ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เรื่องจริงไม่ใช่นิยายนะครับนะ “บิ๊กต่าย” เซ็นแล้ว ดีด “โจ๊ก”พ้นจากราชการ
ความเคลื่อนไหวคดีของ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มาถึงจุดสำคัญอีกครั้ง
เมื่อ“บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาการ ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน
นี่ต้องเรียกว่า ละล้าละลัง อิหลัก อิเหลื่อ อยู่พอสมควร กว่าจะลงมือปฏิบัติการได้ ถูกติฉินนินทาจากผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่นาน ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำงานแบบสองมาตรฐาน ดูได้จากกรณีของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ตำรวจพ่อบ้านคนสนิทของโจ๊ก ซึ่งโดนคดีมากกว่าใคร ทั้งคดีรับส่วย และคดีฟอกเงิน แต่ พ.ต.ท.คริษฐ์ กลับไม่ถูกดำเนินการทางวินัยใดๆ รวมไปถึงเมื่อมาถึงตัวลูกพี่ใหญ่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ไม่มีอะไรออกมา
ข่าวว่า ความกล้าของรักษาการ ผบ.ตร. เกิดขึ้นภายหลังมาเข้าพบ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ในช่วงเที่ยงๆ เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ก่อนจะกลับมาสตช. หยิบปากกาเซ็นแกร๊ก ในช่วงบ่ายๆ
แทบไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ เพราะสังคมรับรู้อยู่แล้วว่า เป็นไฟต์บังคับ เมื่อพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต้องคดี ตกเป็นผู้ต้องหา ฟอกเงิน หรือ คดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ทุกอย่างก็ต้องว่ากันไปตามระเบียบ และกฎหมาย
“โจ๊ก” เคยได้ชื่อว่าเป็น “แมวเก้าชีวิต” เคยเจอหนักๆ แต่ก็กลับมาได้ แถมเป็นใหญ่ขึ้น เป็นถึง รอง ผบ.ตร. แต่คราวนี้จะไปไม่กลับหรือไม่ ? นั่นคือสิ่งที่ต้องรอดูกัน
แต่ก็ว่ากันว่า เห็นที “ชีวิตที่สิบของแมว” จะไม่เกิด เพราะรอบนี้ ประจักษ์พยานในคดีต่างๆ ที่ตวัดรัดตัวโจ๊ก อาทิ ฟอกเงิน พัวพันเว็บพนัน ปรากฏชัด แถมเรื่องบางเรื่อง ก็โผล่ขึ้นมาฟ้องพฤติกรรม หลบเลี่ยง อำพราง เพิ่มเติมอีกต่างหาก
ดูอย่าง คดี “แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ” นั่นปะไร เรียกว่า คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต จริงๆ
“โจ๊ก” และพวก ทั้งพรรคพวกใน ป.ป.ช. และเซียนพระ คำนวณไว้ดิบดี ตกแต่งบัญชีทรัพย์สินให้ดูเข้าท่า เข้าที แต่ใครเลยจะคิดว่า “อดีตผู้ว่าฯ” ร.ต.สมพร กุลวานิช ท่านผู้เฒ่าวัย 89 ปี จะเข้าแจ้งความ ยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่เคยรู้จักกับ “โจ๊ก” เป็นการส่วนตัว ตามที่ “เฮียอั๊ง เมืองชล” สมภพ ไทยธีระเสถียร เซียนพระผู้กว้างขวาง รองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย แอบอ้างในการสร้างพยานหลักฐานเท็จ แจงที่มาทรัพย์สินของ “โจ๊ก”
กลายเป็นคดีพลิก ที่อยู่เหนือการควบคุมของ “โจ๊ก” ไปอย่างไม่เคยคิดมาก่อน
เอาแค่คดี “แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ” คดีนี้คดีเดียว ก็หนักหนาสาหัส ปิดฉากชีวิตราชการของบิ๊กตำรวจสายมู คนนี้ได้เลย
มิหนำซ้ำ “โจ๊ก” จะพาพรรคพวกซวยตาม เพราะ บก.ปปป. เก็บหลักฐานให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของป.ป.ช. 3 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่” รวมถึง เซียนพระ เรียบโร้ย!!
งานนี้บอกได้เพียงว่า หาก “โจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ตำรวจสายมู เชื่อในพิธีกรรมปัดเป่าสะเดาะเคราะห์ จึงตระเวนกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ช่วยพ้นภัย พ้นคดี ก็ควรจะเชื่อด้วยว่า “กรรม” เป็นเรื่องของการกระทำ สุดท้ายไม่มีใครพ้นธรรม “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”
นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่นิยาย นะครับนะ
**“เทวดาชั้น14 โมเดล” ทวี สอดส่อง ยัน ปู-ยิ่งลักษณ์ กลับไทยมาตรฐานเดียว ไม่มีทำซ้ำใครทั้งนั้น...จริงรึ !
กระแสข่าว “ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะกลับมาไทย ยิ่งวันยิ่งแรง
เพราะ เห็นตัวอย่างของ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้พี่ ที่กลับมาก่อนหน้าทำให้ดูแล้วเป็น นักโทษโคตร VVIP ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวนั้นทำได้ จึงคาดกันว่ากลุ่มผู้ให้การช่วยเหลือชุดเก่า กำลังทำอยู่...และจะทำต่อแน่นอน!!
งานนี้สปอตไลต์ ส่องไปที่ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการยุติธรรม ที่เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีไม่กี่คน ที่เก้าอี้แข็งแรง มั่นคง ไม่มีข่าวระแคะระคายว่าจะถูกปรับย้าย เด้งดึ๋ง ไปไหนกับใครเขา แม้ในวันฝุ่นมามาก การปรับครม.”เศรษฐา 2” ฟุ้งกระจายตลบอบอวลไปทั่วทำเนียบฯ ก็ตาม
เหตุผลไม่ต้องสังสัยกันละ “ทวี” แม้ผลงานเพื่อประชาชน ไม่มีชิ้นดีอะไรให้เอ่ยอ้างถึง แต่งานปั้น “เทวดาชั้น14” เข้าตา “ทักษิณ” จึงได้ไปต่อ แบบการันตีกันยาวๆ
ฟังว่า หัวหน้าชุดเทวดาชั้น14 ชั่วโมงนี้ ถูกจี้ถามว่า ปฏิบัติการต้อนรับ “ยิ่งลักษณ์” จะทำอย่างไร ? ช่วยชี้แจง แถลงไขหน่อย
คำตอบทีได้ยินได้ฟัง แทบไม่ต่างจากก่อนที่ทักษิณจะกลับมาเป๊ะๆ ก็คือ กรมราชทัณฑ์ จะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาศาล ซึ่งจะไม่มีใครได้รับข้อยกเว้น เรื่องการปฏิบัติกับผู้ต้องขัง เราได้รับมาตรฐาน
แต่เมื่อถามว่าลักษณะการกลับมาของ ยิ่งลักษณ์ จะเป็นอย่างไร “ทวี” กล่าวว่า เป็นคำถามสมมุติ จึงไม่ขอตอบ
แต่ยืนยันว่า ปกติเราจะไม่ใช่ผู้พิจารณา เพราะมีระบบอยู่แล้ว ดังนั้นการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังในเรือนจำ ที่ตอนนี้มีเกือบ 300,000 ก็จะปฏิบัติแบบนี้ทั้งหมด และทุกคนจะได้รับการปฏิบัติตนเหมือนกัน
“ทวี” ย้ำว่า ส่วนใหญ่จะปฏิบัติตามมาตรฐานเดียว ไม่มี 2 มาตรฐาน
ส่วนที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า จะใช้โมเดลเดียวกับ “ทักษิณ ชินวัตร” มาอยู่เรือนจำแบบไม่กี่ชั่วโมง หัวหน้าชุดเทวดาชั้น14 ยืนยันว่า ไม่มีโมเดลใครทั้งนั้น
พูดอย่างหนักแน่นอย่างนี้ จะเชื่อหรือไม่ งานนี้ก็ตามอัธยาศัย
แต่เท่าที่ดูปฏิกิริยา ของคอการเมืองที่ท่องเน็ตทั้งหลาย บอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า ให้ “ปู-ยิ่งลักษณ์” จองตั๋วบินกลับมาเลย ไม่ต้องมากพิธี แค่เลือกว่าจะ “ป่วยทิพย์” เป็นโรคอะไร จะเป็นน้ำในหูไม่เท่ากัน บ้านหมุนเหมือนเดิม หรือจะเป็นโรคใหม่ อัลไซเมอร์ ? ก็น่าจะแสดงละครเก่งพอๆ กับพี่ชาย
“ โทนี่แม้ว” ก็ทำมาตรฐานไว้สูงแล้ว กรณีของ “ยิ่งลักษณ์” ก็คงไม่ยากหรอก คุกไม่ต้องติด กระบวนการยุติธรรมโดยกระทรวงยุติธรรมยุค “ทวี” มีมาตราฐานเดียว คือ ไว้บังคับใช้กับคนไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจเท่านั้น
ไม่ต้องมาดัดจริตปัดตอบ เพราะ พวกคุณมีคำตอบอยู่แล้ว!!
**“วันนอร์” ฮึ่ม! อย่าล้ำเส้น ตำแหน่งประมุขนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารจะมาแทรกแซงไม่ได้!!
โผปรับครม. “เศรษฐา2” รอบนี้ มีชื่อ “สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กับ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” รมว.สาธารณสุข จะต้องหลุดจากตำแหน่งเพื่อ “ไปทำงานสภาฯ”
จากนั้นก็มีกระแสข่าวห้อยท้ายว่า งานสภาฯ ที่ว่านั้น คือจะมีการเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ที่ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” นั่งอยู่ แล้วให้รอลุ้นว่าระหว่าง “สุทิน-หมอชลน่าน” ใครจะได้เป็นประธานสภาฯ
เมื่อ “ประธานวันนอร์” ได้ยินข่าวนี้ ก็หัวร้อนถึงกับควันออกหู บอกว่า นี่ฝ่ายบริหาร จะล้ำเส้นมาก้าวก่ายฝ่ายนิติบัญญัติ เพียงเพื่อให้การปรับครม.มันลงตัวกระนั้นหรือ จะลุแก่อำนาจเกินไปหรือเปล่า?
“ประธานวันนอร์” บอกว่า ตนเองไม่ยึดติดตำแหน่ง แต่ไม่อยากให้ฝ่ายนิติบัญญัติ ถูกแทรกแซงจากฝ่ายใด เนื่องจากตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ถือเป็น “หนึ่งในสามเสาหลักประชาธิปไตย” ที่ฝ่ายอื่นจะเข้ามาแทรกแซงไม่ได้ จึงมีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องเป็นกลาง ไม่มีพันธะกับพรรคการเมือง ไม่เป็นกรรมการบริหารพรรค และตำแหน่งที่ตนนั่งอยู่นี้ ก็มาจากการที่มีคนเสนอชื่อ และสมาชิกโหวตเลือกให้เข้ามาทำหน้าที่ ถ้ามีการแทรกแซงให้ตนลาออก สภาฯก็จะไม่ใช่สภาฯ การปรับครม. เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่จะเปลี่ยนแปลงได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่ตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้อยู่ในวาระที่กำหนดไว้ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ยกเว้น ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ หมดวาระ หรือลาออก
“ผมไม่ยึดติดกับตำแหน่ง แต่ต้องการรักษาเกียรติ และศักด์ศรีของฝ่ายนิติบัญญัติไว้ ต้องการธำรงไว้ซึ่งหลักการ เพื่อให้ประชาธิปไตยของไทยเดินไปข้างหน้า”
“ประธานวันนอร์” ส่งสัญญาณชัดว่า จะมา“บีบ”กันแบบนี้ไม่ได้นะจ๊ะ