xs
xsm
sm
md
lg

ทางเลือกของทักษิณหนีหรือสู้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



ในที่สุดนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดก็ยืนคำสั่งฟ้องทักษิณ ชินวัตร ในความผิดตามมาตรา 112 หลังจากที่ทักษิณยื่นขอความเป็นธรรมจากที่ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดในขณะนั้นพิจารณาแล้วได้มีคําสั่งเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 เห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ตามข้อกล่าวหา

คดีนี้ทักษิณให้สัมภาษณ์กับเดอะโชซอนมีเดีย (The ChosunMedia) ของเกาหลีใต้พาดพิงถึงองคมนตรีถึงการที่ทหารเข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมืองทำรัฐประหาร โดยใช้คำว่า Palace Circle ซึ่งหากใครต้องการรู้ว่าข้อความเต็มๆ เป็นอย่างไรก็น่าจะหาฟังได้อยู่

ก่อนที่อัยการสูงสุดจะยืนคำสั่งฟ้องทักษิณก็มีเสียงวิจารณ์กันว่า จะสั่งฟ้องหรือกลับคำสั่งฟ้อง ถ้าสั่งฟ้องก็ง่ายแค่ยืนยันตามที่อัยการสูงสุดคนเก่าเคยสั่งมา แต่ถ้ากลับคำสั่งไม่ฟ้องจะอธิบายต่อสังคมอย่างไร หากว่าอัยการสูงสุด 2 คนมีความเห็นต่างกัน แต่ปัญหานี้ก็ไม่เกิดเพราะอัยการสูงสุดยืนคำสั่งฟ้องนั่นเอง

โดยอัยการให้โอกาสทักษิณที่อ้างว่าป่วยด้วยโรคโควิด มารายงานตัวเพื่อนำตัวฟ้องศาลในวันที่ 18 มิถุนายน จากที่ทักษิณได้ขอเลื่อนฟังคำสั่งออกไปเป็นวันที่ 25 มิถุนายน จากนี้ก็ต้องดูว่า ในวันที่ 18 มิถุนายนทักษิณจะมาปรากฏตัวต่ออัยการไหม หรือว่าทักษิณจะหายตัวไปอีก และน่าสนใจว่า หากทักษิณมาพบอัยการเพื่อส่งฟ้องตามนัดศาลจะให้ทักษิณประกันตัวไหม หากพิจารณาจากพฤติกรรมที่เคยหลบหนีคดีมาในอดีต

และเป็นที่รู้กันว่า ทักษิณเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลปัจจุบัน มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ก็ต้องพิจารณาด้วยว่า หากได้ประกันตัวทักษิณจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานไหม

ที่พูดนี้เป็นหลักการพิจารณาให้ประกันตัวหรือไม่โดยทั่วไป แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาลที่ไม่อาจก้าวล่วงได้

และหากกระบวนการพิจารณาดำเนินไปแล้ว ศาลพิพากษาว่าทักษิณมีความผิด ทักษิณจะถูกจำคุกทันทีหรือไม่ 

เนื่องจากกฎหมายบัญญัติว่า หากเคยต้องโทษมาและพ้นโทษยังไม่ถึง 5 ปีจะไม่สามารถรอลงอาญาได้จึงน่าสนใจว่า ถ้าทักษิณหลบหนีจะหลบหนีตอนนี้หรือรอใกล้วันพิจารณาคดีก่อนแล้วค่อยหลบหนีไป หรือถ้าทักษิณไม่หลบหนีแล้วสู้คดีถึงที่สุด หากศาลสั่งจำคุกทักษิณจะยอมติดคุกจริงๆ ไหม

ต้องยอมรับนะครับว่า การกลับมาของทักษิณหลังจากหนีคดีไป 16 ปี แล้วได้ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษจากในหลวงและได้ทรงมีพระกรุณาลดโทษจาก 8 ปีให้เหลือเพียง 1 ปี แต่ทักษิณกลับไม่ได้รับโทษในเรือนจำแม้แต่วันเดียว โดยอ้างว่าป่วยอาการที่อาจจะถึงแก่ชีวิตแล้วไปนอนที่โรงพยาบาลตำรวจ ในห้องพักที่ดีที่สุดจนได้รับการพักโทษ เมื่อครบ 6 เดือน แต่หลังจากออกจากโรงพยาบาลมาทักษิณกลับไม่ได้แสดงอาการให้เห็นว่า เคยป่วยหนักแม้แต่น้อย และสามารถเดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ ได้ทั่วประเทศ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันเหมือนกับการท้าทายต่อกฎหมายของบ้านเมืองว่าไม่มีความหมาย

แต่ทักษิณก็แสดงออกโดยไม่สะทกสะท้านว่า สังคมจะมองอย่างไร เพราะมั่นใจในอำนาจรัฐที่ตัวเองถือแต้มต่อ จากที่เคยประกาศว่าจะกลับมาเพื่อเลี้ยงหลาน แต่กลับเห็นได้ว่า ทักษิณยังไม่วางมือทางการเมือง ทักษิณเดินสายไปทั่วประเทศทำตัวเหมือนกับผู้มีบารมีทางการเมืองที่ทุกคนต้องสยบยอมให้ มีคนมาห้อมล้อมมากมายทั้งนักการเมือง มวลชน และเจ้าหน้าที่รัฐที่มาคอยดูแล นอกจากนั้นยังถูกเปิดโปงว่า เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาการเมืองในประเทศพม่าด้วย

และประกาศอย่างท้าทายกระบวนการยุติธรรมและกฎหมายของประเทศว่า สงกรานต์ครั้งหน้ายิ่งลักษณ์ น้องสาวที่หนีคดีไปจะกลับมาเล่นสงกรานต์ที่เมืองไทย โดยจะกลับมาภายในปีนี้

คนที่รู้จักทักษิณและเคยสัมผัสกับตัวตนของทักษิณมาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ทักษิณยังเป็นทักษิณคนเดิมที่ไม่เปลี่ยนเหมือนกับวันที่เขายังมีอำนาจล้นฟ้าอยู่ในมือ และเหมือนกับว่า ทักษิณจะเชื่อมั่นในอำนาจของตัวเองยิ่งกว่าเก่า

แม้แต่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีก็ต้องเข้าไปหารือกับทักษิณ และเชื่อกันว่า การที่แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีก็น่าจะเพราะเคยรับใช้ทักษิณจนถูกศาลสั่งจำคุกในคดีถุงขนมมาก่อน จนทำให้นายเศรษฐาอาจถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากระทำผิดให้พ้นจากตำแหน่ง หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเสียงข้างมากรับเรื่องไว้พิจารณา

การกลับมาอย่างองอาจของทักษิณและไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวนั้น มีความเชื่อกันว่า เป็นส่วนหนึ่งของ “ดีล” แต่เมื่อทักษิณถูกอัยการสูงสุดยืนคำสั่งฟ้องมาตรา 112 ก็มีคำถามว่า หรือ “ดีล” ที่ว่านั้นจะไม่มีอยู่จริง หรือ “ดีล” มีอยู่จริง แต่คดีนี้เป็นเงื่อนไขที่อยู่นอกดีลหรือ “ดีล” มีอยู่จริง แต่ถูกยกเลิกแล้ว เมื่อพิจารณาไปถึงการออกมาเคลื่อนไหวของ 40 สว.ในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ถอดถอนนายเศรษฐา

ที่ผ่านมา ความเชื่อมั่นในอำนาจของทักษิณน่าจะมาจากการที่เชื่อกันว่า มีพรรคเพื่อไทยของเขาเท่านั้นที่จะรับมือกับพรรคก้าวไกลได้ เพราะพรรคการเมืองของฝ่ายอนุรักษนิยมไม่สามารถเรียกศรัทธาจากประชาชนได้อีก มีแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่ยังมีแรงอยู่ ทักษิณจึงแสดงออกมาให้เห็นว่า เขายังคงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญทางการเมืองที่จะกำหนดทิศทางของประเทศนี้

ขณะเดียวกันก็มีคำถามว่า การท้าทายต่อกระบวนการยุติธรรมของทักษิณ ที่ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวนั้น อาจจะกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับให้พรรคก้าวไกลที่พยายามเรียกร้องความยุติธรรมและความเท่าเทียมกันในสังคม และสะท้อนภาพของการเมืองเก่าที่มีการเล่นพรรคเล่นพวกและการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลเพื่อผลประโยชน์ ความหวังในการพึ่งพิงอำนาจของทักษิณในการรับมือกับพรรคก้าวไกล จึงอาจจะเป็นตัวเร่งให้พรรคก้าวไกลสามารถช่วงชิงอำนาจรัฐได้เร็วขึ้น

แต่การที่ทักษิณถูกดำเนินคดีก็มีคำถามเหมือนกันว่า จะทำให้ทักษิณหันไปจับมือกับพรรคก้าวไกลไหม และหากเป็นเช่นนั้นฝ่ายอนุรักษนิยมจะมีพลังอะไรไปรับมือและทัดทานเป้าหมายที่ท้าทายของพรรคก้าวไกลได้ และในขณะนี้ในกระบวนการการหาแนวทางเพื่อนิรโทษกรรมทางการเมืองกำลังมีข้อเสนอว่าจะนิรโทษความผิดตามมาตรา 112 ซึ่งเป็นแนวทางที่พรรคก้าวไกลพยายามผลักดันเข้าไปหรือไม่ และเมื่อทักษิณโดนมาตรา 112 เสียเองพรรคเพื่อไทยจะหันไปจับมือกับพรรคก้าวไกลเพื่อผลักดันเรื่องนี้เพื่อช่วยให้ทักษิณพ้นผิดไหม

ไม่มีใครรู้หรอกว่า การพบกันระหว่างธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจกับทักษิณที่ฮ่องกงนั้น มีการพูดคุยกันเรื่องอะไรและมีพันธสัญญาต่อกันอย่างไร แต่สิ่งที่เราเห็นก็คือพรรคก้าวไกลไม่ได้แสดงบทบาทของพรรคฝ่ายค้านออกมาอย่างเต็มที่

ขณะเดียวกัน ถ้าหากความผิดตามมาตรา 112 ถูกรวมไปอยู่ในการนิรโทษกรรมทางการเมืองจะปลุกให้ประชาชนที่คัดค้านออกมาชุมนุมบนถนนอีกไหม และหากเกิดความวุ่นวายทางการเมืองอีกครั้ง วัฏจักรเก่าที่เราเรียกว่าวงจรอุบาทว์จะหมุนกลับมาอีกไหม

ถึงตรงนี้ก็ต้องจับตาดูว่า ทักษิณจะหนีหรือสู้ หรือจะเดินหมากเกมการเมืองจากนี้อย่างไรและสถานการณ์การเมืองนับจากนี้จะเป็นไปอย่างไร
 
ติดตามผู้เขียนได้ที่
https://www.facebook.com/surawich.verawan



กำลังโหลดความคิดเห็น