ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ปูด "ผู้หญิง VVIP" ตั้มขยี้ "หมาแก่" รับลูกขยาย! ถ้าคดี "ต่อเฟรนด์ลี่" มีคืบหน้า จะหุบปากทีม "โจ๊ก สายมู" นี้ชะงัด!!
เรื่องต้องสงสัยเส้นเงินพัวพันเว็บพนัน และฟอกเงินของ "ต่อเฟรนด์ลี่" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่ตีคู่มากับ คดีของ "โจ๊ก สายมู" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และพวก ถูกฝ่ายของโจ๊ก ทั้ง "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด เปิดประเด็น และ สื่อ "หมาแก่" ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ จับมาขยาย
เรียกว่า ร่วมด้วยช่วยกัน รุมขยำขยี้ บี้ตำรวจให้เร่งรัดเปิดเผยผลคดี “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” ออกมา เพราะคิดกันว่า นี่จะเป็นประโยชน์กับลูกพี่โจ๊ก เข้าทำนอง "ถ้ากูชั่ว เอ็งก็เลว" ให้สังคมลืมความผิดของตัว โยนชั่วให้ผู้อื่น
ล่าสุดก็ปล่อยข่าว "ผู้หญิงVVIP" ที่พัวพันเว็บพนัน กำลังจะขอสัญชาติอังกฤษ รู้ไปถึงว่า เหตุผลเพราะรู้ชะตา จะไม่รอด จึงเตรียมทางหนีทีไล่ อพยพไปอยู่ต่างประเทศ
ว่าไปเรื่องทำนองนี้ เป็นวิชามารพื้นๆ ที่ใครก็อ่านเกมกันออก เพราะ จริงเท็จ ไม่มีใครยืนยันได้
บังเอิญที่ผ่านมา คดีของ "ต่อเฟรนด์ลี่" ก็เงียบไปหน่อย ปรากฏเป็นข่าวความคืบหน้าออกสื่อน้อย ขณะที่คดีของฝ่ายโจ๊ก ยิ่งคุ้ยก็ยิ่งเจอ ยิ่งมาหลักฐานยิ่งชัด
ไม่แปลกที่ทีม “โจ๊ก สายมู” ทั้ง “ทนายตั้ม” และ “หมาแก่” จะใช้วิชาจิกกัด แซะอีกฝ่ายเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นให้
ถึงวันนี้ โจ๊กและทีมกวนน้ำขุ่น ทนายตั้ม และหมาแก่ ยังไม่เคยตอบคำถามถึงหลักฐานเส้นทางเงินของโจ๊ก และกรณีฟอกเงิน ขายทอง ไปจนถึงพฤติการณ์ของลูกน้องร่วมขบวนการ
เพราะฉะนั้น งานนี้ ว่ากันว่า ถ้าจะให้ฝ่ายโจ๊ก สงบปากสงบคำลงได้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องทำความจริงคดี “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” ให้ปรากฏโดยเร็ว
ฟังว่า “พล.ต.อ.วินัย ทองสอง” หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย กรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่"เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น ได้เชิญ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ให้ถ้อยคำแล้วกับคณะกรรมการแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนรายละเอียด พล.ต.อ.วินัย ไม่ขอเปิดเผย แต่จะนัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายในสัปดาห์หน้า
ว่ากันว่า คณะกรรมการฯ จะชี้แจงทุกประเด็น รวมถึงจะตอบคำถามประเด็นเกี่ยวกับเครือญาติของ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ ด้วยเช่นกัน
เมื่อความจริงที่มีหนึ่งเดียวถูกเปิดเผย คดีของ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” มีคืบหน้า เชื่อได้เลยว่าจะหุบปากเหล่าบริวารของ”โจ๊ก”ได้ชะงัดแน่นอน
นี่ก็ต้องบอกว่า โปรดติดตามอย่ากระพริบตา
** “ลิ่วล้อ”ในเพื่อไทย ลำเลิกบุญคุณ “ปานปรีย์” ได้เป็นรัฐมนตรีเพราะใคร
การลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของ “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” หลังโดนยึดตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี จากการปรับครม.ครั้งนี้ ถูกมองว่าอาจจะมีใบสั่งมาจาก “นายใหญ่” หรือภารกิจที่จะต้องทำหลังจากนี้ ที่เสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องพา“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” กลับไทยแบบไม่ต้องติดคุก
จึงตัดสินใจลาออกดีกว่า !!
หากย้อนภูมิหลัง “ปานปรีย์” เติบโตมาในครอบครัวที่ทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ ในยุค “คุณปู่”ของเขา เป็นปลัดกระทรวงฯ -ทูตหลายประเทศ และ คุณพ่อของเขา ก็ทำงานในกระทรวงการต่างประเทศเช่นกัน
“ปานปรีย์” สมรสกับ “ปวีณา”(นามสกุลเดิม หงษ์ประภาส) หลานตา “พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ”
เรียกได้ว่า “ปานปรีย์” เติบโตมาในกลุ่มชนชั้นนำของสังคมไทย การลาออกของเขา จึงออกมาในแบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด ไม่รีรอ หรือเสนอเงื่อนไขต่อรอง แบบยังหวังอยู่ในตำแหน่ง เหมือนสส.ทั่วไป และยังเป็นการส่งสัญญาณถึง “เศรษฐา ทวีสิน”และ“นายใหญ่” ที่อยู่เบื้องหลังการเคาะตำแหน่งในครั้งนี้ด้วยว่า ถ้าทำกันแบบนี้ ก็ไม่ขอทน !!
ทั้งๆที่ ‘ปานปรีย์’ นั้นได้ชื่อว่าเป็น “สายตรงบ้านจันทร์ส่องหล้า” ทำงานใกล้ชิดกับนายหญิง นายใหญ่ มาตลอด เคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้แทนการค้าไทย อีกทั้งมีบทบาทในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย มาตลอด เป็นหนึ่งใน “คีย์แมนเศรษฐกิจ” ของพรรคคนหนึ่ง
เมื่อกระแสวิพากวิจารณ์จากการปรับครม.และการลาออกครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่ “นายใหญ่” บรรดาลิ่วล้อ องครักษ์ ก็รีบออกมาพิทักษ์ ปกป้อง ขณะเดียวกันก็ด้อยค่า ทวงบุญคุณ “ปานปรีย์” ไปพร้อมกัน
อย่างเช่น “ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม” ส.ส. พรรคเพื่อไทย บอกว่า“ปานปรีย์” เป็นบุคคลที่ ส.ส.ไม่รู้จัก เวลาเดินสวนกับตนเอง ยังไม่ทักทาย ทั้งที่ตนเองนั้นเป็นคนเก่าคนแก่ของพรรค อยู่มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย
เรียกว่าเป็นรัฐมนตรีที่ไม่เห็นหัวสส. และหากจะลาออกจากพรรคเพื่อไทยด้วย ก็ไม่มีปัญหา ไม่มีผลกระทบกับพรรค เพราะไม่ได้สัมผัสกับงานการเมือง และส.ส.อยู่แล้ว เขาอาจจะเก่งด้านบริหารการต่างประเทศ แต่ไม่ได้ช่วยอะไรในด้านการเมือง
ทัศนคติของ “ครูมานิตย์” ยังมองการเมืองแบบเดิมๆ ว่า คนจะเป็นรัฐมนตรีต้องเป็นพวกบ้านใหญ่ มีสส.อยู่ในมือ ในมุ้ง คิดแบบคณิตศาสตร์การเมือง ว่าถ้าเป็นรัฐมนตรีว่าการ ต้องมี สส.กี่เสียง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ ต้องมีกี่เสียง
แต่ “ปานปรีย์” มาแบบรัฐมนตรีมืออาชีพ ที่รู้งานด้านการต่างประเทศ ไม่มีสส.หนุน
ขณะที่หลายคนเสียดายในความรู้ ความสามารถของ “ปานปรีย์” ที่ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานรับใช้ประเทศชาติ แต่ “ครูมานิตย์” บอกว่า ไม่รู้ว่าพรรคจะเสียดาย หรือไม่เสียดาย แต่ส่วนตัวแล้วไม่เสียดายเลยสักนิด และคิดว่า ส.ส.คนอื่น ก็คิดเช่นเดียวกับตนเอง เพราะการเมืองมีองค์ประกอบเยอะ
“การเป็นผู้บริหารระดับรัฐมนตรี มันไม่ใช่แค่ว่าบริหารที่กระทรวงอย่างเดียว แต่ต้องมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองด้วย เพราะไปนั่งรัฐมนตรีได้ ก็เพราะพวกเรา ดังนั้นเมื่อเป็นรัฐมนตรีแล้ว ไม่ได้สัมผัสกับส.ส. พวกส.ส.ก็ไม่ให้ความสำคัญเหมือนกัน”
ขณะเดียวกัน “ครูมานิตย์” ยังชื่นชม “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ที่ถูกปรับพ้นตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข แต่ไม่มีการร้องโวยวาย เพราะเป็นนักการเมืองอาชีพ อยู่กับพรรคการเมืองมา 24- 25 ปีแล้ว ย่อมทนรับในเรื่องราวเหล่านี้ได้ เพราะเข้าใจคำว่า “สมบัติผลัดกันชม” คนที่มาเล่นการเมืองทุกคนก็อยากเป็นสส. เมื่อได้เป็นสส.แล้ว ก็มีเป้าหมายที่จะเป็นรัฐมนตรีกันทั้งนั้น
ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร แต่ “ครูมานิตย์” บอกว่าการปรับครม. ครั้งนี้นายกรัฐมนตรีทำถูกแล้ว!!