เด็ดปีก แก๊งโจ๊ก บิ๊กต่าย กล้าๆ หน่อย

นอกจากขึงขังสั่งกวาดล้างเว็บพนันออนไลน์ แต่ที่เหลือจากนั้น “บิ๊กต่าย” ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจาก “บิ๊กต่อ” ยึดแนวทาง “เกียร์ว่าง” ประคองตัวรอขึ้นเป็น ผบ.ตร.ชิลๆ



นอกเหนือจากสั่งกวาดล้างเว็บพนันออนไลน์ขึงขัง แต่ที่เหลือจากนั้น บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. รักษาการ ผบ.ตร. ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.

วางตัวหวังเป็น “ตาอยู่” ประคองตัวเพื่อขึ้นเป็น ผบ.ตร.ในปีนี้ ใช้วิธีตั้งการ์ดรัดกุม ไม่เสี่ยงออกอาวุธให้โดนสวนหมัด

วิธีบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยึดแนวทาง “เกียร์ว่าง” แบบที่บิ๊กต่อเคยทำ ไม่กล้าแตะต้องตำรวจลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ที่โดนคดีรับส่วย คดีฟอกเงินกันระนาว

ไม่มีการใช้อำนาจในการบริหารองค์กร กับบรรดาตำรวจรอบเอวบิ๊กโจ๊ก ตำรวจสีเทาพวกนี้เคยอยู่สุขสบายอย่างไรมาตั้งแต่ยุคบิ๊กต่อ ก็ยังชิลๆ ต่อไปในยุคบิ๊กต่าย ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมต่อไป อยู่ในราชการต่อไป

เอาเข้าจริง แม้แต่คำสั่งกวาดล้างเว็บพนันของบิ๊กต่าย ก็ไม่เห็นจะมีผลงานอะไรเป็นรูปธรรม สะท้อนให้เห็นว่าระบบส่วยกับตำรวจ มันฝากรากลึกไปถึงไหนต่อไหน

บิ๊กต่ายที่เคยเป็นความหวังของตำรวจ 2 แสนนาย ตอนนี้กลายเป็นความคับข้องใจหมองใจ ไม่เหลือความเป็นที่พึ่งใดๆ แล้ว
นับแต่เกิดเหตุลุยค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก แล้วจับกุมดำเนินคดีลูกน้องรอบเอวบิ๊กโจ๊ก ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2566

ผ่านมา 6 เดือน การดำเนินการทางวินัยกับตำรวจผู้ต้องหา มีลักษณะประวิงเวลา ช่วยพวกเดียวกันอย่างชัดเจนมากๆ ทั้งที่แต่ละคน โดนคดีอาญาร้ายแรงขนาดนั้น

มีแค่สั่งให้มาประจำ ศปก.ตร. เท่านั้นเอง แต่ก็มาแต่ชื่อ ตัวจะอยู่หรือไม่อยู่ ไม่ได้มีระบบตรวจสอบ

ปล่อยปละละเลยจนเกิดเรื่องอื้อฉาว ตำรวจลูกน้องบิ๊กโจ๊กไปคุกคามอัยการที่ปรึกษาคดี จนอัยการสูงสุดต้องเรียกร้องทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยมีมาตรการคุ้มครองอัยการด้วย

จึงเพิ่งมีคำสั่งให้สอบสวนข้อเท็จจริงกรณีคุกคามอัยการ เมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมานี้เอง ทั้งที่การคุกคามก็เกิดขึ้นมาพักใหญ่แล้ว

จะเห็นว่า จเรตำรวจ กองคดี ตลอดจนผู้บังคับบัญชาตามสายงานของตำรวจสีเทาเหล่านี้ ต่างพากันเกียร์ว่าง ไม่ยอมจัดการทางวินัย

เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จนน่าจะการร้องเรียน บก.ปปป. ให้ดำเนินคดี จัดการล้างบางไปพร้อมกันกับกลุ่มผู้ต้องหาไปเลย ไหนๆ ก็ไหนๆ

การทำงานแบบสองมาตรฐาน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดูได้จากกรณีของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ตำรวจพ่อบ้านคนสนิทของบิ๊กโจ๊ก ซึ่งโดนคดีมากกว่าใคร ทั้งคดีรับส่วย และคดีฟอกเงิน

พ.ต.ท.คริษฐ์ ไม่ถูกดำเนินการทางวินัย แถมยังได้ย้ายไปอยู่ทำเลทองอย่าง จ.สมุทรปราการ

เทียบเคียงกับ พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ รองผบก.น.6 รักษาราชการแทน ผกก.สน.ยานนาวา ซึ่งต้องคดีรับส่วยมาเฟียจีนเทา “ตู้ห่าว” และผับจินหลิง เมื่อปี 2565
ถูก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสสร์ ผบ.ตร. ขณะนั้น เซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการไปแล้ว พร้อมกับตำรวจอื่นๆ ที่ร่วมกระทำผิดอีกหลายนาย

ซึ่งคนที่กดดันอย่างหนักผ่านสื่อ ให้ ผบ.ตร. ต้องดำเนินการทางวินัยและทางการปกครองกับตำรวจรับส่วยตู้ห่าว ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน บิ๊กโจ๊ก นี่เอง

แต่พอเป็นคดีของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ บิ๊กต่อ ต่อเนื่องมาถึงยุคบิ๊กต่าย ออกอาการแหยง ไม่กล้าแตะต้อง แม้ข่าววงในบอกว่า พ.ต.ท.คริษฐ์ จะโดนลงโทษวินัยร้ายแรงในสัปดาห์นี้ แต่ยังเชื่อไม่ได้ถ้ายังไม่เห็นคำสั่ง

อีกคนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่กล้าแตะ ก็คือ พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รองผบก.สงขลา ซึ่งโดนคดีฟอกเงินจากเว็บพนัน BNK Master พร้อม “อู๊ด หาดใหญ่” เจ้าของเว็บ

“อู๊ด หาดใหญ่” เป็นคนรู้ใจ “พิมพ์วิไล” เจ้าของบัญชีม้า ซึ่งทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด อ้างว่าเส้นเงินของเธอ โยงไปถึงคนใกล้ตัวบิ๊กต่อ

ทั้งที่ พ.ต.อ.กิตติชัย โดนคดีอาญาร้ายแรง ก็ยังชิลๆ ในตำแหน่ง รองผบก.สงขลา ตามเดิม มี “อู๊ด หาดใหญ่” เคียงข้างเหมือนเดิม โดยไม่มีใครกล้าแตะต้องเช่นกัน

ตำแหน่งหน้าที่ของ พ.ต.อ.กิตติชัย อาจไม่ใหญ่ แต่ที่บารมีใหญ่มาก เพราะวงการตำรวจสืบสาวราวเรื่อง พบว่า พ.ต.อ.กิตติชัย เป็นเพื่อนสนิทของบิ๊กโจ๊ก สมัยเรียนมัธยมฯ ที่ จ.สงขลา

ลองบิ๊กต่าย ยังออกอาการผวาบิ๊กโจ๊ก แบบที่บิ๊กต่อเคยผวา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ น่าจะถึงกลียุคแล้วจริงๆ

------------------------------------------
ติดตาม SondhiX ได้ทางแอปพลิเคชั่น Sondhi App
เปิดให้ Download ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android