"พิธา" นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ปสภาอุตวาหกรรมแห่งประเทศไทย นำคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรับฟังข้อเสนอภาคเอกชน 3 สถสบัน เผยขึ้นค่าแรงต้องหารือจำนวนเงินที่เหมาะสม เตรียมเข้าพบสภาแรงงานและสภา SMEs เป็นลำดับถัดไป พร้อมศึกษาบทเรียนขึ้นค่าแรงยุค "ยิ่งลักษณ์" เพื่อดูแลในเรื่องความเท่าเทียมและเความสามารถในการแข่งขันไปพร้อมกัน มั่นใจโหวตนายกฯ ไร้ปัญหา ทีมเจรจาคุย ส.ว.แล้ว ยึดระบบมากกว่าตัวบุคคล
วันนี้ (23 พ.ค.) เวลาประมาณ 10:00 น. ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์รับจ้าง ฝ่าการจราจรที่ติดขัด มาพบกับสภาอุตสาหกรรมฯ เพื่อปรึกษาหารือกับภาคธุรกิจ ต่อนโยบายและแนวทางการดำเนินงานของพรรคก้าวไกล
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเสียงโหวตนายกรัฐมนตรีของ ส.ว. ไม่มากพอ 376 เสียง จะทำอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ขณะนี้พบว่าท่าทียังไม่มีปัญหา เพราะเท่าที่คณะเจรจาได้ดำเนินงานและรายงานให้ตนทราบ ทั้งที่ท่านวุฒิสภาได้แจ้งผ่านสาธารณะว่าเป็นเรื่องของระบบมากกว่าเรื่องของบุคคล อยากประคับประคองทางออกให้ประเทศ ไม่อยากให้ประเทศถึงทางตันก็ส่วนนึง และยังมีผู้ที่พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับทางคณะกรรมการอีกส่วนหนึ่ง ที่ยังไม่พร้อมแจ้งกับสาธารณะ และส่วนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ รอพบอยู่เพื่อพูดคุยอยู่อีกจำนวนหนึ่ง
นายพิธา ยังกล่าวต่อว่า การที่ตนเดินทางมาที่สภาอุตสาหกรรมฯวันนี้ วุฒิสภาหลายท่านที่เคยทำงานกับตนมาก่อน ตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย ที่มีความผูกพันกับสภาอุตสาหกรรมฯ เมื่อหลายท่านทราบว่าตนจะมาที่สภาอุตสาหกรรมฯ ในวันนี้ ได้ยกหูโทรศัพท์หาตนระหว่างงานแถลงข่าว MOU เมื่อวานนี้ ประมาณ 3-4 ท่าน ทั้งท่านที่เคยอยู่ในกระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง คนที่เคยเห็นตนตั้งแต่อายุประมาณ 20-30 ปี เมื่อทราบว่าตนจะมาที่นี่ ก็เป็นวุฒิสภาที่ได้โทร.มา ดังนั้น ตนคิดว่า ความแน่นอนตนเข้าใจว่าต้องใช้เวลา ในการค่อยๆ อธิบาย แต่ความแน่นอนมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่จะทำให้ประชาชน รวมถึงนักธุรกิจและนักลงทุนจากต่างประเทศ ได้เริ่มสบายใจ
นายพิธา เชื่อว่า นักลงทุนจะเห็นถึงความมีเสถียรภาพของรัฐบาล และเสถียรภาพของเศรษฐกิจก็จะดีขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่วันนี้คณะทำงานในการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล หรือ Transition Team ที่มารับฟังข้อเสนอ 6 ข้อที่ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) อันประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย ได้เสนอไว้ รวมถึงเป็นการกลับมาบ้านเก่าของตนด้วย เพราะได้มาครั้งแรกตั้งแต่ตั้งอยู่ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว ที่ ศ.ไมเคิล พอตเตอร์ มาเยี่ยมประเทศไทยและพูดเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งเป็นสิ่งที่วันนี้จะมาแลกเปลี่ยนกันว่านโยบายอุตสาหกรรมของเรา ที่เน้นการบรรเทาทุกข์ เน้นความเท่าเทียม และเกี่ยวกับความทันสมัย ต้อง Fair, พื้นฐานของประเทศต้อง Firm และ Fast Growth เป็นการ เจริญเติบโตที่ลดความเหลื่อมล้ำไปด้วยตัวเอง
"ดังนั้น พี่น้องนักธุรกิจ ลงทุนจะได้เห็นภาพว่า เมื่อเศรษฐกิจของเราเป็นจากล่างขึ้นบน และแข็งแรงทั้งตัวไม่ใช่แค่หัว ก็จะทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกซบเซาอยู่ในขณะนี้” นายพิธา กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ว่า ยังคงจะเดินหน้าตามที่วางแผนไว้เหมือนเดิมหรือไม่ นายพิธา ระบุว่า ตนคิดว่า เรื่องของเศรษฐกิจบางเรื่องต้องรวดเร็ว ส่วนบางเรื่องก็ต้องรอบคอบ อย่างในวันนี้เป็นสัปดาห์แรกในการทำงานของคณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน (Transition Team) มาพบปะกับสภาอุตสาหกรรมเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อนโยบายและรับฟังข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน รวมถึงการไปรับฟังสภาแรงงาน หรือสภา SMEs ก็เป็นเรื่องสำคัญ
ซึ่งตนจะเดินหน้ารับฟังให้รอบด้านภายในสัปดาห์นี้ และนำข้อมูลไปพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคใหญ่เห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่ต้องไปหารือในเรื่องกรอบจำนวนเงินที่เหมาะสม พร้อมย้ำว่า พี่น้องแรงงานไม่ได้ขึ้นค่าแรงมานาน ซึ่งขณะนี้มีคณะทำงานในการศึกษา แม้ว่าการขึ้นค่าแรงในลักษณะนี้อาจจะไม่เหมาะสมในแง่ที่จะกระชากไปนิดนึง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเคยเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน กำลังศึกษารูปแบบที่สามารถบรรเทาการขึ้นค่าแรงในสมัยปี 2556 รวมถึงการคิดถึงการดูแลแรงงาน กลุ่ม SMEs และเจ้าของธุรกิจ เพื่อดูแลในเรื่องของความเท่าเทียม และเรื่องความสามารถในการแข่งขันด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งรัฐบาลให้แล้วเสร็จก่อนเดือนสิงหาคม เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้มีการดำเนินการในกรอบของกฎหมาย ว่า กกต. จะรับรอง ส.ส.เมื่อไร หากเกิดการรับรอง ส.ส. ได้เร็ว และกระบวนการในการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปในลักษณะนี้ ก็น่าจะทำเวลาได้เร็วขึ้น