xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ”ยุติความเป็นธรรม บั่นทอนรัฐบาล !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

“ยุติความเป็นธรรม” คำๆนี้ นายทักษิณ ชินวัตร เคยพูดเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ขณะที่ตัวเองหลบหนีคดีทุจริต และอีกสารพัดคดีในต่างประเทศ ซึ่งตอนนั้นเชื่อว่าคงโดนใจหลายคนที่ชื่นชอบในตัวเขา รวมไปถึงคนที่มีมองเข้าไปแบบกลางๆ จนอาจคล้อยตามว่า เขาอาจไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ได้ เพราะหากตัดตอนแค่ว่าถูกคณะรัฐประหารขับไล่พ้นไปจากรัฐบาล ตั้งแต่ปี 2549 จนต้องพำนักในต่างประเทศ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เดินทางกลับประเทศไทย มาสู้คดีในช่วงที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล และมีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในที่สุดก็ต้องออกนอกประเทศอีกครั้ง อ้างว่าไปดูกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพ และไม่กลับมาอีกเลย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ปีนี้ ที่ตัดสินใจกลับมารับโทษ

แต่อย่างที่รู้กันว่า จนถึงวันนี้ เกินกว่า 100 วันแล้ว ที่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกนำตัวมารักษาอาการที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยที่ไม่แจ้งรายละเอียดว่าป่วยด้วยโรคร้ายอะไรกันแน่ ถึงต้องรักษาอาการนานกว่า 3 เดือน โดยที่ยังไม่เคยถูกจำคุกในเรือนจำแม้แต่วันเดียว

แน่นอนว่า ทุกอย่างอ้างเป็นความลับ อยู่ในดุลพินิจของแพทย์ และขั้นตอนของผู้บัญชาการเรือนจำ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ มาจนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตามกำหนดระยะเวลา แต่เชื่อเถอะว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ย่อมเข้าใจกันอยู่แล้วว่า การที่นายทักษิณ ชินวัตร ยังคงอยู่ในห้องวีไอพี โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 มานานกว่าสามเดือน โดยไม่ต้องกลับไปจำคุกในเรือนจำนั้นเป็นเพราะอะไร คำพูดที่ว่า “นักโทษเทวดา” คำเหน็บแนมเย้ยหยันเรื่อง “คนไม่เท่ากัน” ย่อมอธิบายได้ดี

ก่อนหน้านี้ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวของนายทักษิณ ตอบคำถามสั้นๆ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับอาการป่วยของบิดา ว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ โดยเธอบอกสั้นๆว่า “กำลังอยู่ในช่วงการพักฟื้น”

อย่างไรก็ดี มันก็มีข้อสงสัยตามมาอีกว่า หากมีการพักฟื้นในกรณีของ นักโทษ จะต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลนอกเรือนจำ ได้หรือไม่ เพราะกรณีนักโทษทั่วไป หากมีการรักษานอกเรือนจำ เมื่อถึงระยะเวลาที่เหมาะสม ก็จะถูกนำกลับไปพักฟื้นหรือรักษาอาการต่อในโรงพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ แต่อาจมีข้อยกเว้นสำหรับ “นักโทษเทวดา” ตามที่มีการตั้งข้อสังเกตกันก็ได้

อย่างไรก็ดี ก็มีคำอธิบายออกมาล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม จากพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำฯ ครบ 120 วัน ในวันที่ 22 ธันวาคม นี้ ว่า เบื้องต้นในกรณีของ นายทักษิณ ยังไม่มีระเบียบการคุมขังนอกเรือนจำฯ แต่อย่างใด มีเพียงในส่วนของกรมราชทัณฑ์ที่จะดำเนินการ เพราะหลักการของเรานั้น สิ่งสำคัญคือเรื่องนักโทษล้นเรือนจำ ซึ่งก็ต้องเข้าไปแก้ปัญหาในส่วนนี้

เช่น การแยกผู้ต้องขังเด็ดขาด ออกจากผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล โดยอาศัยการออกกฎกระทรวงตามมาตรา 89/1 ว่าให้เป็นดุลพินิจของศาลโดยการไต่สวน ว่าอาจจะไม่ต้องนำผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการพิจารณาให้เข้าเรือนจำฯ และนายทักษิณ ไม่เข้าเกณฑ์นี้ เพราะนายทักษิณ ถือเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดแล้ว ซึ่งในกรณีแก้ปัญหานักโทษล้นเรือนจำฯ หากเราทำได้ ก็จะสามารถลดจำนวนผู้ต้องขังได้ถึง 30,000 ราย และเราก็ต้องไปดูกฎหมายระดับรอง กฎกระทรวงต่างๆ กว่า 10 ฉบับ ที่ยังไม่ได้พิจารณา จะต้องไปตรวจสอบทั้งหมด และเมื่อบังคับใช้ จะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายหลัก

พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า ในกรณีจะอนุญาตให้นายทักษิณ นอนพักรักษาตัวต่อจนครบ120 วันหรือไม่ ตามระเบียบของกฎกระทรวง ทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะต้องพิจารณาความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษา ก็คือแพทย์ รพ.ตำรวจ และแพทย์ของราชทัณฑ์ และรายงานมายังปลัดกระทรวงยุติธรรม ก่อนเสนอรายงานมายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งจะยึดความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาเป็นหลัก ว่ามีเหตุผลเพียงพอต่อการนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำต่อหรือไม่ ด้วยประการใด

นอกเหนือจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยังกล่าวอีกว่า นายทักษิณและครอบครัว ยังไม่ได้มีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ครั้งที่ 2 แต่อย่างใด ยังคงยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเพียงครั้งเดียว

จากคำพูดของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมข้างต้น สรุปว่า เมื่อครบกำหนด 120 วัน หรือก่อนครบจำนวนวันดังกล่าวหรือไม่ ก็จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์เป็นหลักว่า จะให้อยู่ในโรงพยาบาลข้างนอกต่อไปอีกหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ คงไม่ต้องรอก็ได้ เพราะสามารถฟันธงได้ล่วงหน้าเลยว่า “ต้องรักษาอาการต่อไป” ด้วยเหตุผลความจำเป็นด้านการรักษา

ขณะเดียวกัน ที่ต้องจับตากันก็คือจะมีการปล่อยตัว หรือการ “พักโทษ” ภายในเดือนธันวาคมนี้หรือไม่ แม้ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะระบุว่า นายทักษิณ และครอบครัวยังไม่ได้ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษก็ตาม

เอาเป็นว่าไม่ว่า นายทักษิณ ชินวัตร จะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษอีกหรือไม่ก็ตาม ถึงอย่างไรเขาก็คงจะอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจต่อไปเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกัน กรณีของเขา ย่อม“ทำลายกระบวนการยุติธรรม” ลงไปแล้ว ต่อไปนี้คำว่า “ยุติธรรม” จะพูดไม่ได้ โดยเฉพาะคำว่า“คนเท่ากัน” ยังคงตอกย้ำให้เห็นได้ชัดเจนจากกรณีนี้

ขณะเดียวกัน กรณี “นักโทษเทวดา” ยังบั่นทอนเครดิต กัดกร่อนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และนายเศรษฐา ทวีสิน ลงไปทุกวัน เพราะหากกระบวนการยุติธรรมในหลักสากล ย่อมจะไม่มีเรื่องแบบนี้ออกมาให้เห็นอย่างแน่นอน และที่ผ่านมาจะเห็นว่า คนในรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง ไล่ตั้งแต่ นายกรัฐมนตรีลงมา จนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมไปถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยง ไม่กล้าตอบคำถามในเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา

กลายเป็นว่า หากนายทักษิณ ชินวัตร ยังคงสถานะเป็น “นักโทษเทวดา” ตามเสียงเย้ยหยันแบบนี้ต่อไป มันก็ยิ่งสร้างความอึดอัด กระอักกระอ่วนให้กับพวกเขา ขณะเดียวกันแนวทางที่คาดหมายว่า ปล่อยให้ “เวลา” หรือให้ทอดเวลาออกไปเรื่อยๆ จนคนค่อยๆ ลืมเลือน แต่กลายเป็นว่า “ไม่มีใครลืม” มีแต่ตั้งคำถาม และกดดันเรื่อยๆ เป็นการบั่นทอนความน่าเชื่อถือของพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลลงไปทุกวัน

ดังนั้นแม้ว่าในที่สุดแล้ว นายทักษิณ ชินวัตร จะไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำสักวันเดียวก็ตาม แต่สำหรับสายตาชาวบ้านส่วนใหญ่กลับมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ว่านี่คือ “อภิสิทธิ์ชน” ของแท้ ว่านี่คือ “คนไม่เท่ากัน” ขณะเดียวกันยังย้อนแย้งคำพูดของเขาที่เคยกล่าวไว้ว่า “ยุติความเป็นธรรม” ได้อย่างเจ็บแสบที่สุด!!



กำลังโหลดความคิดเห็น