เมืองไทย 360 องศา
อาจเป็นเพราะหลายอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่เป็นใจ ทั้งความนิยมของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะความนิยมของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ตั้งแต่ขึ้นมารับตำ แหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กลับ “ไม่ปัง” อย่างที่หวังเอาไว้ เพราะพิสูจน์ จากผลสำรวจหรือ “โพล” ล่าสุดกลายเป็นว่า เธออยู่รั้งท้ายในระดับบิ๊กเนม ขณะ ที่จำนวนเมื่อนับเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็ออกมาแบบน่าใจหาย เพราะได้แค่ 5 เปอร์เซ็นต์ กว่าๆ เท่านั้นเอง ขณะที่คนอื่น เช่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปัจจุบันเป็นแค่ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล มีคะแนนความนิยมเหนือกว่าแบบนำโด่งเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์
หรือแม้แต่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็มีคะแนนนิยมเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ได้รับกว่า 22 เปอร์เซ็นต์และหากยังเทียบกันระหว่างพรรคต่อพรรค กลายเป็นว่า พรรคก้าวไกล ก็ยังนำ โด่งพรรคเพื่อไทยไปอีก
ดังนั้น ไม่ว่าทั้งตัวบุคคลหรือพรรค ก็ถือว่าพรรคเพื่อไทยแพ้ราบคาบ และแม้ว่าหลายคนอาจมองว่าหนทางอีกยาวไกล ยังวัดอะไรกันมากไม่ได้ก็อาจจะพูดแบบนั้นได้แต่หากพิจารณาจากแนวโน้มแล้วมันก็น่าหนักใจเหมือนกันนะ โดยเฉพาะหากโฟกัสกันที่ตัวบุคคลเปรียบเทียบระหว่าง นายเศรษฐาทวีสิน กับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เมื่อผลออกมาอย่างที่เห็นก็ถือว่า “ผิดคาด”ไม่นึกว่าจะตกรูดลงไปแบบนั้น ถือว่า “เสียเชิงลูกสาวเถ้าแก่” แน่นอน ขณะเดียวกันมันก็สามารถสะท้อนความจริงออกมาได้หลายอย่างเหมือนกัน ความหมายก็คือ“ทักษิณ เสื่อมมนต์ขลัง” แล้วหรือ
อย่างไรก็ดีจะด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่ล่าสุดเริ่มได้เห็นท่าทีบางอย่างออกมาจากแกนนำ พรรคเพื่อไทย ที่เรียกว่าเป็น “สายตรง” ออกมายืนยันชัดเจนเป็นครั้งแรกว่า จะไม่มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจากนายเศรษฐา ทวีสิน เป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะหลังจากเดือนพฤษภาคม ที่ส.ว.พ้นสภาพไปแล้วก็ตาม ขณะที่ นายเศรษฐาก็ออกมายืนยันว่าพยายามจะอยู่ให้ครบ 4 ปีตามวาระ
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึง การสร้างความนิยมของรัฐบาลหลังทำงานมา 3 เดือน แต่ยังพบว่าผลสำรวจความ นิยมคะแนนของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ยังมาเป็นอันดับหนึ่ง ว่า ผลงานรัฐบาลได้พูดกับได้ทำ เป็นคนละเรื่องกัน ที่ผ่าน มาเราเดินหน้าเกณฑ์ทหารด้วยความสมัครใจ ปรับลดกำลังพลให้เหมาะสม ทำให้ มีบทบาทเหมาะสมกับสถานการณ์โลก สมรสเท่าเทียม PM2.5 ดิจิทัลวอลเล็ต ยึดมั่นตามที่หาเสียงไว้และจะทำให้เป็นจริง เราขอโอกาสทำงานให้ประชาชนเป็นจริง
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าทำ กับพูดต่างกัน เชื่อว่าหากมีการสำรวจความคิดเห็นช่วง 6 เดือน คะแนนของพรรคเพื่อไทยจะกลับมานำ หรือไม่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่าไม่ได้พูดอย่างนั้น เราตั้งใจทำ ประโยชน์ให้ประชาชนทั่วประเทศโดยไม่เลิกทำเฉพาะพื้นที่ที่เรามีสส.
เมื่อถามว่า เราจะใช้อะไรมาเป็นตัวดึงกระแสให้กับรัฐบาล นพ.พรหมินทร์ตอบว่า ความจริงใจ และผลงานการปฏิบัติเชื่อว่าหากเราได้ปฏิบัติและเห็นถึงความจริงใจของเราที่เป็นรัฐบาลของประชาชน
เมื่อถามว่า ได้ประเมินการเมืองหลังเดือน พ.ค.67 ที่ สว.ชุดปัจจุบันหมดวาระอย่างไร เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่าพรรคเพื่อไทย จะมีอำ นาจต่อรองทางการเมืองมากขึ้น นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ถือเป็นการคิดแบบเก่าที่แบ่งเป็นพวกเป็นพรรคฉายารัฐบาลที่สื่อตั้งให้ว่าแกงส้มผลักรวม ถือเป็นการรวมเพื่อประเทศรวมเพื่อประชาชน ต้องขอบคุณที่สื่อชมเราและเราก็ไม่ได้ไปแกงใคร
เมื่อถามว่า 4 ปีของรัฐบาล จะเห็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้ามามีตำ แหน่งในรัฐบาลหรือเข้ามานั่งในตำ แหน่งนายกฯ หรือไม่นพ.พรหมินทร์กล่าวว่าขณะนี้น.ส.แพทองธาร เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย รัฐบาลให้ความสำ คัญโดยให้เข้ามาช่วยงานรัฐบาล แต่แน่นอนที่สุดนายกฯคือ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.การคลังไม่มีความจำ เป็นใดๆที่ต้องปรับเปลี่ยน
ถามว่า ปีหน้าจะเห็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเข้ามาให้คำแนะนำการบริหารประเทศของรัฐบาลหรือไม่ นพ.พรหมินทร์ตอบว่า ความคิดเห็นของทุกคนที่เป็นประโยชน์ไม่ใช่แค่ของนายทักษิณ รัฐบาลรับฟังทั้งสิ้น นายเศรษฐารับฟังตลอด โดยเฉพาะเสียงประชาชน โดยนำ มาปรับใช้สั่งการ แก้ปัญหาต่างๆทันที
เมื่อถามย้ำว่า จะทำ ให้เกิดความสับสนหรือไม่ว่าจะต้องฟังเสียงนายเศรษฐาหรือนายทักษิณ เรื่องนี้นพ.พรหมินทร์ตอบว่า “นายกฯเศรษฐา เป็นคนรับฟัง
ความคิดเห็นของใครก็ได้แล้วนำ มาปรับใช้ยืนยันว่านายกฯ คือนายเศรษฐา”
เมื่อถามอีกว่า ปีหน้าประเทศไทยจะมีนายกฯสองคน เข้ามาบริหารประเทศนพ.พรหมินทร์กล่าวว่า “ผมไม่ได้พูดไม่ได้หมายความอย่างนั้น สื่อที่ถามฟังภาษาไทยออกหรือไม่ หรือหูอื้อ ผมพูดชัดเจนว่ามีนายกฯคนเดียว”
เมื่อถามอีกว่า ยืนยันหรือไม่ว่าศูนย์กลางอำ นาจอยู่ที่ทำ เนียบรัฐบาล นพ.พรหมินทร์กล่าวว่าอำ นาจไม่เคยไปจากที่ไหนเลย อยู่ที่นายกรัฐมนตรีชื่อเศรษฐา ทวีสิน
ถามย้ำ ว่า เดือนพ.ค.เมื่อหมดอำ นาจ สว.จะไม่มีการเปลี่ยนตัวนายกฯใช่หรือไม่ เลขาธิการนายกฯ ตอบว่า ไม่มีครับ ทำ ไมต้องเปลี่ยน ประเทศไทยได้ประโยชน์อะไรหรือ
เมื่อถามว่า ปี2567 จะมีปัจจัยอะไรเสี่ยงต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ หรืออะไรที่กระทบรัฐบาลทำให้อยู่ไม่ครบวาระหรือไม่ เลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า ปัจจัยสำ คัญคือเรื่องเศรษฐกิจโลก ส่วนเสถียรภาพของภาครัฐ ถือว่าแข็งแกร่ง ถ้ามุ่งต่อประโยชน์ประชาชนถือว่าเสียงเราดัง
ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน ตอบคำ ถามที่ว่ามีความตั้งใจจะอยู่4 ปีใช่หรือไม่นายกฯ กล่าวด้วยน้ำ เสียงหนักแน่นว่า “ความตั้งใจผมอยู่ 4 ปี”
เมื่อถามว่า คิดว่าต้องสู้เยอะหรือไม่ที่ต้องอยู่ 4 ปีนายกฯ กล่าวว่า เป็นธรรมดาก็ต้องสู้เยอะ สู้กับตัวเอง สู้กับความคาดหวัง ความต้องการของประชาชนแน่นอนตนสู้อยู่แล้ว ถ้าเราหยุดทำงานไม่มีผลงานเมื่อไหร่มันบ่งบอกถึงจุดจบ
ถามย้ำว่า เตรียมพลังไว้เต็มที่ สู้ไหวใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า sofar sogood ก็ยังไหว ไม่มีอะไรที่ทำ ให้บั่นทอนหรือคิดถอย ไม่มีเมื่อถามว่า 3 เดือนที่ผ่านมา รู้สึกตัวเองแก่ลงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ร่างกายแย่ลง แต่ว่ามีความอดทนสูงขึ้นเยอะ
ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากท่าทีและความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ออกมาจากแกนนำ พรรคเพื่อไทยที่ถือว่าเป็น “สายตรง”และตัวนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสินแล้ว ทำ ให้ได้เห็นแนวโน้มใหม่นั่นคือ “ยังไม่เปลี่ยนตัวนายกฯ” ในปีหน้า
ขณะเดียวกัน ก็เหมือนกับการ “เบรกอุ๊งอิ๊ง” เอาไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัย หลังจากพยายามเข็นออกมาแล้ว ไม่กระเตื้อง ขณะเดียวกันมันยังเป็นช่วง “ความเสี่ยง” ที่ต้องลุ้นว่า “ทักษิณจะได้กลับบ้าน และยิ่งลักษณ์ กำลังจะกลับมา” มันก็ต้องรอบคอบ จะพลาดไม่ได้อีกเป็นอันขาด เอาเป็นว่า เวลานี้จังหวะยังไม่ได้ ต้องพักเอาไว้ชั่วคราวก่อน !!