เมืองไทย 360 องศา
เรียกว่า มีความเคลื่อนไหวชัดเจนทันที หลังจากนายทักษิณ ชินวัตร ที่เข้าใจว่าเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย กำลังตกเป็นจำเลยคดี มาตรา 112 โดยทางอัยการสูงสุดนัดนำตัวส่งฟ้องศาล ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งทางพรรคเพื่อไทย ในส่วนที่เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรม กำลังผลักดันให้มีการนิรโทษกรรมแบบ “เหมาเข่ง” นั่นคือ ให้ครอบคลุมความผิด มาตรา 112 ด้วย โดยอ้างปีมหามงคล และเพื่อให้เกิดการปรองดองของคนในชาติ
มีรายงานว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน นี้ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ได้มีการออกหนังสือนัดประชุม และแจ้งวาระที่จะมีการพิจารณาว่า จะมีการหารือและลงมติในประเด็นต่างๆ เช่น นิยามของคำว่า แรงจูงใจทางการเมือง คณะกรรมการนิรโทษกรรม มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ คดีฐานความผิด หรือการกระทำที่จะได้รับการนิรโทษกรรม การหารือเรื่องกระบวนการสมานฉันท์ เช่น การล้างมลทิน เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หนึ่งใน กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการ ตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กล่าวว่า เมื่อกมธ.ศึกษาการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จัดทำรายงานและข้อสังเกตของ กมธ.เสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จนสภาฯ ลงมติรับทราบรายงานและข้อสังเกตดังกล่าว จากนั้น ก็เป็นหน้าที่ของ สส. พรรคการเมือง หรือรัฐบาล ในการเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยบางพรรคการเมืองที่เสนอ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภาฯ ไปก่อนหน้านี้ ก็ยังสามารถนำรายงานผลการศึกษาดังกล่าวของ กมธ.ไปปรับแก้เนื้อหาให้สอดคล้องกับผลการศึกษาดังกล่าวก็ได้
“เห็นด้วยกับการที่จะต้องมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ โดยทำทั้งในนามพรรคเพื่อไทย หรือรัฐบาลจะเสนอด้วยก็ได้ แต่ในฐานะความเป็นพรรคการเมือง เพื่อไทยควรเสนอร่างกฎหมายเข้าสภาฯ เมื่อถึงตอนช่วงใกล้เปิดสมัยประชุมสภาฯ ตอนที่มีการประชุม สส.ของพรรคเพื่อไทย ผมจะเสนอต่อที่ประชุมให้พรรคเพื่อไทย ต้องรีบยกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เรื่องนี้ต้องรีบทำ ต้องรีบร่างกฎหมาย แต่ต่อจากนี้จะเสนอความเห็นผ่านทาง นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายเพื่อไทย ที่เป็นประธาน กมธ.วิสามัญศึกษาการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไปก่อน ว่าขอให้รีบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พอเสร็จจะได้ให้ สส.เพื่อไทย มาร่วมกันลงชื่อเสนอร่างกฎหมาย ส่งเข้าสภาฯ ในนามพรรคเพื่อไทยเรา” นพ.เชิดชัย กล่าว
อย่างไรก็ดี หากพิจารณษาจากแบ็กกราวด์ นพ.เชิดชัย อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เมื่อตอนปี 2554 ที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เสนอต่อสภาฯ ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนกลายเป็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย และเกิดม็อบ กปปส.
เขากล่าวว่า ความเห็นส่วน ตัวยอมรับว่าการเสนอ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภาฯ ก็เกรงเหมือนกัน เพราะพรรคเพื่อไทยเวลาจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบนี้ทีไร ดังทุกที คนอื่นจะมาบอกว่าทำเพื่อ ท่านทักษิณ ชินวัตร อีกแล้ว ยิ่งตอนนี้ ก็โดนคดี 112 ไปแล้ว แต่ยืนยันว่าจริงๆ ไม่ใช่ แต่เราเห็นแก่เด็ก และพวกคนรุ่นใหม่ ที่ติดอยู่ในคุก บางคนตายก็มี เราต้องรีบช่วยเยาวชนของเรา เพื่อให้ทัศนคติที่ยังเห็นไม่ตรงกันไม่กระจายออกไป จนกลายเป็นความขัดแย้ง
“และปีนี้เป็นปีมหามงคลไม่ใช่หรือ 72 พรรษา ก็เขียน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบกว้างๆ ไว้ และมีผลกับคนที่เกี่ยวข้อง บางอย่างอาจมีเงื่อนไขเขียนไว้บ้าง ก็จะได้เป็นประโยชน์กับสถาบันด้วย ไม่อย่างนั้นก็ตีกันไป ตีกันมา มาบอกทำเพื่อทักษิณ ทำเพื่อพวกพ้อง พวกนี้ไม่จงรักภักดี ส่วนอีกพวกก็ว่าโหนเจ้า ว่ากันไป ว่ากันมา ไหนๆ ก็ ไหนๆ แล้ว เมื่อรัฐธรรมนูญบัญญัติว่า ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นในฐานะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ก็ต้องเกิดในช่วงปีมหามงคล ทุกคนจะได้ลดทิฐิ พวกโหนเจ้า อ้างเจ้า จะได้พูดไม่ออก กับอีกพวกหนึ่งคือ พวกจะล้มเจ้า ก็จะได้พูดไม่ออกเหมือนกัน ต้องเอาความจริงมาคุยกัน เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สามารถแก้ไขกันได้” สส.เพื่อไทยรายนี้ ระบุ
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทีจากคนอื่นๆ ในพรรคเพื่อไทยก็แสดงความเห็นในลักษณะสอดคล้องกัน บางคนถึงขนาดบอกว่า คดีของ นายทักษิณ มาจากแรงจูงใจทางการเมือง และเป็นผลพวงมาจากการรัฐประหาร อะไรประมาณนั้น
แน่นอนว่า หลายคนย่อมมองออกไม่ยากว่า การแสดงความเห็นและมีท่าทีแบบนี้ของพรรคเพื่อไทย ก็เพื่อช่วยเหลือ “นายใหญ่” ให้พ้นจากคดี ไม่ต้องติดคุก เหมือนกับก่อนหน้านี้ หลังจากได้รับพระราชทานอภัยโทษเหลือโทษจำคุก 1 ปี แต่เอาเข้าจริงด้วยกระบวนการ “ร่วมด้วยช่วยเหลือ” จนเกิดการพักโทษ แต่ออกมาเดินเฉิดฉายไปทั่ว โดยไม่แคร์ความรู้สึกของสังคมและระเบียบกฎหมาย
แต่สำหรับกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังถูกฟ้องเป็นจำเลยความผิดในคดีอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในวันที่ 18 มิถุนายน นี้ จะกลายเป็นที่สนใจมากขึ้นไปอีก แม้ว่ามีการมองว่าอาจเป็นผลมาจากการ “ผิดดีล” หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่หากไปพิจารณาจากคำให้สัมภาษณ์ที่ประเทศเกาหลีใต้ กับสื่อต่างประเทศเมื่อปี 2558 แบบละเอียด จะเห็นว่า คำพูดที่ออกมานั้นมัน “หมิ่นเหม่” และน่าหวาดเสียวมาก จนเป็นสาเหตุของการแจ้งความดำเนินคดีในเวลาต่อมา ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับการเมือง แต่น่าจะเป็นเจตนาพูดออกมามากกว่า
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวด์ที่ผ่านมา ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในช่วงปี 2556 ที่พรรคเพื่อไทย เสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่มีเนื้อหาสำคัญเพื่อให้ลบล้างความผิดครอบคลุมไปถึง นายทักษิณ ชินวัตร ที่หลบหนีคดีทุจริตอยู่ในขณะนั้นไปด้วย จนเกิดกระแสต่อต้าน มีคนออกมาร่วมชุมนุมเป็นล้านคน แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้มาก่อน จนทำให้รัฐบาลชุดนั้นต้องพังไม่เป็นท่า
คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน หากยังมีความพยายามเสนอกฎหมายในลักษณะเดียวกันออกมาอีก กระแสความไม่พอใจของสังคมน่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีก หลังจากมีการสะสมความไม่พอใจจากกรณี “ไม่ยอมติดคุก” แม้แต่วันเดียว ถูกมองว่า เป็น “นักโทษเทวดา” เป็นอภิสิทธิ์ชน อยู่ในเวลานี้
ประกอบกับเวลานี้ ทั้งพรรคเพื่อไทย รัฐบาล รวมไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร กำลังอยู่ในช่วงถดถอย เป็นช่วงกระแส “ขาลง” อย่างชัดเจน หากยังดึงดัน ฝืนกระแสความไม่พอใจของสังคมที่สะสมมาพักใหญ่แล้ว มันก็น่ากังวลเหมือนกันว่า จะเกิดแรงต่อต้านขนานใหญ่ขึ้นมาอีก บรรยากาศจะซ้ำรอยเดิมอีก เพราะเวลานี้สังคมกำลังมองว่า การเสนอกฎหมายฉบับนี้กำลังช่วยเหลือ นายทักษิณให้ “พ้นผิด”
เพราะแม้แต่คำพูดของ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เชื่อว่ายังหวังต้องการให้มีการนิรโทษกรรมไปถึงพวก “ม็อบสามนิ้ว” รวมไปถึงบรรดาส.ส.ของพรรค ที่กำลังโดนคดี มาตรา 112 ยังจับสัญญาณได้ดีว่า หากมีการเสนอให้ครอบคลุมถึงความผิดของ นายทักษิณ จะทำให้เกิดความลำบากมากขึ้น และกลายเป็นปัญหาทางการเมืองมากขึ้น
อย่างไรก็ดี นาทีนี้แม้ว่าการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อให้ครอบคลุมความผิดของ นายทักษิณ ชินวัตร จะมีความเสี่ยงแค่ไหน แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้วถือว่า “ต้องทำเพื่อนาย” แม้ว่าจะต้องพังไปพร้อมกันทั้งขบวน เพราะนี่คือความหวังที่จะทำให้เขารอดคุก!!
