xs
xsm
sm
md
lg

ดับอนาคต “โจ๊ก” ผลสอบพบเอี่ยวฟอกเงินเว็บพนันจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“โจ๊ก” เหมือนโดนประหารชีวิตทางราชการ หลัง “วินัย ทองสอง” เผยผลสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งนายกฯ พบมีส่วนร่วมฟอกเงินจริง จากเส้นทางเงินเว็บพนันมายังบัญชีม้าเชื่อมโยงมาถึง เผยเหตุผลออกมาเร็วกว่ากรณีของ “บิ๊กต่อ” เพราะพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาก่อนแล้ว 7 เดือน ขณะ “บิ๊กต่าย” รักษาการ ผบ.ตร.บอกสื่ออย่าสนใจ เหมือนไม่อยากเปลืองตัว



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ 5 เมษายน 2567 พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย แถลงว่า ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และฝ่ายที่กล่าวหา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เข้ามาสอบถามเกือบ 30 ราย เช่น พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย พ.ต.อ.ดุสิต พรหมสิน ผกก.สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้าให้ข้อมูลและให้ส่งเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงภายในวันที่ 30 เมษายนนี้ พร้อมจะให้ฝั่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่งข้อมูลเอกสารที่เหลือทั้งหมดมาให้คณะกรรมการภายในวัน 20 เมษายนนี้


พล.ต.อ.วินัยแถลงว่า “จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทั้งพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เกือบ 30 คน ทางคณะกรรมการมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกับศาลที่อนุมัติออกหมายจับ ซึ่งเชื่อว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีส่วนร่วมในการกระทำผิดจริง โดยเป็นการฟอกเงิน ที่พบเส้นทางการเงินจากเว็บพนันออนไลน์มายังบัญชีม้าและเชื่อมโยงมายัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเชื่อว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รู้และได้รับประโยชน์บางส่วนจากการกระทำดังกล่าว แต่ยังต้องตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีก”

การตรวจสอบ และการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.วินัย ซึ่งเป็นคณะทำงานที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นมา เหมือนดับอนาคตชีวิตราชการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ไปในทันที


พล.ต.อ.วินัย กล่าวด้วยว่า การตรวจสอบของคณะกรรมการนั้นมีผลออกมาก่อนที่ศาลจะออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยหากข้อมูลฝั่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เสร็จสิ้นทั้งหมดแล้วก็จะทยอยส่งให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา โดยไม่ต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงฝั่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เนื่องจากหากไม่ทันกำหนดภายใน 60 วันก็สามารถขยายขยายระยะเวลาต่อไปได้ แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


ส่วนที่มองว่าทางการตรวจสอบฝ่าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แล้วเสร็จอย่างรวดเร็วนั้น เนื่องจากพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานมาเป็นเวลานานกว่า 7 เดือน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดนี้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานจากบุคคลที่เกี่ยวข้องเอง โดยไม่ได้นำข้อมูลและพยานหลักฐานจากพนักงานสอบสวนมาอ้างอิง

ส่วนกระบวนการตรวจสอบฝั่งของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์จะมีการเชิญ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เข้าให้ข้อมูลที่บ้านมนังคศิลา เมื่อวันพุธ


ทั้งนี้ แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ข้อมูลหลักฐานที่ทนายตั้มนำไปให้ก็ไม่ได้ต่างจากข้อมูลที่เอาไปให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ที่กล่าวหา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เรื่องบัญชีม้าต่างๆ มีเพิ่มอยู่ 2 ประการ คือ การกล่าวหาว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีบ้าน 2 หลังอยู่ที่อังกฤษ และภรรยาของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้เรียกรับผลประโยชน์โครงการก่อสร้างที่นครราชสีมา

พล.ต.อ.วินัย กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจในการตรวจสอบทั้งข้าราชการและบุคคลทั่วไปที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการในชั้นศาลในอนาคต

ส่วนกรณีที่ว่า หากภายหลังเกิดกรณีศาลมีคำพิพากษาว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้กระทำความผิด ซึ่งขัดกับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการจะถือเป็นปัญหาหรือไม่นั้นพล.ต.อ.วินัย ตอบว่า เป็นเรื่องของอนาคต เพราะแม้ว่าศาลจะชี้ว่าไม่ผิดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นจะไม่ผิด มีหลายคดีที่ตำรวจถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดแต่ต่อมาศาลยกฟ้อง ซึ่งการที่ศาลยกฟ้องไม่ได้หมายว่าเขาไม่ผิด แต่การตัดสินคดีต้องตัดสินไปโดยปราศจากข้อสงสัย แต่ทางเรากล่าวหาหรือจากการตรวจสอบน่าเชื่อว่าได้กระทำผิด เป็นเรื่องที่ต้องว่ากันตามพยานหลักฐาน


อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) รักษาราชการแทน ผบ.ตร. (รรท.ผบ.ตร.) ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงขั้นตอนการดำเนินการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หลังจากถูกแจ้งข้อกล่าวหา โดยบอกว่าสื่อและสังคมอย่าได้สนอกสนใจเรื่องนี้เลย ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน ถือว่าเป็นการพูดจาที่ไม่น่าฟังเลย

“ปัญหาใหญ่ของคุณคือ คุณดันถูกตั้งเป็นรักษาการ และเผอิญ เมื่อจุบสุรเชษฐ์ หักพาลไปแล้ว คุณอาวุโสอันดับ 1 คุณก็มีโอกาสที่จะได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผมทายใจนะครับ คุณไม่อยากเปลืองตัว” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น