“ทักษิณ” ย้ำ กลับตามไทม์ไลน์ เดือน ก.ค. 66 พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม บอก 2 ลุง ปล่อยให้เด็กรุ่นหลังได้แล้ว ยันเพื่อไทยมีสปิริต ไม่ตั้งรัฐบาลแข่งก้าวไกล ชี้ ไม่จำเป็นต้องรวมเสียงรัฐบาลเพิ่ม
วันนี้ (17 พ.ค.) เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 16 พ.ค. กลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย ได้จัดคลับเฮาส์ CARE Talk หัวข้อ “เมืองไทยหลังเลือกตั้ง” ซึ่งเป็นการกลับมาอีกครั้งในรอบ 1 เดือนของ ทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม (Tony Woodsome) อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงความคิดเห็นเป็นครั้งแรกหลังการเลือกตั้ง โดยระบุว่า กังวลการเมืองไทย และยินดีกับพรรคก้าวไกล ที่เป็นสมัย 2 แล้วขึ้นมาเป็นที่ 1 ได้ ถือว่าเก่งและในพื้นที่ กทม.ถือว่าเป็นสึนามิกวาดเกือบทุกพื้นที่ ขณะนี้พรรคเพื่อไทยต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองปรับตัวเองให้ทันสมัยขึ้น
ซึ่งมองว่า พรรคเพื่อไทยพยายามทำแล้ว แต่ยังไม่พอ แต่ก้าวไกลทำเหมือนบริษัท ไม่จำเป็นต้องเนี้ยบ แต่ให้ถูกใจลูกค้า วันนี้เพื่อไทยต้องปรับตัวเอง ซึ่งบางพรรคได้ ส.ส.เขตมาก แต่ปาร์ตี้ลิสต์นิดเดียว เรียกว่าพลังเงิน ความนิยมในพรรคไม่มีเลย ผลที่ได้ คือ ได้รัฐบาลที่ไม่มีอำนาจต่อรอง ได้นักการเมืองที่เข้ามาแล้วหาเงินถึงเวลาเอาเงินไปซื้อเสียง เดี๋ยวนี้แพงกว่าเดิมเยอะเดี๋ยวนี้หัวละ 1,000 บาท ต้องใช้เงินมหาศาลแต่ผลสุดท้ายประชาชนเลือกตามใจชอบ
ส่วนกรณีที่เพื่อไทยโดนหนัก เพราะโดนกระแสก้าวไกลสู้ และพรรคที่มีเงินซื้อ โดนทั้งกระแสกระสุนพร้อมกัน รอดมาได้ 112 เขต ถือว่าหลวงพ่อดี การเลือกตั้งครั้งนี้ คนที่อยู่มานานแต่ทิ้งพื้นที่ ทำให้ประชาชนไม่เอาแม้กระแสพรรคดี ยอมรับว่า กระแสพรรคดีก่อนที่ น.ส.แพทองธาร จะลาคลอด นายทักษิณ ย้ำว่า เรื่องกระแสข่าวเพื่อไทยมีดีลลับกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้น เป็นกระบวนการไอโอเริ่มตั้งแต่เลือกตั้ง ตนเองกับ พล.อ.ประวิตร มีการตกลงกัน
ซึ่งถึงแม้พูดชัดว่าไม่เอา 2 ลุง ก็ยังไม่เชื่อ และวันนี้ยังมีไอโอต่อเนื่องว่าดีลแข่งกับก้าวไกล ทั้งที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และ นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ได้ประกาศชัด ย้ำด้วยว่า ตนอยู่เมืองนอกตั้งนาน งงดีลลับอะไร พรรคเพื่อไทยมาจากไทยรักไทย วางวัฒนธรรมองค์กรต้องมีสปิริต หัวใจของประชาธิปไตย
อย่าไปอยากเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เงินเตรียมเลือกตั้งอย่างเดียวฉิบหายทั้งประเทศ ตรงไปตรงมาดีที่สุด ยืนยันเราซื่อไปจนซื่อบื้อ วัฒธรรมไม่พูดใส่ร้าย ท่าทีเพื่อไทยมีน้ำใจนักกีฬาสูง ถึงแม้ไม่เป็นพรรคร่วมก็จะยกมือให้ มองว่าคนแก่ทางการเมืองต้องหลบไป
วันนี้ไม่ใช่ยุคของเรา ชื่นชม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่พูดจาฉะฉาน ปากเป็นเอก นอกจากนี้ ยังวิเคราะห์ถึง 2 ลุง หลังการเลือกตั้ง ว่า การแพ้ชนะเป็นเรื่องของกีฬา ต้องแนะนำว่า ทั้ง 2 ท่านอายุเยอะแล้ว ผ่านตำแหน่งมาเยอะ ฐานะดีมากแล้ว น่าจะให้เด็กรุ่นหลังมาทำดีกว่า ขนาดตนเองพยายามปรับตัวยังไม่ทันเด็ก
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงกรณีการเลือกนายกรัฐมนตรีที่ต้องอาศัยเสียง ส.ว. ว่า คิดว่า ส.ว.บางส่วนมีอิสระ บางส่วนมีสังกัด ถ้าโหวตไม่ถึงมีวิธีแก้ 2 อย่าง คือ 1. ไปขอร้อง ส.ว. หรือไปเอาพรรคมร่วมให้ครบ 376 เสียง ส่วนข้อเสนอที่ให้ ส.ส.แต่ละพรรคโหวตให้ใครก็ได้ มองว่าเป็นเรื่องสปีริต แต่เป็นเรื่องยาก
นายทักษิณ ระบุด้วย มีทางออก ไม่มีอะไรไม่มีทางออก แต่ น.ส.แพทองธาร ย้ำกับตนเองว่า มาอันดับ 2 ยังไงก็ต้องมีน้ำใจนักกีฬา ไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง พรรคแกนนำต้องวางยุทธศาสตร์ ส่วนพรรคอันดับสอง มีหน้าที่สนับสนุน
ส่วนกรณีที่ นายพิธา มีประเด็นถูกร้องเรื่องถือหุ้นไอทีวีและหากถูกติดสิทธิ นายทักษิณ มองว่า การเมืองมีทางออก แต่ส่วนตัวหวังว่าจะไม่เกิดขึ้น แต่หากเกิดอุบัตเหตุพรรคก้าวไกลจะเสนอคนอื่น ไม่ต้องตกไปที่พรรคที่ 2 ซึ่งก็คือ พรรคเพื่อไทย อยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยฟัง เลือกตั้งครั้งนี้ เขตทหารก้าวไกลชนะทั้งหมด
ส่งสัญญาณว่า ทหารผู้น้อยไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิตความเป็นอยู่ ส่งไปถึงกองทัพและการใช้อำนาจที่เกินกว่าเหตุ เป็นสิ่งที่สังคมไทยไม่รับ สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ต้องศึกษาว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนอย่าฝืนการเปลี่ยนแปลง พรรคการเมือง นักการเมือง รวมถึงองค์กรใช้อำนาจ
ส่วนความพยายามในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย นายทักษิณ มองว่า ไม่คิดว่ามีคนทำรัฐบาลเสียงข้างน้อย ถึงทำแล้วก็ไม่สำเร็จ เสียเวลาบ้านเมือง สร้างความเสียหาย และดีไม่ดีเป็นรัฐบาลที่ต่างประเทศไม่รับรอง มองว่า วันนี้ไม่เกิด ขณะนี้ฝากความหวังไว้ที่ 2 ด่าน กกต.คิดอย่างไรกับคำร้องถือหุ้นสื่อของนายพิธา และเสียงของ ส.ว.บางส่วนจะโหวตให้หรือไม่ ส่วนกรณีการไปรวบรวมพรรคร่วมรัฐบาลให้เสียง 376 มองว่า ไม่จำเป็นต้องมีรัฐบาลที่โตขนาดนั้น ไม่มีประโยชน์ เสียประโยชน์ และฝ่ายค้านก็จะไม่มีพลัง
นายทักษิณ ยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมกลับประเทศไทยมาตามไทม์ไลน์ที่เคยประกาศว่าไว้คือช่วงเดือนก่อนวันเกิดวันที่ 26 ก.ค. เมื่อถามว่าจะกลับมาติดคุกหรือไม่ นายทักษิณ ระบุว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แค่เปรียบเทียบเวลานอนโรงแรม 5 แสน กับโรงแรมจิ้งหรีด ตอนหลับมีค่าเท่ากัน ต่างกันแค่ตอนตื่น
เมื่อถามว่า กลับมาจะทำให้มีความขัดแย้งในฝ่ายใดหรือไม่ ตนเองไม่ได้อยู่ทางการเมืองแล้ว ตอนนั้นขัดแย้งคือการใส่ไข่ ใส่ความทางการเมืองทั้งนั้น อย่าไปใส่ใจ “ตนไม่สนใจหรอก บ้านตน จะกลับไป มีอะไรไหม จะกลับบ้านตนจะไปเลี้ยงหลาน