เมืองไทย 360 องศา
กลับมาอีกครั้งหลังการเลือกตั้งตามสัญญา สำหรับ “โทนี่” นายทักษิณ ชินวัตร ผู้สนับสนุนคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย มาออกรายการในคลับเฮาส์ ของกลุ่มแคร์ เมื่อค่ำวันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีหลายเรื่องที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะการย้ำว่า ตัวเองและครอบครัว มีความจงรักภักดี จากนั้นก็กล่าวในเชิงหลักการในทำนอง ว่า ถึงที่สุดแล้วหากพรรคก้าวไกลไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ จะด้วยสาเหตุมีเสียงไม่พอ หรือ “เกิดอุบัติเหตุ” จากกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีปัญหาเรื่องการถือหุ้นขึ้นมาจริงๆ ตามหลักการแล้ว พรรคอันดับสอง ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
นอกจากนั้น ก็ได้ประเมินถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับพรรคก้าวไกล ว่า นอกเหนือจากไม่ทันเกมในเรื่อง “การตลาด” แล้วยังถูก “ไอโอ” ของพรรคก้าวไกลโจมตีป้ายสีอย่างหนัก ซึ่งประเด็นหลังนี้ มันก็เหมือนกับการสะท้อนบางอย่างออกมาจากภายในใจของเขา หากพิจารณาจากการเป็นคู่แข่งของทั้งสองพรรคทั้งในวันนี้ และในอนาคตอันใกล้
ต้องย้ำว่า คำพูดดังกล่าวของ นายทักษิณ ชินวัตร แม้ว่าจะมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย แต่จะย้ำให้เห็นเพียงสองสามประเด็นดังกล่าว เพราะมีความเชื่อมโยงกัน ทั้งวันนี้จนถึงวันหน้า หากพรรคเพื่อไทยรับ “ส้มหล่น” ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลในลำดับถัดมา
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ “โทนี่ วู้ดซั่ม” กล่าวผ่านเฟซบุ๊ก care คิด เคลื่อน ไทย ตอนหนึ่งถึงการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. ว่า ต้องยอมรับกระแสพรรคเพื่อไทย ก่อน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย จะลาคลอดดีมาก ทำให้ผู้สมัครบางคนเหลิง ทำงานไม่เข้มข้น ผลเลยออกมาเช่นนี้ แต่เมื่อการแข่งขันจบแล้ว โค้ชกับนักกีฬาไม่ต้องตีกัน ไปเปลี่ยนแท็กติกให้ดีกว่าเดิม และ น.ส.แพทองธาร มีน้ำใจนักกีฬามาก ยุ่งไม่ได้เลยให้พรรคที่ได้ที่หนึ่งตั้งรัฐบาลไปเลย
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย มีดีลลับไปแอบคุยกับคนโน้นคนนี้ นายทักษิณ กล่าวว่า ไอโอ มีตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ว่าตนเองกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ แอบคุยกัน น.ส.แพทองธาร นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ออกมาปฏิเสธชัดเจน แม้พูดชัดอย่างไร ว่า ไม่เอาสองลุง แต่ไอโอยังออกมาอีก เพราะมันออกโดยคนและขยายโดยเอไอ มีแอกเคานต์หลุมเป็นพัน เพื่อกระจายข่าว และวันนี้ยังมีไอโอต่อเนื่องว่าจะตั้งรัฐบาลแข่งกับก้าวไกล ทั้งที่ น.ส.แพทองธาร นายเศรษฐา นพ.ชลน่าน ก็ประกาศ และได้ข่าวจะแถลงข่าวร่วมกันแล้ว ตนเองอยู่เมืองนอกตั้งนาน มีดีลลับอะไร ถ้ากลับเมืองไทย สงสัยมีดีลสว่าง
เมื่อถามย้ำว่า ดีลลับของพรรคเพื่อไทย จะเอาพรรคร่วมรัฐบาลอาจตั้งรัฐบาลได้ นายทักษิณ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมาจากไทยรักไทย เราวางวัฒนธรรมองค์กรว่า เราต้องมีสปิริต ไม่ต้องบอกใครว่าพูดอย่างไร มันเป็นอัตโนมัติว่าต้องพูดอย่างไร เรามีสปิริตความเป็นประชาธิปไตย อย่าคิดอยากเป็นรัฐบาลหาตังค์ไว้เตรียมเลือกตั้งอย่างเดียวแบบนั้นประเทศฉิบหายหมด เราต้องยืนบนหลักการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง แล้วประชาชนจะมีความสุข พวกเราก็จะมีความสุข เพราะมีหลักการไปที่ไหนก็พูดอย่างเดียวกัน แต่ถ้าโกหกเจอสิบคนก็พูดสิบเรื่อง ตรงไปตรงมาดีที่สุด
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงกรณีการเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ต้องอาศัยเสียง ส.ว. ว่า คิดว่า ส.ว.บางส่วนมีอิสระ บางส่วนมีสังกัด ถ้าโหวตไม่ถึงมีวิธีแก้ 2 อย่าง คือ 1. ไปขอร้อง ส.ว. หรือไปเอาพรรคมร่วมให้ครบ 376 เสียง ส่วนข้อเสนอที่ให้ ส.ส.แต่ละพรรคโหวตให้ใครก็ได้ มองว่า เป็นเรื่องสปิริต แต่เป็นเรื่องยาก
นายทักษิณ ระบุด้วยว่า มีทางออก ไม่มีอะไรไม่มีทางออก แต่ น.ส.แพทองธาร ย้ำกับตนเองว่า มาอันดับ 2 ยังไงก็ต้องมีน้ำใจนักกีฬา ไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง พรรคแกนนำต้องวางยุทธศาสตร์ ส่วนพรรคอันดับสอง มีหน้าที่สนับสนุน
ส่วนกรณีที่ นายพิธา มีประเด็นถูกร้องเรื่องถือหุ้นไอทีวี และหากถูกติดสิทธิ นายทักษิณ มองว่า การเมืองมีทางออก แต่ส่วนตัวหวังว่าจะไม่เกิดขึ้น แต่หากเกิดอุบัติเหตุ พรรคก้าวไกลจะเสนอคนอื่น ไม่ต้องตกไปที่พรรคที่ 2 ซึ่งก็คือ พรรคเพื่อไทย อยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยฟัง เลือกตั้งครั้งนี้ เขตทหารก้าวไกลชนะทั้งหมด
นั่นเป็นบางช่วงบางตอนของคำพูดและท่าทีของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่แม้ว่าเขาจะชื่นชม และแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้ง โดยเฉพาะสามารถเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีสปิริตประชาธิปไตย ให้พรรคที่ได้อันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลอย่างเต็มที่ แต่ถึงอย่างไร เขาก็กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องพ่ายแพ้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “ปฏิบัติการไอโอของพรรคก้าวไกล” ทั้งในเรื่องปล่อยข่าวเรื่อง “ดีลลับกับป้อม” (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และเรื่องตั้งรัฐบาลแข่งกับก้าวไกล
ซึ่งการที่สะท้อนออกมาแบบนี้มันก็เหมือนกับอยู่ในใจลึกๆ ของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เริ่มมองเห็นพรรคก้าวไกลเป็นคู่แข่งชัดเจน และสาเหตุความพ่ายแพ้ ก็มาจากพรรคก้าวไกล
นอกเหนือจากนี้ ในช่วงตอบคำถาม นายทักษิณ ยังย้ำถึงเรื่องวามจงรักภักดี โดยยืนยันว่าพวกเขาทั้งครอบครัวมีความจงรักภักดีมาตลอด ตัวเขาก็เคยมีการถวายสัตย์ และเผยว่า “ได้รับสมรสพระราชทาน” ซึ่งยืนยันได้ว่า มีความผูกพันเทิดทูนอย่างไร
น่าสนใจก็คือ ทั้งเรื่องยืนยันถึงความจงรักภักดี และท่าทีที่มองในทางดีกับ ส.ว.โดยเชื่อว่า ส.ว.บางคนมีอิสระ ซึ่งเป็นท่าทีในในเชิงบวก ทำให้ประเมินได้ว่านี่คือ “การแตะมือสร้างสัมพันธ์กันล่วงหน้า” หรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่าสาเหตุหลักที่พรรคก้าวไกลที่มีแนวโน้มไม่ได้รับการสนับสนุนจากส.ว.โดยมีประเด็นในเรื่อง มาตรา 112
ขณะเดียวกัน ในประเด็นต่อเนื่องกัน นายทักษิณ ชินวัตร ยังพูดถึง “อุบัติเหตุ” ที่อาจเกิดขึ้นกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในกรณีการถือหุ้นสื่อ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ตามหลักการก็จะเป็นพรรคอันดับสอง คือ พรรคเพื่อไทยเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แม้ว่าจะพยายามพูดว่า หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาก็ตาม ดังนั้น ทั้งเรื่อง “จงรักภักดี กับเรื่องอุบัติเหตุของนายพิธา และ ส.ว.” จึงเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกัน และยังสะท้อนภายในลึกๆ ของเขาอีกด้วย !!
