xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทยเมิน นิรโทษฉบับก้าวไกลล่ม!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
เมืองไทย 360 องศา

นาทีนี้เท่าที่สังเกตอาการของพรรคเพื่อไทยจะเห็นว่าพวกเขามีท่าทีเมินเฉยต่อร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิด อันเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง หรือที่เรียกว่าร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล โดยระดับแกนนำพรรคแทบทั้งหมดจะสงวนท่าที ไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องนี้มากนัก

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปพูดคุยขอความสนับสนุนจากกลุ่มการเมืองต่างๆหลายกลุ่ม ล่าสุดก็เพิ่งไปพบกับ กับนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระพุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม ว่า ทุกเรื่องที่มีความเห็นขัดแย้งกัน ประเด็นสำคัญอยู่ที่การทำความเข้าใจ เพราะเราขึ้นมาเป็นรัฐบาลครั้งนี้ เราก็อยากจะแก้ปัญหาเรื่องความขัดแย้งต่างๆ ให้หมดไป ถ้าสมมติว่ามีประเด็นใดที่ยังเป็นประเด็นที่สังคมยังมีความเห็นแตกต่าง ก็ต้องทำตรงนี้ให้ชัดเจน เราไม่อยากสร้างความขัดแย้งใหม่ ในขณะที่เราพยายามทลายกำแพงความขัดแย้งลง เพราะฉะนั้น จะเสนอเรื่องอะไร ก็เสนอได้ทั้งหมด ไม่มีปัญหา แต่ประเด็นที่ยังมีความคิดเห็นต่าง ก็ต้องไปคุยกันให้จบก่อน

“ต้องเริ่มพูดว่า จะสามารถผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมร่วมได้อย่างไร ก็ต้องมีกระบวนการไปทำความเข้าใจหารือกับทุกหน่วย และผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผมไม่ทราบว่า เขาทำอะไรไปแค่ไหน แต่ด้วยหลักการแล้ว คิดได้ เสนอได้ แต่จะทำได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการทำความเข้าใจกับสังคมได้มากเพียงพอหรือไม่”

เมื่อถามต่อว่า พรรคก้าวไกลพยายามเน้นย้ำว่า ทุกคนที่ต้องคดีจะได้รับสิทธิ์เท่าเทียมกันทั้งหมด นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลักการอยู่ที่มีคนเห็นต่างหรือไม่ ตนได้ยินว่า ที่ไปหาใครบางคน ก็ยังมีความเห็นที่แตกต่าง แสดงว่าต้องทำให้เป็นฉันทามติร่วมกัน อะไรที่เห็นร่วมกันหมด แก้ได้ทั้งนั้น แต่ที่ยังเห็นไม่เหมือนกัน ถ้าดูจะเป็นประเด็นที่มันจะบานปลาย ก็ไม่ควรจะเริ่มจุดไฟใหม่ขึ้นมา

ในตอนท้าย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในที่สุดแล้วยังไม่รู้ว่าจะยื่น(ร่างกฎหมาย)หรือไม่ยื่น และจะยื่นอย่างไร รอให้มันเกิดขึ้นแล้วค่อยถามดีกว่า อย่าไปคาดการณ์ว่าเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ จะเป็นการสร้างปัญหาเปล่าๆ

ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีบาดแผลเรื่องดังกล่าวอยู่ ขณะนี้เพิ่งจะตกสะเก็ด เลยออกหน้าไม่ได้ อย่าให้เป็นคนเริ่มต้น เพราะเริ่มไปแล้วไม่รู้ฝ่ายอื่นจะว่าอย่างไร จึงขอให้ทุกคนไปพูดคุยกันกับวิปรัฐบาล ตนพร้อมเป็นสะพานให้ และให้ฟังความเห็นจากทุกพรรคในภาพรวม อย่าเพิ่งลงรายละเอียด เพราะตอนนี้แค่เริ่มก็มีคนบอกว่าไม่เอาเรื่องมาตรา 112 ขึ้นมาแล้ว จึงอยากให้ไปคุยก่อน พรรคเพื่อไทยพร้อมช่วยเหลือ แต่ไม่ขอเริ่มต้นให้ ถ้าเราเริ่มไปแล้ว มีคนไม่เอาก็จะมารุมด่าเรา

เพียงแค่นี้ก็พอจะทราบท่าทีที่ชัดเจนจากพรรคเพื่อไทยแล้วว่า พวกเขาจะ “วางเฉย” จะไม่ออกหน้าสำหรับร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล ซึ่งเวลานี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการรับฟังความคิดเห็น และคาดว่าจะสามารถเข้าสู่การพิจารณาของสภาในสมัยประชุมนิติบัญญัติในสมัยประชุมนี้ แต่หากสรุปความหมายแบบตรงๆก็คือ “พรรคเพื่อไทยไม่เอาด้วย” นั่นแหละ

สาเหตุสำคัญก็คือ “ไม่อยากเสี่ยงโดยไม่จำเป็น” อีกทั้งเวลานี้ก็ไม่ต้องดิ้นรนแบบ “ได้ไม่คุ้มเสีย” นั่นคือ อีกไม่กี่วัน “เจ้าของพรรค” ก็จะได้รับอิสรภาพ กลับออกมาเลี้ยงหลานที่บ้านแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปสร้างแรงกระเพื่อมจนอาจทำให้เกิดความขัดแย้งใหม่บานปลายขึ้นมาอีก ซึ่งก็เป็นไปตามที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย ได้กล่าวเอาไว้ในข้างต้นไว้ทำนองว่า “อย่าไปสร้างความขัดแย้งใหม่” นั่นแหละ

ขณะเดียวกันอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือ เวลานี้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยก็เพิ่งบริหารมาได้เพียงสามเดือนกว่าเท่านั้น ยังไม่จำเป็นที่ทำให้เกิดความเสี่ยง จนกระทบกับเสถียรภาพจนสั่นคลอนขึ้นมาอีก เพราะต้องไม่ลืมว่าเวลานี้ถือว่าพรรคเพื่อไทย “ได้ทุกอย่าง” อยู่ในมือแล้ว

และสิ่งที่ต้องพิจารณากันอย่างเข้าใจก็คือ หากเข้าใจตรงกันว่า นายทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย หรือเป็นทุกอย่างของพรรคนี้แล้ว ก็ถือว่า “ไม่จำเป็นต้องดิ้นรน” อะไรในเวลานี้ เพราะอย่างที่รับรู้กันก็คือ หลังจากที่เป็น “เทวดา” สิงสถิตย์อยู่บนชั้นที่ 14 มานานเกิน 100 วัน โดยไม่ต้องเข้าคุกแม้แต่วันเดียว และกำลังรอ “พ้นโทษ” กลับออกไปเลี้ยงหลานอยู่บ้านในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตามการคาดการณ์เชื่อว่าน่าจะเป็นเดือนธันวาคมนี้

ทุกอย่างกำลังกลับคืนมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง เพราะหากพิจารณาไล่เรียงลงมาตั้งแต่ นายกรัฐมนตรี คือ นายเศรษฐา ทวีสิน บรรดารัฐมนตรีในตำแหน่งสำคัญ รวมไปถึงตำแหน่งการเมืองก็ล้วนอยู่ในกำมือของเขา หรือพวกเขาเป็นคนกำหนดว่าจะให้ใครเป็นหรือไม่เป็น ดังนั้นสำหรับพรรคเพื่อไทยในเวลานี้ “ไม่จำเป็นต้องนิรโทษให้ใคร” แล้ว

หากเทียบกับช่วง “นิรโทษสุดซอย” เมื่อหลายปีก่อน ถือว่าสถานการณ์มันต่างกันแบบฟ้ากับเหว ในตอนนั้น นายทักษิณ ชินวัตร ยังหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ แต่ไม่ต้องการติดคุกหรือมีความผิด จึงต้องผลักดันกฎหมายนิรโทษออกมาแบบนั้น แต่เวลานี้ในเมื่ออีกไม่กี่วันก็จะพ้นโทษแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเคลื่อนไหวให้เกิดแรงกระเพื่อมให้เกิดความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น

ตรงกันข้ามกับพรรคก้าวไกล ที่ทั้งระดับ “เจ้าของพรรค” คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีคดีติดตัวเป็นพรวน บรรดาลูกน้องทั้งระดับ ส.ส.หรือพวกแกนนำม็อบสามนิ้ว ทั้งที่ผันตัวมาเป็น ส.ส.ของพรรค หลายคนต่างก็รอขึ้นเขียง คดีกำลังทยอยตัดสินพิพากษา ต้องลุ้นลูกผีลูกคน แต่ละคดีดูแล้ว “รอดยาก” ทั้งนั้น เพียงแต่ว่าบางคนที่เป็น ส.ส.อาจจะยื้อเวลาให้พ้นสมัยประชุมโดยใช้ “เอกสิทธิ์” คุ้มครอง เท่านั้นเอง นี่แหละถึงได้เห็นอาการ “พล่าน” ของพรรคก้าวไกล เพราะตัวเองกำลังเดือดร้อนเข้าตาจน ที่สำคัญเวลานี้กระแสก็ดัน “ไม่ฮอต” เหมือนเดิมอีกแล้ว สร้างแรงกดดันจากภายนอกแทบไม่ได้เลย

ดังนั้นนาทีนี้หากพิจารณาความเป็นไปได้สำหรับการผลักดันร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับพรรคก้าวไกล ที่กำลังเข้าสู่สภาโอกาสแทบเป็นศูนย์ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีท่าทีไม่เอาด้วย ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆยิ่งไม่ต้องพูดถึง รวมไปถึงสมาชิกวุฒิสภาบอกได้คำเดียวว่า “ไม่มีทาง” เนื่องจากมีความระแวงว่าจะสอดไส้ให้ลบล้างความผิด มาตรา 112 เพียงแค่นี้ก็จบเห่แล้ว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น