xs
xsm
sm
md
lg

“เศรษฐา” ไม่ชัวร์ แต่ พท.ไม่ปล่อยมือแน่ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

เวลานี้หากมองจากภายนอก เหมือนกับว่า “คลื่นลม” การเมืองเริ่มสงบลงไปบ้างแล้ว เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ หลังจากที่พรรคเพื่อไทย กลับมาเดินในเส้นทางแห่งความจริงอย่างเปิดเผย นั่นคือ การเป็น “ผู้นำขั้วใหม่” เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ โดยสลัดทิ้งพรรคก้าวไกล และแสดงท่าทีเป็น “ฝ่ายตรงข้าม” ชัดเจนกว่าเดิม

ขณะเดียวกัน เมื่อมีการจับขั้วใหม่ตั้งรัฐบาล ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ จนสามารถรวบรวมเสียง จากพรรคที่ประกาศอย่างเป็นทางการรวมแล้ว 9 พรรค มีเสียงรวมกัน 238 เสียงเท่านั้น ยังไม่พอเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร 251 เสียงขึ้นไป ยังไม่ต้องพูดถึงต้องพึ่งพาเสียงจาก ส.ว.ในวันโหวตรับรองนายกฯ ในที่ประชุมรัฐสภา จำนวน 375 เสียง ทำให้ต้องหาเสียงสนับสนุนมาเพิ่ม ซึ่งก็มีท่าทีชัดเจนมาแล้วว่ามีพรรค “สองลุง” คือ พลังประชารัฐ และ รวมไทยสร้างชาติ น่าจะเข้ามาร่วมทั้งสองพรรค

โดยเฉพาะพลังประชารัฐ ที่ชัดเจนว่า จะโหวตยกมือสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย โดยหากได้มาทั้งสองพรรคดังกล่าวก็ทำให้มีเสียงมาเกิน 300 เสียง ถือว่าเพียงพอ เพราะคาดว่า ยังได้เสียงจาก ส.ว.เข้ามาสนับสนุนจนเกิน 375 เสียง ค่อนข้างแน่

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องติดตามกัน ก็คือ อาจจะมีปัญหาเฉพาะตัวของแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ถูกร้องเรียนเรื่องปมภาษี จากกรณีซื้อขายที่ดิน ขณะที่ยังเป็นผู้บริหารของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ความหวาดระแวงในเรื่องเจตนา ขณะมีการปราศรัยหาเสียงเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เป็นต้น อย่างไรก็ดี ทุกอย่างยังถือว่าอาจยังไม่หนักแน่นพอก็ได้ หากมองกันในบางมุม แต่มันก็ทำให้ฝ่าย ส.ว.บางคนอ้างเป็นเงื่อนไขไม่โหวตให้ก็ได้

แต่สิ่งที่ต้องพิจารณากันมากไปกว่านั้น ก็คือ นายเศรษฐา ทวีสิน แท้ที่จริงแล้ว พรรคเพื่อไทย หรือคนที่ว่ากันว่าเป็น “เจ้าของพรรคตัวจริง” กำหนดให้เป็นตัวจริง หรือตัวหลอกกันแน่ หากเป็นตัวจริง ก็น่าจะต้องเดินหน้าเต็มตัวอยู่แล้ว แต่หากเป็นตัวหลอก มันก็ต้องมี “ตัวจริง” ขึ้นมาแทน ซึ่งก็คงหนีไม่พ้น “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตอันดับหนึ่งของพรรค ที่ตามข่าวบอกว่า “ยังไม่พร้อม” ความหมายก็คือ ครอบครัวยังไม่พร้อมนั่นเอง ดังนั้น นาทีนี้ก็ยังเป็นชื่อของนายเศรษฐา เป็นเต็งหนึ่ง
อย่างไรก็ดี เริ่มมีความเคลื่อนไหวที่จับสัญญาณได้ว่า การฟอร์มรัฐบาลใหม่กำลังมีการต่อรองกันในเรื่อง “แบ่งโควตากระทรวง” โดยพรรคร่วมต้องการให้ “แบ่งก่อนโหวต” เพื่อความชัวร์ ขณะที่พรรคเพื่อไทย ต้องการให้ “แบ่งหลังโหวต” ซึ่งล่าสุด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทุกอย่างจะชัดเจนในช่วงเวลาใกล้เคียงกับเวลาโหวต

เขาย้ำว่า เรารวมเสียงมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีปัญหา ถึงเวลาที่เหมาะสมจะทำให้มันชัด ต้องชัดเจนก่อนว่ามีคนพร้อมร่วมรัฐบาลเท่าไหร่ แล้วจะจัดการอย่างไร ตอนนี้เรามี 238 เสียง พรรคพลังประชารัฐบอกจะโหวตให้ โดยไม่มีเงื่อนไขก็รวมเป็น 278 เราต้องทำให้ได้ 375 เสียง และเท่าที่ฟังพรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งประชาธิปัตย์ หรือรวมไทยสร้างชาติ ก็พูดทางบวกให้ใช้นโยบายเป็นแกนกลาง กำหนดนโยบายทำงาน ดูใครเหมาะสม ใครเป็นหลักเป็นรอง ถ้าคุยด้วยผลประโยชน์ประเทศชาติ คุยได้หมด ตั้งใจว่าเมื่อเลือกนายกฯ แล้วรัฐบาลจะเดินหน้าทำงานได้ในเดือน ก.ย. คิดว่าประเด็นกระทรวงต่างๆ จะเสร็จสิ้นใกล้เคียงกับการโหวตนายกฯ ขอดูเวลาที่เหมาะสม

นายภูมิธรรม ได้ขยายความว่า ประเด็นที่ว่า นายเศษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ไปพูดไม่ให้พรรคที่จะมาร่วมกับพรรคเพื่อไทย ทำงานกระทรวงเดิม นายเศรษฐา ไม่ได้พูดเป็นหลัก เป็นคำถามจากสื่อ ว่า หลักการไม่ควรให้นั่งกระทรวงเดิม หรือไม่ ซึ่งนายเศรษฐา พูดเพียงว่าหลักการดูดี เห็นชอบ แต่ต้องดูว่าการเชิญพรรคต่างๆ มาร่วมต้องให้เกียรติและดูความเหมาะสม ไม่อยากให้ยึดติด อยากให้ดูนโยบาย คุณสมบัติของคนที่จะมาทำงานเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือไม่ ซึ่งเราไม่มีปัญหาอะไรเป็นเรื่องที่ต้องหารือกัน หน้าที่ของพวกเราต้องประสานงานตั้งรัฐบาลให้ได้ แต่ประเด็นเหล่านี้ต้องไปดูความเหมาะสม นโยบายตัวบุคคล คิดว่าไม่น่ามีปัญหา เท่าที่คุยกับหัวหน้าพรรคหลักๆ เราพูดเหมือนเดิมว่า อยู่ที่ใครร่วมและส่งสัญญาณในการเลือกนายกฯ ให้เพื่อไทยเป็นแกนนำ มีนายเศรษฐา เป็นนายกฯ หลังจากนั้น มาพูดเรื่องกระทรวงให้สังคมพอใจ และสอดรับนโยบายบายแต่ละพรรคน่าจะดีกว่า ขอความกรุณาจากพรรคร่วม ให้ช่วยดูตรงนี้ เอาวาระประเทศ วาระประชาชน เป็นที่ตั้ง แล้วดูความเหมาะสมจะแบ่งกันทำงานอย่างไร ทุกเรื่องคุยกันได้หากใช้เหตุใช้ผล อยากให้รอเวลาคุยกันอีกนิดเดียว

โดยความหมายที่ นายภูมิธรรม พูดดังกล่าวข้างต้น นอกจากมีพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว ยังมีพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการพูดคุยขอมาร่วมรัฐบาลด้วย

ขณะที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ขอตั้งนายกรัฐมนตรีให้ได้ก่อน ส่วนกรณีที่มีการมองว่า ต้องคุยกันเรื่องตำแหน่งให้ชัดเจนก่อน ที่จะมีการโหวตนายกฯ นั้น ตนเข้าใจว่าเป็นอย่างไร แต่การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ ซึ่งเมื่อเราตั้งนายกรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว เรื่องต่างๆ จะมีการพูดคุยกันด้วยดี สำหรับกรณีที่พรรคเก่า จำเป็นต้องคุมกระทรวงเดิมหรือไม่นั้น เป็นเพียงแค่แนวคิด ส่วนการปฏิบัติ ขอยังไม่แสดงความคิดเห็น

แน่นอนว่า เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวที่พอจับสัญญาณได้ในเวลานี้ ถือว่าในพรรคร่วมรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำนั้นกำลังมีการ “ต่อรอง” กันอย่างหนัก โดยเฉพาะในเรื่องของการ “แบ่งเค้ก” กระทรวงที่แต่ละพรรคอยากได้ บางพรรค ที่เป็นขั้วรัฐบาลเดิมต่างก็ต้องการนั่งเก้าอี้ในกระทรวงเดิมที่เคยบริหารกันมา ทำให้เริ่มมีปัญหาความไม่แน่นอน ส่งผลสะเทือนไปถึง นายเศรษฐา ทวีสิน ตามไปด้วย ถือว่ายัง “ไม่ชัวร์” อย่างชัดเจน

แต่หากพิจารณาสำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว เชื่อว่า ถึงอย่างไรก็คงไม่ปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างแน่นอน เพราะงานนี้ถือว่าเกือบถึงเส้นชัยในการเป็นรัฐบาลแล้ว ถึงแม้ว่าถ้า นายเศรษฐา ไม่ผ่าน แต่เมื่อถึงเวลา ก็คงต้องดัน “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของ นายทักษิณ ชินวัตร ขึ้นมาแทนแน่นอน คงไม่ยอมปล่อยมือไปให้พรรคการเมืองอื่น ไม่น่าเชื่อว่าจะปล่อยไปให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย หรือแม้แต่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ เพราะเก้าอี้นายกฯ ถือว่าเป็นตัวชี้ขาด!!


กำลังโหลดความคิดเห็น