xs
xsm
sm
md
lg

เกมอำมหิต 310 โทนี่ ล้างฝ่ายค้านเรียบ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา


นาทีนี้ สำหรับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ คณะหลอมรวมประชาชน อดีตประธาน นปช. กล่าวถึงกรณี “โทนี่” นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาประกาศว่า หากพรรคเพื่อไทย ได้เสียง 310 เสียง จะไม่โง่พอจะยกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้กับป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวมไปถึงประกาศว่า ไม่เคยพบกันมานานถึง 17 ปีแล้ว

อย่างไรก็ดี การออกมาพูดแบบนี้ของนายทักษิณ ย่อมทำให้คนที่ติดตามเขาเกิดความรู้ทันว่า นี่คือ เกมการเมืองแบบหนึ่งที่ถือว่า “อำมหิต” มาก โดยคนที่กล่าวหาแบบนี้ หนึ่งในนั้นก็คือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ถือว่าเคยเป็นคนใกล้ชิด และน่าจะรู้เท่าทันกันดี และนาทีนี้ถือว่าคำพูดของเขามีน้ำหนักไม่น้อย
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “หลอกอีกแล้ว...ครับท่าน?” บอกว่า ทักษิณ ชินวัตร คนไร้สัจจะ ปรับเปลี่ยนคำประกาศกลับในปีนี้ แค่ไม่กี่วันยังกล้าโกหก ขยับเลื่อนไปกลับใน “วันใดวันหนึ่ง” ซึ่งไม่รู้เป็นวันไหนในปีใด แต่ที่แน่ๆ คือ ไม่กล้ากลับมาติดคุก เพียงพูดเพื่อหวังปั่นคะแนนเสียงให้พรรคเพื่อไทยเท่านั้น
นายจตุพร กล่าวว่า ยุทธศาสตร์เลือกตั้งของกลุ่มแคร์ คิดเคลื่อนไทย ที่เขียนว่า ถ้าเลือกพ่วง ร่วงกันหมดแน่ ต้องชนะขาดกันเท่านั้น ซึ่งมีนัยยะถึงถ้าเลือกเดี่ยวให้ชนะขาดจึงจะรอด จึงแปลหรืออธิบายเป็นอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากเรียกร้องให้เลือกพรรคเพื่อไทยพรรคเดียว แล้วพรรคก้าวไกล ไทยสร้างไทย เสรีรวมไทย จะทำอย่างไร
นอกจากนี้ นายจตุพร ระบุถึงพรรคเพื่อไทย ยกให้ ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้นำจิตวิญญาณของพรรค รวมทั้งเปรียบเทียบยุทธศาสตร์เลือกตั้งของกลุ่มแคร์ เหมือนคนหิวโซ 4 คน เดินกลางทะเลทราย แต่ทั้งหมดเหลือขนมปังแผ่นเดียว จึงแบ่งกันกินไม่ได้ เพราะจะตายกันหมด จึงต้องให้คนใดคนหนึ่งกิน เพื่อจะมีชีวิตรอด ดังนั้น ยุทธศาสตร์แบบนี้จึงสะท้อนถึงการเห็นแก่ตัว และเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว เมื่อคนอื่นตายหมดเหลือแต่วิญญาณ จึงได้เป็นผู้นำจิตวิญญาณของเพื่อไทย
สิ่งสำคัญ เห็นว่า ด้วยตรรกะการเมืองแบบนี้ จะเห็นถึงฝ่ายเรียกตัวเองเป็นประชาธิปไตย แต่ใจอำมหิตกว่าเผด็จการมาก นอกจากนี้ ตนยังไม่เคยได้ยินฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเลยว่า ถ้าเลือกพ่วงร่วงกันหมด มีแต่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยพรรคเดียวที่คิดหลอกประชาชน แล้วยังไม่เห็นหัวพรรคฝ่ายเดียวกัน แล้วในอนาคตจะร่วมมือทางการเมืองกันได้อย่างไร
นายจตุพร กล่าวว่า ทักษิณและเพื่อไทย เดินงานการเมืองขณะนี้ มาจากเป้าหมายหลักอย่างเดียว คือ การปั่นกระแสชี้นำทางการเมืองขึ้น จึงไร้มนุษยธรรม ซึ่งถ้าเป็นประชาธิปไตยที่ดี ประชาชนต้องตัดสินใจได้ สิ่งสำคัญต้องไม่ใช่การเสนอทฤษฎีเอาตัวรอดเพียงคนเดียว หรือพรรคเดียว แล้วให้เพื่อนตายกันหมด

“ในบรรดาฝ่ายประชาธิปไตย ถ้าฟังภาษาเลือกพ่วง ร่วงกันหมด ต้องเลือกให้ชนะขาด หรือไม่แบ่งใจให้ใคร ไม่แบ่งคะแนนให้ใคร ฟังแล้วไม่เข้าใจ แล้วยังคิดจะไปร่วมกับเขาอยู่นั้น ผมว่าต้องคิดกันใหม่แล้วนะ นั่นไม่ได้หมายความว่าให้ไปร่วมกับอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ต้องสร้างแรงศรัทธาให้เกิดทางเลือกอีกสายหนึ่งให้ได้ เพราะซีกนี้อำมหิต พร้อมจะฆ่าเพื่อนทั้งหมด”

อีกทั้งระบุว่า นักประชาธิปไตยที่ไหนที่มีความเห็นแก่ตัวและจิตใจอำมหิตเช่นนี้ แต่ประชาธิปไตยเป็นการกระจายให้ประชาชนตัดสินใจ แล้วสร้างทางเลือกให้มีจิตใจที่กว้างขวาง คนที่เป็นแกนนำพรรคต้องแสดงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เพราะตัวเองเหนือกว่านักการเมืองธรรมดาอยู่แล้ว ดังนั้น พฤติกรรมเหล่านี้จึงฝากความหวังต่อไปไม่ได้

นายจตุพร กล่าวถึงทักษิณจะกลับบ้าน ว่า คำพูดกลับบ้านไม่กี่วันนั้น ได้เปลี่ยนแปลงใหม่ในสาระสำคัญแล้ว โดยให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่น (24 มี.ค.) บอกจะกลับในปี 2566 ไม่มีนิรโทษกรรม แต่พูดเมื่อวันที่ 26 มี.ค. บอกว่าจะกลับแน่ ในวันใดวันหนึ่ง ซึ่งกว้างอย่างไร้อาณาเขตกว่าคำพูดว่าภายในปีนี้ แต่วันที่นานกว่าปีนี้ ก็คือ วันใดวันหนึ่ง

“ทุกครั้งทักษิณ นำทุกอย่างทั้งความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน ชีวิต เลือดเนื้อของผู้ชุมนุม สมคบยอมแลกประชาธิปไตยให้กับรัฐประหาร การแลกนี้เป็นการแลกเพื่อให้ได้กลับบ้าน แต่การพูดกลับบ้านครั้งล่าสุดนั้น แลกเพื่อให้ได้คะแนนเสียง”
นั่นเป็นคำพูดบางช่วงบางตอนของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งจะว่าไปแล้วนาทีนี้สำหรับเขาถือว่า น่าเชื่อถือใช้ได้ทีเดียว อย่างน้อยด้วยแบ็กกราวด์ ที่เป็นหนึ่งในคนใกล้ชิดเคยทำงานรับใช้กันมานาน ย่อมรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของ นายทักษิณ เป็นอย่างดี เหมือนกับคราวนี้ที่เขารับรู้ถึง “เกมอำมหิต” ของ นายทักษิณ ที่ต้องการ “เอาตัวรอด” และต้องการกำจัดพรรคการเมืองที่เคยเป็นพันธมิตรฝ่ายค้านเดิมสองสามพรรคดังกล่าว
หากพิจารณาจากสถานการณ์ตามความเป็นจริง มันก็เป็นไปได้ตามที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประเมิน เพราะหากพิจารณาจากคำพูดของ นายทักษิณ ที่กำหนดผลการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ เร่งเร้าให้เลือกแบบ “ยุทธศาสตร์” ความหมายก็คือบีบให้เลือกพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว เพื่อให้ถึงตัวเลข 310 ที่นั่ง ต้องการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
จากการวิเคราะห์ตามสถานการณ์ที่ต้องเลือกข้าง การเมืองกลับมาแบ่งเป็น “สองขั้ว” ซึ่งความหมายก็คือ ขั้วที่ “เอาทักษิณ” กับฝ่ายตรงข้าม แน่นอนว่า ฝ่ายเอาทักษิณ พิจารณาจากฐานการเมืองก็ต้องรวมไปถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ เช่น ก้าวไกล เสรีรวมไทย ประชาชาติ และเพื่อชาติ รวมไปถึงพรรคไทยสร้างไทยของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เพิ่งแตกตัวออกมา เป็นต้น หากนายทักษิณ บอกว่าให้เลือกแบบยุทธศาสตร์ เลือกให้ขาด ก็คือ ให้เลือกพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว “ไม่มีขายพ่วง” นายทักษิณ ถึงกับตัดญาติขาดมิตร ประกาศไม่มีพรรคพี่พรรคน้องกับใคร
ดังนั้น แม้ว่า เป้าหมายจำนวน 310 ที่นั่ง เป็นเกมเอาตัวรอด ที่แม้จะบอกว่าเป็นการเลือกแบบยุทธศาสตร์ แต่หากมองกันแบบรู้ทันก็ต้องบอกว่า นี่คือ “เกมอำมหิต” ที่หวังจะกำจัดพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เหลือจนเหี้ยน เพื่อให้เลือกพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว และเห็นว่า การที่ นายทักษิณ ออกมาพูดถี่ๆ ในช่วงนี้ ก็เหมือนกับการเร่งเร้าให้ตัดสินใจก่อนการเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนการจับมือกับใครหลังจากนี้ก็ต้องจับตามองอย่างยิ่ง เพราะจะเหลือใครให้จับ เพราะไม่เหลือใครแล้ว ถูกกำจัดไปหมดแล้วนั่นเอง !!


กำลังโหลดความคิดเห็น