” ตอนนี้เพิ่งแถลงผลงาน 2 ปี ที่เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ไปหมาดๆ ชาวประชาเริ่มกังขา ตกลงเลือกชัชชาติ มาทำงาน หรือ มาทำอะไร ทำไมปล่อยให้ กทม. มีแต่เรื่อง “งาบ งาบ งาบ” !!!


** คดียุบก้าวไกล และคดี 40 สว.ยื่นถอดถอนเศรษฐา ส่อลากยาว ส่วนคดี “แม้ว112” ต้องวัดใจ 18 มิ.ย.นี้ เทวดาจะไปศาลหรือไม่

มีการพูดกันมากว่า อุณหภูมิการเมืองในเดือนมิถุนายนนี้ จะร้อนแรงสุดๆ เพราะมีเรื่อง “คอขาดบาดตาย” ให้ต้องลุ้น อยู่ 3 เรื่องใหญ่ๆ ที่อาจส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมือง

1.เรื่องยุบพรรคก้าวไกล จากการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง... 2. เรื่องยื่นถอดถอน “เศรษฐา ทวีสิน” จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีเสนอชื่อ “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรี และ 3. เรื่องที่อัยการสูงสุด นัดนำตัว“ทักษิณ ชินวัตร” ส่งฟ้องศาล คดี 112 วันที่ 18 มิ.ย.นี้

ล่าสุด ในการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวานนี้ (12 มิ.ย.) มีความคืบหน้า ของ 2 คดีใหญ่ที่อยู่ในมือของศาลฯ คือ...
คำร้องคดียุบพรรคก้าวไกล ที่กกต.ยื่นขอให้ ศาลรธน.ยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง และ เข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคก้าวไกล ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตร 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) นั้น

ศาลรธน.มีคำสั่งให้ กกต. ในฐานะผู้ร้อง ให้ยื่นบัญชี ระบุพยาน หลักฐาน ต่อศาลฯ ภายในวันที่ 17 มิ.ย. โดยกำหนดนัดพิจารณาครั้งต่อไป ในวันที่ 18 มิ.ย.

ขณะเดียวกัน “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกร้อง ก็ลุ้นว่าจะมีการเปิดห้องไต่สวนพิจารณาคดี เพื่อเรียกผู้เกี่ยวข้อง และพยานบุคคล มาให้ถ้อยคำหรือไม่ เพราะทางพรรคได้ยื่นเรื่องขอให้ศาลฯ เปิดห้องพิจารณาไต่สวนคำร้อง และยื่นบัญชีพยานบุคคล ไปก่อนหน้านี้แล้ว

เป็นอันว่า คดีนี้มีแนวโน้มว่าจะต่อลมหายใจให้พรรคก้าวไกล ไปอีกระยะหนึ่ง หากศาลฯ เปิดไต่ส่วน ทั้งจากฝั่งผู้ร้อง และผู้ถูกร้อง

ส่วนคดี ที่กลุ่ม 40 สว.ยื่นคำร้องขอให้ศาลรธน. วินิจฉัยให้ “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีนำชื่อ “พิชิต ชื่นบาน” ขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ศาลฯ ได้มีคำสั่งให้คู่กรณี ยื่นบัญชีระบุหลักฐาน ต่อ ศาลฯ ภายใน วันที่ 17 มิ.ย. โดยกำหนดนัดพิจารณา ในวันที่18 มิ.ย.

เรื่องนี้ “เศรษฐา” ยื่นเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ไปให้ศาลรธน.แล้ว เมื่อ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา เหลือเพียงการยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมจากทางกลุ่ม 40 สว.เท่านั้น

ก็เลยทำให้ “เศรษฐา” มีเวลา มีโอกาสได้รับการติวเข้มจาก “วิษณุ เครืองาม” ก่อนเข้าให้ปากคำต่อศาลฯ หากมีการเปิดไต่สวน ไปอีกระยะหนึ่งเช่นกัน

สำหรับคดี 112 ของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องไปแล้ว เหลือเพียงนำตัว “ทักษิณ” ไปยื่นฟ้องต่อศาล ซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ก็ต้องรอดูว่า เขาจะไปพบอัยการเพื่อให้นำตัวส่งฟ้องศาลหรือไม่

เพราะเมื่อตกเป็นจำเลย ก็จะต้องมีการยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดี ถ้าศาลไม่อนุญาต ก็เป็นอันว่าจะต้องติดคุก

แม้“ทักษิณ”จะเคยบอกว่า เขาไม่หนี แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ส่งทีมทนายความ ไปยื่นขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ให้พิจารณาทบทวนการสั่งคดีเสียใหม่

โดยอ้างว่า เขาถูกกลั่นแกล้งจากคสช. เป็นผลพวงมาจากการปฏิวัติรัฐประหาร เป็นผลไม้พิษ พนักงานสอบสวน ถูกข่มขู่จาก คสช. จึงไม่มีความเป็นอิสระในการสั่งคดี ก็เลยสั่งฟ้องทั้งที่คดีไม่มีมูล

และเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เขายังไปพูดเรื่องนี้ในงานบวชลูกชายนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี ถึงเรื่องนี้อีกโดยย้ำว่า ถูกยัดเยียดคดี 112 – ไม่มีดีลลับกับกลุ่มอำนาจเก่า และ การเมืองวุ่นวายเพราะคนอยู่บ้านป่าฯ

เหมือนเป็นการแสดงความอหังการ์ เปิดหน้าชนกลุ่มอำนาจเก่าจากบ้านป่ารอยต่อฯ

ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของทักษิณ ก็ไม่ยอมตอบคำถาม แถมวิ่งหนี เมื่อถูกถามว่า “ทักษิณ” จะไปสำนักงานอัยการสูงสุด ในวันที่18 มิ.ย.นี้ หรือไม่

ต้องไม่ลืมว่า “ทักษิณ” ชอบยุยงส่งเสริมให้คนรอบข้าง เสี่ยงคุก เสียงตะราง เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง จนตอนนี้หลายคนก็ยังติดอยู่ในคุก

ส่วนตัว “ทักษิณ” เองนั้นจัดว่าอยู่ในระดับ ขี้ขลาด ขยาดคุก !!

ดังนั้น ถ้าถามว่า 18 มิ.ย.นี้ “ทักษิณ” จะไปพบอัยการฯ เพื่อให้นำตัวส่งฟ้องศาลหรือไม่ คำตอบคือ 50-50