ระเบียบราชทัณฑ์ใหม่ ส่ง“ทักษิณ”กลับบ้าน !?

เมืองไทย 360 องศา

จะเรียกว่า “นับถอยหลัง” กันแล้วก็ว่าได้ สำหรับนักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังจะได้รับการปล่อยตัวกลับบ้าน “จันทร์ส่องหล้า” ในอีกไม่กี่วันนี้ หลังจากที่กรมราชทัณฑ์ ได้ออกระเบียบใหม่ออกมา ลงนามโดย นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา

เป็นระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. ๒๕๖๖ ออกตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐

แน่นอนว่า เมื่อพิจารณาในรายละเอียดของระเบียบดังกล่าว เหมือนกับออกมาสำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร โดยตรงเลยก็ว่าได้ เพราะการกำหนดเกี่ยวกับ “สถานที่คุมขัง” ซึ่งมีทั้งในสถานที่ราชการ และสถานที่สำหรับที่อยู่อาศัย การคุมขังในสถานพยาบาล ประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน

อีกทั้งยังมี ข้อที่กำหนดการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เช่น ต้องมีทะเบียนบ้าน และเลขประจำบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร รวมทั้งจะมีคณะกรรมการพิจารณา และการพิจารณาสำหรับการปล่อยไปคุมขังนอกสถานที่ เอาเป็นว่า หากพิจารณาระเบียบราชทัณฑ์ดังกล่าวจนเวียนหัว ก็ต้องสรุปกันดื้อๆ ไปเลยว่า มันครอบคลุมไปถึง นายทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังรักษาอาการที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจมานานกว่า 120 วัน หรือ กว่า 4 เดือนแล้ว โดยที่เขาไม่เคยถูกคุมขังในเรือนจำ แม้แต่วันเดียว

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากระเบียบกรมราชทัณฑ์ดังกล่าว มันทำให้มั่นใจมากยิ่งขึ้นว่า อีกไม่กี่วันข้างหน้า นายทักษิณ น่าจะได้รับการปล่อยตัว หรือวิธีที่เรียกว่า “คุมขังนอกเรือนจำ” ซึ่งก็คงจะเป็นที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ของเขานั่นเอง อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากการลงนามของรักษาราชการอธอบดีกรมราชทัณฑ์ ที่ให้มีผลทันที มันก็เหมือนมีความ “เร่งด่วน” ให้ทันอะไรบางอย่าง ซึ่งก็บังเอิญที่มีรายงานข่าวออกมาก่อนหน้านี้เป็นระยะ ว่าจะมีการปล่อยตัว นายทักษิณ ภายในสิ้นปีนี้ หรือภายในเดือนธันวาคม นั่นเอง

ขณะเดียวกัน ด้วยวิธีการแบบนี้ ก็ไม่ต้องมีการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นครั้งที่สอง ซึ่งที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็เคยยืนยันมาแล้ว แต่จะใช้วิธี “คุมขังนอกสถานที่” โดยสามารถอ้างระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ที่เพิ่งกำหนดออกมาใหม่หมาดๆ นั่นเอง และสถานที่ก็คงต้องเป็น “บ้านจันทร์ส่องหล้า” นั่นเอง

ดังนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ อีกไม่กี่วัน นายทักษิณ ชินวัตร จะถูกย้ายออกจากโรงพยาบาลตำรวจ หลังจากพำนักอยู่เกิน 120 วัน ซึ่งถือว่าเกินเยียวยาแล้ว สำหรับนายแพทย์ที่จะอ้างเหตุผลในการอยู่รักษาอาการต่อไป เนื่องจากคนทั่วไปหากรักษาอาการเกินหนึ่งเดือน ก็ถือว่าเข้าขั้นโคม่า หรือเป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หาย หากยิ่งอธิบายมากเท่าไร มันก็ยิ่งย้อนแย้งถึงประสิทธิภาพในการรักษา รวมไปถึงผิดจรรยาแพทย์ที่ต้องมาอธิบายเหตุผลแบบคลุมเครือ ท่ามกลางแรงกดดันจากภายนอก

อย่างไรก็ดี มีการสำรวจปฏิกิริยาจากสังคมต่อกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร เริ่มจากนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ที่โพสต์ไว้อาลัยระบบยุติธรรมไทย ว่า “คนเดียวในโลก โกงได้แม้กระทั่งการติดคุก” คุกมีไว้ขังคนจน จับตา ระเบียบใหม่กรมราชทัณฑ์ กำหนดสถานคุมขังที่ไม่ใช่เรือนจำ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ “นช.ทักษิณ” เข้าข่ายหรือไม่ ?

ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขังพ.ศ. 2566 ที่ประกาศเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ว่า ขอถามนายเศรษฐา ทวีสิน กับพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ว่า ปล่อยให้กรมราชทัณฑ์ลักไก่ออกระเบียบให้นักโทษไปติดคุกที่บ้านเพื่อรองรับนักโทษชั้นพิเศษได้อย่างไร เพราะถ้าทำได้ต่อไปคำพิพากษาศาลสถิตยุติธรรมก็ไม่มีความหมาย ศาลสั่งตัดสินจำคุก ไม่ต้องสนใจ เพราะกรมราชทัณฑ์สั่งให้ไปติดคุกนอนเสวยสุขอยู่กับบ้านได้ แล้วคุกจะมีไว้ทำไม มีไว้ขังคนจนกับคนไม่มีอำนาจเท่านั้นหรือ และถ้าจะบอกว่าไม่ขอแทรกแซงกระทรวงยุติธรรมหรือกรมราชทัณฑ์ แล้วกรณีขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ มีไตรภาคีที่เป็นองค์กรตามกฎหมายดูแล เขามีมติตามกฎหมายแล้ว ทำไมไปสั่งให้เขาทบทวน

“เรื่องนี้ถ้านายกฯ ไม่ทำอะไร ก็จะมีคำถามว่าจะมีนายกฯไว้ทำไม มีไว้ดูแลประชาชน หรือมีไว้ดูแลนักโทษเทวดา” นายจุรินทร์ ตั้งคำถาม

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ ถึงระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง 2566 ที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับสถานที่คุมขังอื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ ซึ่งถูกมองว่าเอื้อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นการออกตามกฎหมายราชทัณฑ์อยู่แล้ว ซึ่งการปฏิบัติทั้งหมดจะไม่เอาตัวบุคคลมาตั้ง

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องในอำนาจการออกกฎกระทรวง เราจะมีกฎกระทรวงตาม มาตรา 89/1 ของวิอาญา เพราะตอนนี้นักโทษที่อยู่ในเรือนจำคือ นักโทษระหว่างไปขังอยู่กับนักโทษเด็ดขาด เป็นการส่อที่จะขัดรธน. ในกรณีเรือนจำจะมีกฎหมายที่ระบุของราชทัณฑ์ไว้ ซึ่งในกฎหมายมีส่วนหนึ่งของผู้ต้องขังจะมีสถานที่ควบคุม ทุกคนก็คือติดคุกเหมือนเดิม แต่รายละเอียดจะมีคณะกรรมการที่จะมีการประชุม โดยจะมีตัวแทนทั้งศาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายละเอียดตนได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงเข้าไปดูแลหลังจากมีข่าว

ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงบอกว่า เรื่องการดำเนินการจะไม่มีเรื่องตัวบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่จะดูเรื่องของหลักเกณฑ์ เพราะเราต้องการให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายราชทัณฑ์ ปรากฏว่า กฎหมายราชทัณฑ์มีกฎหมายลูกที่จะต้องออกจำนวน 10 ฉบับ ซึ่งยังไม่ได้ออก และมีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ที่มีกฎหมายลูกที่จะออกอีก 12 ฉบับ ก็ยังไม่ออก รวมถึง ป.ป.ส. ก็มีกฎหมายลูกที่จะต้องออกอีกหลายฉบับ แต่ยังไม่ได้ออก ซึ่งการไม่ออกกฎหมายลูกหรือกฎหมายรองรับ เป็นการส่อไปในทางที่ไปละเมิดสิทธิคนอื่น แต่อย่างไรก็ตาม ระเบียบต่างๆ ต้องเป็นไปตามกฎหมายที่ออกโดยสภา

ถามย้ำว่า แม้ไม่ระบุตัวบุคคล แต่นายทักษิณ เข้าเงื่อนไขนี้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ไม่ตอบคำถาม และเดินขึ้นรถยนต์ทันที

เช่นเดียวกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ก็เลี่ยงที่จะตอบคำถามแบบนี้มาตลอด ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เขาก็โบ้ยไปที่ รมว.ยุติธรรม

แน่นอนว่าสำหรับ นายเศรษฐา ทวีสิน และคนอื่นๆในรัฐบาล รวมไปถึง “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ต่างพยายามเลี่ยงตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับ นายทักษิณ เพื่อป้องกันแรงกระเพื่อมจนสร้างแรงกดดัน พยายามทำทุกอย่างให้เรื่องเงียบมากที่สุด แต่รอฉลองไปทีเดียวอะไรแบบนั้น และเมื่อระเบียบใหม่ ของกรมราชทัณฑ์ที่เพิ่งออกมาล่าสุดมันก็เหมือนกับการเปิดทางโล่งให้กลับบ้านในอีกไม่กี่วันข้างหน้า !!