xs
xsm
sm
md
lg

ส.อ.ท.แนะตั้งรัฐบาลใหม่เร็ว-มีเสถียรภาพสร้างเชื่อมั่น จับตานโยบายหาเสียงลดค่าไฟ-ขึ้นค่าแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ส.อ.ท.เกาะติดจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกลหวังเร่งจัดตั้งโดยเร็วและมีเสถียรภาพหวั่นช้าฉุดเชื่อมั่นนักลงทุน แนะทีม ศก.ต้องเป็นทีมผสมผสานคนรุ่นใหม่ ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ทำงานไปทิศทางเดียวกันรับมือภูมิศาสตร์โลกเปลี่ยน ชี้ ปชช.และภาคธุรกิจจับตานโยบายเร่งด่วนก้าวไกลและเพื่อไทยลดค่าไฟ-เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ลั่นส.อ.ท.พร้อมทำงานร่วมทุกรัฐบาล

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
เปิดเผยว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 66 ได้ชี้ให้เห็นถึงวิวัฒนาการของการเมืองไทยที่พัฒนาไปอีกระดับหนึ่ง ประชาชนมีการตื่นตัวมากขึ้นและต้องการการเปลี่ยนแปลงส่งผลให้พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงสูงสุดและเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลที่จะรวมกับพรรคเพื่อไทยที่ได้รับคะแนนมาเป็นอันดับ 2 ดังนั้นภาคเอกชนจึงต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุดและที่สำคัญต้องมีเสถียรภาพเพราะหากรัฐบาลไม่มั่นคงจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศได้

"รัฐบาลต้องเร่งตั้งให้เร็วที่สุดยิ่งช้าก็ยิ่งกระทบต่อความเชื่อมั่น และคะแนนเสียงของรัฐบาลต้องมีมากพอเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองง่ายและเราเองก็ไม่อยากเห็นการประท้วงบนถนนหากมีปัญหาจะกระทบท่องเที่ยวที่จะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจในปีนี้อีก" นายเกรียงไกรกล่าว

นอกจากนี้ ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ควรจะต้องเป็นทีมที่มีประสบการณ์ แม้ว่ากรณีที่พรรคก้าวไกลอาจจะไม่มีแต่ก็ต้องดึงคนรุ่นใหม่ๆ มาร่วมคิด และทำงานเป็นทีมไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญ ต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชนโดยเฉพาะภายใต้คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) และหน่วยงานรัฐต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ฯลฯ เพราะท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่แบ่งเป็น 2 ขั้วระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) กับรัสเซียและจีน ไทยต้องอยู่ท่ามกลางมหาอำนาจที่เป็นคู่ค้าหลักอันดับ 1 และ 2 ทั้งคู่ให้ได้ ดังนั้นการเดินเกมระหว่างประเทศจึงต้องเป็นไปด้วยความชาญฉลาด ซึ่ง ส.อ.ท.พร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกรัฐบาล

สำหรับนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งทำคือการแก้ไขปัญหาปากท้องชาวบ้านที่ขณะนี้หนี้ครัวเรือนของไทยสูงมาก ท่ามกลางราคาพลังงานโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่แพ งซึ่งหากมองเบื้องต้นนโยบายที่หาเสียงไว้ของก้าวไกล และเพื่อไทยที่เหมือนกันคือ การดูแลราคาพลังงานโดยเฉพาะมีเป้าหมายที่จะลดค่าไฟลงจึงเป็นสิ่งที่จะถูกจับตามองใกล้ชิดว่าจะทำได้หรือไม่อย่างไร

นอกจากนี้ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั้ง 2 พรรคก็มีแนวทางเช่นเดียวกัน โดยเพื่อไทยจะขึ้นเป็นอีก 600 บาทต่อวันในปี 2570 ขณะที่ก้าวไกลนั้นขึ้นทันที 450 บาทต่อวันและปรับทุกปีซึ่งนับเป็นการขึ้นแบบก้าวกระโดดและก้าวข้ามการพิจารณาของคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ดังนั้นคงจะต้องติดตามว่าจะมีมาตรการอะไรมาเยียวยาผลกระทบต่อกลุ่มที่ใช้แรงงานเข้มข้นและผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) หรือไม่

"ผมคิดว่าการหาเสียงแบบประชานิยม แจกเงินแบบเก่าประชาชนมีบทเรียนว่าทำไม่ได้จริงและไม่มีแหล่งที่มาของเงิน ดังนั้นจากนี้นโยบายต่างๆ ที่หาเสียงไว้ของพรรคที่เป็นรัฐบาลจะถูกประชาชนติดตามใกล้ชิดซึ่งต้องทำได้จริงๆ และที่มาของเงินชัดเจนด้วย" นายเกรียงไกรกล่าว

สำหรับข้อเสนอของภาคเอกชนนั้น คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้จัดทำข้อเสนอต่อพรรคการเมืองให้ทราบถึงความต้องการของภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ปัญหาในการดำเนินธุรกิจไปแล้วหลักๆ 6 ข้อ ได้แก่ การยกระดับขีดแข่งขันประเทศ การปฏิรูปกฎหมายที่ล้าสมัย การส่งเสริมให้ไทยเป็นฮับเทคโนโลยี การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน การสนับสนุนเอสเอ็มอี การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG
กำลังโหลดความคิดเห็น