xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องหลัง ผกก.ดับเครื่องชน ผบก. กลายเป็น “เครื่องพัง” ประวัติไม่ธรรมดา มีทั้งพ่อและพี่ชายเป็น สส. ** “ทักษิณ” เปิดหน้าชน คนอยู่บ้านป่าฯ (รอยต่อ)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พ.ต.อ.ไพโรจน์ นาเมืองรักษ์ - พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ - ทักษิณ ชินวัตร
ข่าวปนคน คนปนข่าว

** เบื้องหลัง ผกก.ดับเครื่องชน ผบก. กลายเป็น “เครื่องพัง” ประวัติไม่ธรรมดา มีทั้งพ่อและพี่ชายเป็น สส.

เหมือนจะจบแต่อาจไม่จบง่าย กรณี พ.ต.อ.ไพโรจน์ นาเมืองรักษ์ ผกก.สน.ภาษีเจริญ เกิดกินดีหมีหัวใจเสือส่งไลน์ ศปก.น.2566 “ยำใหญ่” ผู้บังคับบัญชาโดยระบุว่า “พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี” ผบก.น.9 มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมหลายอย่าง อาทิ ให้ไปหารายได้จากวัดปากน้ำภาษีเจริญ เพื่อจัดซื้อโดรน กับ “ไฟเขียว”ให้เสี่ยคนดังแห่งกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 เข้ามาลง "ตู้ม้า" ในพื้นที่ โดยพ.ต.อ.ไพโรจน์ ระบุถึงความอึดอัด และประกาศท้าให้ย้าย

อย่างไรก็ตาม หลังเป็นข่าวได้เพียงวันเดียว เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา “พล.ต.ท.ธิติ” ได้สั่งให้ประชุมระดับบริหารที่ บช.น. ต่อเรื่องดังกล่าว ปรากฏว่าข้อกล่าวหาของ “พ.ต.อ.ไพโรจน์” ไม่มีมูลความจริง โดยเจ้าตัวนำดอกไม้ธูปเทียนแพ มาทำพิธีขอขมาลาโทษ ผบก.น.9 พร้อมยอมรับว่า ทำไปโดยขาดสติ

สำหรับไลน์ ศปก.น. 25866 เป็นกลุ่มไลน์ระดับบริหารของกองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมนายตำรวจยศ พ.ต.อ.ขึ้นไปจนถึง พล.ต.ท. อันมี “บิ๊กจ้าว” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เป็นประธานกลุ่มใหญ่ รวมทั้งสิ้น 393 นาย มีไว้เพื่อรายงานสถานการณ์ทั่วไปกับรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่

ต่อการกระทำของ “พ.ต.อ.ไพโรจน์” ครั้งนี้ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังน่าสนใจว่า ก่อนเกิดเรื่อง “พล.ต.ต.ประสงค์” เดินทางไปตรวจ สน.ภาษีเจริญ แต่ไม่พบ ผกก.อยู่ปฏิบัติหน้าที่ จึงตำหนิและให้รายงานชี้แจงทำให้ พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไม่พอใจ มีการส่งไลน์ข้อความว่า... จะมาทำไมไม่บอก ผมไม่รู้หลอก ช่วยย้ายผมหน่อย ผมรำคาญ ...แก่จะตายอยู่แล้ว

ต่อจากนั้น จึงเป็นข้อความรายงานเรื่องอึดอัดใจ 2 เรื่อง มีทั้งบังคับซื้อโดรน โดยต้องไปเฝ้าพระวัดปากน้ำภาษีเจริญ เพื่อขอเงิน กับการไฟเขียวให้เสี่ยคนดังภาค 7 มาลงตู้ม้า ซึ่งต่อมามีการสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่า เรื่องกล่าวหาผู้บังคับบัญชาลอยๆ ไม่มีมูลความจริงแต่ประการใด

เมื่อสรุปความเป็นมาของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็ต้องมาดูโทษที่ “พ.ต.อ.ไพโรจน์” ควรได้รับ เบื้องต้นสบายใจได้เปลาะหนึ่ง เมื่อ “พล.ต.ต.ประสงค์” ไม่แจ้งความดำเนินคดีทางอาญา แต่ความผิดทางวินัย คงเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

เหตุผลสำคัญคือ “พ.ต.อ.ไพโรจน์” ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ อาจไม่พอใจเรื่องการลงตรวจสถานีของ ผบก.น 9 หรือขาดสติเพราะเหตุใดตามอ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องเข้าสู่กระบวนการทางวินัย ซึ่งอาจมีโทษร้ายแรงถึงขั้นให้ออก ปลดออก
ประวัติ “พ.ต.อ.ไพโรจน์ นาเมืองรักษ์” โดยสังเขปเป็น นรต.รุ่น 57 เป็นบุตร นายนิรันทร์ นาเมืองรักษ์ สส.ร้อยเอ็ด และอดีต ผอ.พรรคเพื่อไทย และเป็นน้องชาย นายนรากร นาเมืองรักษ์ สส.ร้อยเอ็ด

นับว่านายตำรวจสติหลุดผู้นี้ มีภูมิคุ้มกันไม่ธรรมดา.


** “ทักษิณ” เปิดหน้าชน คนอยู่บ้านป่าฯ (รอยต่อ)

ในงานบวชลูกชาย “นายกเบี้ยว” กฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี เมื่อวันเสาร์ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา “นช.แม้ว” ทักษิณ ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์สื่อ ที่ทำเอาการเมืองร้อนฉ่า แถมมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาเป็นระลอก

3 ประเด็นหลัก ที่ “ทักษิณ” พูดถึงคือ ถูกคสช.กลั่นแกล้ง ยัดเยียดคดี 112 - ไม่มีดีลลับ -การเมืองวุ่นวายเพราะคนอยู่บ้านป่าฯ
“ทักษิณ” บอกว่าคดีความผิดตามมาตรา 112 ที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง และนัดนำตัวส่งฟ้องศาล ในวันที่ 18 มิ.ย.นั้น ไม่มีข้อมูลความผิดอะไรเลย เป็นการยัดเยียดข้อหาในช่วงเกิดรัฐประหาร เหตุผลที่สั่งฟ้อง เพราะมีผู้บังคับบัญชาบังคับ ข่มขู่ให้พนักงานสอบสวนสั่งฟ้องตนเอง

และเมื่ออัยการสูงสุดคนเก่ามีคำสั่งฟ้องแล้ว อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน ก็ไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งฟ้อง ทั้งๆที่คดีไม่มีมูล
ล่าสุด “ทักษิณ” ยังส่งทีมทนายฯ ไปยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ให้ทบทวนการสั่งฟ้องคดี 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ใหม่อีกครั้ง ด้วยเหตุผลว่า คณะกรรมการสอบสวนขณะนั้น ถูกข่มขู่จากรัฐบาลคสช. จนขาดความเป็นอิสระในการพิจารณาสั่งคดี

พฤติกรรมดังกล่าวของ”ทักษิณ” ถือว่าเป็นการดูหมิ่นดูแคลน สร้างความเสียหายให้กับสำนักงานอัยการสูงสุด หาว่าปฏิบัติหน้าที่แบบ ไม่มีมาตรฐาน ไม่มีหลักกฎหมายรองรับ เป็นการตัดสินใจสั่งฟ้องตามกระแสกดดันของสังคม

ไม่ว่าอัยการสูงสุดจะทบทวนการสั่งฟ้องหรือไม่ แต่ “ทักษิณ”ก็ได้ประโยชน์จากการให้สัมภาษณ์แล้ว

การที่ “ทักษิณ” พยายามอ้างว่า ถูกกลั่นแกล้งจาก คสช. เป็นผลพวงมาจากการรัฐประหาร ก็เพราะต้องการให้คดีนี้อยู่ในข่ายการได้รับนิรโทษกรรม ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี “ชูศักดิ์ ศิรินิล” เป็นประธาน กำลังพิจารณากันอยู่

และเพิ่งมีการนิยาม คำว่า "การกระทำที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง" ที่อยู่ในข่ายได้รับการนิรโทษฯ ว่าให้หมายถึง...“การกระทำที่มีพื้นฐานมาจากความคิดที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง หรือต้องการบรรลุเป้าหมายทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง ในช่วงเวลาที่มีความขัดแย้ง หรือเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง"

ดังนั้น ไม่ว่าจะรวมคดี 112 ไว้ใน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือไม่ แต่ทักษิณ ก็มีข้ออ้างในเรื่องคุณสมบัติตามคำนิยามข้างต้น ที่จะได้รับการนิรโทษฯแล้ว

ส่วนประเด็นทักษิณปฏิเสธหน้าตาย ไม่มี “ดีลลับ” กับฝ่ายอนุรักษ์นิยม หรือขั้วอำนาจเก่านั่น ในทางการเมืองแม้ไม่มีใบเสร็จมาแสดง แต่พฤติการณ์ที่สังคมได้รู้ ได้เห็นนั้น คงปฏิเสธได้ยาก

“ทักษิณ” หนีคดีไป 17 ปี จู่ๆ ก็ยอมกลับมารับโทษ แต่ไม่ต้องนอนคุกแม้แต่วันเดียว... “พรรคเพื่อไทย” ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ประกาศเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แผดเสียงปาวๆ จะ “ปิดสวิตซ์สว. ปิดสวิตช์ 3 ป.” สุดท้ายหลังเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยข้ามขั้วมาจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แล้วอย่างนี้ใครจะเชื่อว่าไม่มีดีลลับ!!

ไม่เพียงบอกว่าไม่มีดีลลับ แต่ “ทักษิณ” ยังเปิดหน้าชนกับ “3ป.” ด้วยคำพูดที่สื่อว่า การเมืองวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ ก็เพราะคนแถวบ้านในป่า เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า บ้านในป่า หมายถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ “ทักษิณ” ตอบว่า ไม่รู้ มีใครบ้างอยู่ในป่า ตนไม่รู้

โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ” บอกว่า ปัญหาบ้านเมืองวันนี้ยากกว่าตอนตนเองเป็นนายกฯ เพราะมันเละมานาน ระบบราชการก็เปลี่ยนไปเยอะ จึงอยากให้ช่วยกันยึดกติกา และให้มองการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพราะวันนี้หลายคนคิดว่า ใครก็เป็นได้ แต่ไม่ใช่ใครอยากจะเป็น ต้องมีกติกา

พูดแบบเปิดหน้าชนอย่างนี้ การเมืองจะไม่ร้อนฉ่าได้อย่างไร เพราะใครๆก็รู้ว่า บ้านป่า ย่อมหมายถึง “บ้านป่ารอยต่อ” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

เรื่องนี้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ พยายามออกมาดับกระแสความร้อนแรงว่า... ท่านไม่ได้บอกบ้านป่า บอกบ้านในป่า ไม่รู้ว่าบ้านที่ไหน พูดมาลอยๆ อย่าไปตีความ อย่าไปคิดเยอะ

ส่วน “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี บอกไม่รู้ว่า “ทักษิณ” หมายถึงใคร และพยายามพูดเลี่ยงไปว่า ตนเองก็ไม่เคยเจอกับ “พล.อ.ประวิตร” ทุกครั้งเป็นการพูดคุยผ่านตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น้องชายพล.อ.ประวิตร และ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

ขณะที่ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พูดถึงเรื่องนี้ว่า ท่านไม่ได้ระบุชื่อใคร สื่อเข้าใจไปเองหรือเปล่าว่าเป็น “พล.อ.ประวิตร” ขออย่าไปคิดมาก พร้อมยืนยันความสัมพันธ์ในพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น ไม่มีปัญหาเรื่องความบาดหมาง เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ อย่าคิดกันไปไกล

กลายเป็นว่า แทนที่ “ร.อ.ธรรมนัส” จะปกป้องหัวหน้าพรรคของตนเอง แต่กลับไปยืนข้างเจ้านายเก่าเสี่ยนี่

อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องนี้จะเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง มีการวิพากวิจารณ์ มีกระแสดรามา แต่คงจะไม่ถึงขั้นทำให้รัฐบาลพัง เพราะ“ผู้กองธรรมนัส”ก็บอกแล้วว่า คำพูดแค่นี้ ไม่ทำให้พรรคพลังประชารัฐสะเทือน หรือพรรคร่วมรัฐบาลแตกร้าว


กำลังโหลดความคิดเห็น