เมืองไทย 360 องศา
การแถลงจับมือเป็นพันธมิตรจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ พรรคภูมิใจไทย เมื่อเย็นวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา เรียกว่า เป็นแค่ “สารตั้งต้น” หรือ “หัวเชื้อ” สำหรับการถือกำเนิดของรัฐบาลใหม่ โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ที่ต้องบอกว่าเป็นสารตั้งต้นนั้น เป็นเพราะเป็นการเริ่มต้น “จับขั้วใหม่” ในเบื้องต้นรวมเสียงกันแล้วจำนวน 212 (141+71) เสียง
เมื่อพิจารณาจากจำนวนเสียงของทั้งสองพรรคดังกล่าวแล้วก็ยังไม่ถึงจำนวนเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรที่ต้องใช้เสียงจำนวน 251 ขึ้นไป แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้น ก็ต้องมีเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาให้ได้ไม่น้อยกว่า 375 เสียง ซึ่งก็ต้องใช้เสียงจาก ส.ว.เข้ามาร่วมโหวตสนับสนุนด้วย
เวลานี้นอกเหนือจากพรรคภูมิใจไทยแล้ว มั่นใจว่า ยังมีพรรคเล็กๆ ที่เคยเป็นพันธมิตรในขั้ว 8 พรรคเดิมบางพรรค เช่น พรรคประชาชาติ เพื่อไทเป็นธรรม เสรีรวมไทย และพลังสังคมใหม่ เป็นต้น แต่พรรคดังกล่าวพวกนี้เป็นพรรคเล็กๆ ที่รวมกันแล้วมีจำนวนไม่กี่เสียง ยังไม่เป็นกอบเป็นกำ ยังไม่อาจเป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการโหวตให้ได้จำนวน 375 เสียง
อย่างไรก็ดี เพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนเพื่อหวังให้ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯเพื่อจะได้เป็นรัฐบาลอย่างมั่นคง และได้จำนวนเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ด้วยในตอนโหวตนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมรัฐสภา ก็ต้องพิจารณากันตามความเป็นจริงว่าต้องมีเสียงจากพรรคขนาดกลางเข้ามาร่วมด้วย เช่น พรรคพลังประชารัฐ ที่มี 40 เสียง และพรรครวมไทยสร้างชาติ จำนวน 36 เสียง สองพรรครวมกันมีถึง 76 เสียงเลยทีเดียว
แม้ว่า พรรคหลัง “อาจจะไม่มีลุง” แล้ว เพราะ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศในทางสาธารณะว่าวางมือแล้ว ก็ยังเหลืออีกลุงคือ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ยังเดินหน้าต่อ จนหลายคนมองว่า “อาจรอส้มหล่น” ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีก็ได้ แต่นาทีนี้ขอข้ามไปก่อนชั่วคราว เพราะต้องโฟกัสไปที่พรรคเพื่อไทย และภูมิใจไทย เป็นหลักก่อน
และเมื่อพิจารณากันตามรูปการณ์แล้ว การตั้งโต๊ะแถลงข่าวระหว่างแกนนำสองพรรคคือ เพื่อไทยกับภูมิใจไทยเมื่อเย็น วันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา มี “สารตั้งต้น” แค่สองพรรค และทางแกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคย้ำว่าตอนนี้สามารถรวบรวมเสียงได้เกินครึ่งแล้ว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องขอบคุณหัวหน้าพรรค ภท. ที่รับคำเชิญมาแถลงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน โดยเงื่อนไขของ ภท. เรารับได้ และต้องขอบคุณคำว่า 212 เสียง จะเป็นเสียงตั้งต้นที่จะเริ่มจัดตั้งรัฐบาล ถือเป็นเสียงข้างมาก ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ และ ส.ส.จากหลายพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังคงต้องการเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. และ ส.ว. เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในเกือบทุกวันของสัปดาห์นี้จะเห็นภาพพรรคเพื่อไทย จับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองอื่นเพิ่มขึ้น และไม่ได้ปิดโอกาสเสียงจากรายบุคคลที่จะสนับสนุนนายกฯ พรรค พท. ขอให้มั่นใจว่า จะมีเสียง ส.ส. สนับสนุนเกินครึ่ง ส่วนการขอเสียง ส.ว. อยู่ระหว่างการดำเนินการ และมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีทุกส่วน
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่า ไม่มี 188 เสียงแล้ว หมายความว่าอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า คำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว ซึ่งพรรคภูมิใจไทย ไม่มีนโยบายร่วมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะไม่มีความมั่นคง ไม่มีประโยชน์ คำว่า 188 เสียง จึงไม่มีในสมการจัดตั้งรัฐบาล
ถามว่า การจับมือกับพรรคเพื่อไทย จะมีพรรคลุงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรามีเพียง 3 เงื่อนไข ส่วนอื่นเป็นดุลยพินิจของพรรค พท. ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อะไรที่นอกเหนือจากเงื่อนไข 3 ประการ เราคงไม่มีปัญหาอะไร
ถามต่อว่า การร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้จะจับมือกันจนกว่าจะได้นายกฯ ไม่มีการเปลี่ยนขั้วแล้ว ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง เพื่อประเทศชาติ การพูดอะไรผูกมัดเกินไปอาจทำให้เกิดทางตัน วันนี้เอาบ้านเมืองเป็นหลัก เชื่อว่าจะเดินไปได้
เมื่อฟังจากคำพูดของแกนนำทั้งสองพรรคดังกล่าวจะเห็นว่ามีการเปิด “อ้าซ่า” ที่จะต้องดึงพรรคการเมืองอื่นมาเพิ่ม ซึ่งพรรคอื่นที่ว่านั้น มันก็ต้องมี “พรรคของลุง” รวมอยู่ด้วยแน่นอน ซึ่งอาจมาทั้งสองพรรคหรือพรรคเดียว เพราะเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่เมื่อพิจารณาจากตัวเลขแล้ว มันก็ไม่มีทางที่จะขาดพรรคลุง ไม่ว่าจะเป็นพลังประชารัฐ หรือว่ารวมไทยสร้างชาติ โดยเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติ เวลานี้บรรดาแกนนำพรรคก็ย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า “ลุงตู่ไม่เกี่ยว” อ้างว่าได้วางมือไปแล้ว ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพรรคแล้ว และล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตอบว่า “ก็แล้วแต่” เมื่อถูกถามว่าหากพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
หากมองกันตามนี้มันก็พอมองออกได้ไม่ยากว่า น่าจะต้องมีพรรคลุงเข้ามาแน่ เพียงแต่ว่าต้อง “รอจังหวะ” เปิดตัวเท่านั้นเอง โดยอาจมีการเปิดตัวพร้อมกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ไม่ว่าจะเป็นชาติไทยพัฒนา หรือแม้แต่รอประชาธิปัตย์ ในท้ายที่สุดหลังจากที่ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะถือว่า “ข้อจำกัด” หรือเงื่อนไขได้ถูกทลายลงไปแล้วระหว่างการแถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา
เพราะสิ่งที่จำเป็นที่สุดหากได้พรรค “สองลุง” ไม่ว่าจะมาทั้งสองพรรคหรือว่าพรรคเดียว แต่ตามรูปการณ์แล้วน่าจะมาทั้งสองพรรค เพราะเป็นเครื่องการันตีในเรื่องเสียงสนับสนุนจากส.ว.ที่ต้องเข้ามาเติมเต็มให้ครบ 375 เสียง สำหรับการโหวตรับรองนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่ขณะเดียวกัน ที่ต้องจับตามองกันแบบไม่กะพริบ ก็คือ พรรคเพื่อไทยจะ “เสนอชื่อใคร” ขึ้นมา เป็นนายกฯ เพราะล่าสุดชื่อของ นายเศรษฐา ทวีสิน อาจจะไม่ชัวร์แล้ว ขณะที่อีกคนคือ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังไม่พร้อมในเวลานี้ มันถึงทำให้ต้องเล็งไปที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ“ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้ “ข้อตกลงพิเศษพาคนกลับบ้าน” หรือเปล่า!!