ข่าวปนคน คนปนข่าว
**แดดดี้ “พิธา”พาทัวร์ค่ายเพลงYG ของ“ลิซา” หวังโชว์เหนือเพิ่มแสง แต่พลาดกลายเป็นเรียกทัวร์มาลงตัวเอง
น่าจะยืนงงในทุ่งลาเวนเดอร์ ก็อุตสาห์ไตร่ตรอง และตั้งใจปล่อยภาพพร้อมแคปชันที่คิดเองว่าเด็ด "โชว์เหนือ" ออกมา แต่ทำไมฟีดแบก กลับเป็นไปอีกทาง
นอกจากเกาหัวแกรกๆแล้วต้องถามว่า นี่ตรูทำอะไรผิดไปหรือ ?..
หลัง "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ภาพผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว เป็นถ่ายภาพตัวเองใส่สูทอย่างหล่อ โพสต์ท่าราวโอปปาเกาหลี แบ็กกราวเป็นคล้ายกับสตูฯ และภาพคู่กับผู้บริหารของค่าย วายจี เอนเตอร์เทนเมนต์
“มาเรียนรู้กับประธานของ YG Entertainment ในวันที่มีข่าวดี ได้แวะดู facility ที่มี talent ไทย จาก Blackpink กับ Babymonster ถึง 3 คน ดีใจแทนครับ”
ข่าวดีที่ “พิธา”ว่า ก็คือ เมื่อวาน ( 6ธ.ค.) วันที่พิธาทัวร์ค่าย YG จังหวะเดียวกัน สื่อเกาหลีเพิ่งรายงานว่า สมาชิก BLACKPINK ทั้ง 4 คน รวม “ลิซ่า” ขวัญใจคนไทยและแฟนเพลงทั้งโลก ตัดสินใจต่อสัญญาและทำกิจกรรมกลุ่มต่อกับ วายจี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ อย่างเป็นทางการ
งานนี้ “พิธา”น่าจะคิดว่าช่างโชคดีเสียนี่กระไร อยู่ถูกที่ถูกเวลา เข้าทางพอดี และกระแสซอฟต์เพาเวอร์ ในไทยก็กำลังเป็นแสงร้อนแรง อย่ากระนั้นเลย มีแสงที่ไหน ย่อมมีพิธาที่นั่น
พลันที่ “พิธา” โพสต์ภาพออกไป แทนที่แสงจากทัวร์ค่ายเอนเตอร์เทนยักษ์ใหญ่เกาหลี จะเปล่งประกายไปทั่วโลกโซเชียลฯ หรือแม้แต่สะกดข่ม “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการซอฟต์เพาเวอร์ ที่คงได้แต่มองตาปริบๆ
ปรากฏว่า ไม่เป็นอย่างที่คิด โดยเฉพาะในทวิตเตอร์ นี่ว้าวุ่นกันหนัก ทัวร์มาลง “พิธา” รัวๆ จากที่ มีเอฟซี วง “Babymonster” โพสต์ข้อความระบุว่า..
"สวัสดีครับ รบกวนฝากชาว X ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่โพสต์เกี่ยวกับรูปลิสต์เพลงของน้องๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ลบออกอย่างเร็วด้วยนะครับ เนื่องจากมันจะส่งผลเสียให้แก่น้องเบม่อนโดยตรงก็ได้ครับ"
เอฟซีเบม่อน ไม่ได้ระบุตรงๆ ถึง “พิธา” แต่ก็รู้กันว่า นั่นหมายถึงแดดดี้พิธา นั่นเอง โดยที่เจ้าตัวเข้ามาตอบคอมเมนต์ในภายหลัง กล่าวขอโทษขออภัย ค่าย YG และศิลปินเบม่อน ตีมึนไปว่า สื่อสารข้อมูลผิด และลบภาพออกแล้ว
จากนั้นเพจ "วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร" คู่กรรมก้าวไกล ได้โพสต์ว่า "เป็นเรื่องพิธาหิวแสง โพสต์ภาพคู่ตารางงาน และลิสต์เพลงของวงเบม่อน (babymonster) ที่เป็นความลับของค่าย YG ลงโซเชียลฯ"
พร้อมระบุว่า "ทุกคนคะ ไม่ทันขาดคำ แด๊ดดี้สร้างเรื่องอีกแล้วค่ะ โพสต์ภาพคู่ตารางงาน และ list เพลง ของวงเบม่อน (babymonster) ที่เป็นความลับของค่าย YG ลงโซเชียลฯ ล่าสุดลบแล้วค่า"
งานนี้ “อุ๊งอิ๊ง” น่าจะขำกลิ้ง ส่วน FC สายเกาไม่น่าปลื้มแดดดี้ เมื่อ “พิธา” หิวแสงแอบอิงค่ายเพลงลิซ่า แต่พลาดเปิดความลับของ วงรัก babymonster และ ค่าย YG แบบนี้เขาเรียกว่า “หิวแสง” แสงเข้าตา หน้ามืดตามัว มั่วไม่รู้เรื่องจริงๆ
** “ทวี” เฉลยทักษิณไม่ได้ยื่นขออภัยโทษอีกรอบ ส่วนจะอยู่ชั้น 14 ต่อหรือไม่ ต้องรอความเห็นแพทย์
ช่วงนี้ คนที่ใกล้ชิด คนที่ต้องรับผิดชอบในกรณี “ทักษิณ ชินวัตร” ออกมาพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ต่างเลี่ยงที่จะแสดงความเห็น หรือพูดถึง “นักโทษเทวดา” คนนี้ เพราะเสี่ยงเข้าเนื้อ
ขนาด “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนสุดท้องที่ออกมา “อัปเดต” อาการของพ่อ ในช่วงครบ 100 วันบนชั้น 14 ว่า “พ่ออยู่ในช่วงพักฟื้น” ชาวโซเชียลฯ ยังกระหน่ำว่าอย่างนี้ก็ได้หรือ ...คนที่ต้องออกมารักษาตัวที่โรงพยาบาลนอกเรือนจำ แสดงว่า ต้องมีอาการหนักเกินกว่าที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ จะรับไว้ได้ แต่ถ้าอยู่ในช่วงพักฟื้น ควรจะไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ มิใช่หรือ
เจอเข้าแบบนี้ เล่นเอา “อุ๊งอิ๊ง” ต้องปิดปากเงียบ สังคมก็เลยไม่รู้ว่านักโทษคนนี้ป่วยจริง หรือป่วยการเมือง ...หรือไม่ “อุ๊งอิ๊ง” ก็คงละอายแก่ใจ ที่จะตอบในเรื่องที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง เมื่อ “ทักษิณ”ไม่ได้ป่วยแล้ว แต่“อุ๊งอิ๊ง”บอกว่าป่วย ก็เหมือนกับแช่งพ่อของตัวเอง จึงรูดซิปปากดีกว่า
ถามเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ ก็ได้แต่บอกว่า... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนี้ก็วันที่ 6 ธ.ค.แล้ว
ส่วน“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ก็โยนไปที่ราชทัณฑ์ทุกครั้งที่ถูกถาม
ล่าสุด “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม ในฐานะกำกับดูแลกรมราชทัณฑ์ เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องตอบคำถามสื่อ เพราะ “ทักษิณ ชินวัตร” อยู่บนชั้น 14 เกิน 100 วันแล้ว และกำลังจะครบ 120 วัน ในวันที่ 22 ธันวาคมนี้
แต่คำตอบก็ยังโบ้ยไปที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์
“พ.ต.อ.ทวี” บอกว่า ตามพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ระบุว่า กรณีเช่นนี้ เป็นอำนาจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่ต้องรายงาน เป็นลายลักษณ์อักษรให้ รมว.ยุติธรรม รับทราบ แต่ไม่ได้ให้ รมว.ยุติธรรม ไปยุ่งเกี่ยว หรือแทรกแซง การทำงานของกรมราชทัณฑ์
ซึ่งจริงๆแล้วต้นทางจะเป็นดุลยพินิจของคณะแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ และ แพทย์จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่รายงานมาเป็นลำดับชั้น ถึงปลัดกระทรวงยุติธรรม จากนั้นเสนอมายัง รมว.ยุติธรรม แต่ไม่ใช่อำนาจของ รมว.ยุติธรรม ที่จะพิจารณา ว่า จะให้นอนรักษาตัวต่อ หรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับผลการรักษาเป็นหลัก
ส่วนการขออภัยโทษรอบสอง ของ “ทักษิณ”นั้น ทราบว่า ยังไม่มี
จากนั้น “พ.ต.อ.ทวี” เลี่ยงไปพูดถึงปัญหานักโทษล้นคุก และการส่งนักโทษไปคุมขังสถานที่อื่น นอกเรือนจำ เพื่อลดความแออัดว่า ขณะนี้ยังไม่มีระเบียบที่ว่า ซึ่งเป็นเรื่องภายใน และอำนาจหน้าที่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
แต่ตามหลักการ เนื่องจากมีผู้ต้องขังล้นคุก ต้องแก้ปัญหาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 การกล่าวหาใครจะกระทำผิด ต้องให้ศาลตัดสินแล้ว แต่ในระหว่างยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด จะปฏิบัติต่อผู้นั้นเหมือนผู้กระทำผิดไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องออกกฎกระทรวง ในเรื่องผู้ต้องขัง ระหว่างศาลยังไม่ตัดสินถึงที่สุด ซึ่งเป็นดุลยพินิจของศาล ที่อาจไม่ต้องนำคนนั้นๆ เข้าสู่เรือนจำก็ได้ ถ้าสามารถทำได้ ก็จะลดผู้ต้องขังได้เกือบ 3 หมื่นราย
ส่วน “ทักษิณ” ไม่เข้าเงื่อนไขนี้ เพราะถูกศาลตัดสินให้เป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดไป
แม้“ทักษิณ” จะเป็นนักโทษในกลุ่มเปราะบาง อายุเกิน 60 ปี มีโรคประจำตัว มีประวัติทางการรักษาที่ผ่านมา มีโรคประจำตัวที่ต้องเฝ้าระวัง จนเป็นเหตุผลที่ถูกนำตัวมารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ
แต่ในสายตาของสังคมในวันนี้ ต่างเห็นว่านี่คือตัวอย่างของ “ความเหลื่อมล้ำ” ที่ชัดเจนที่สุด ขณะที่ผู้นำรัฐบาลจำต้องทำเป็นมองไม่เห็น