xs
xsm
sm
md
lg

“จตุพร” ย้อนติ่งเพื่อไทยขุดรูปเก่าถ่ายกับสุเทพใส่ร้าย ทีลูกน้องสุเทพนั่ง รอง หน.เพื่อไทย ไม่เห็นมีใครรุมขย้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“จตุพร” จวกยับไอโอหน้าโง่ งัดรูปนั่งร่วมโต๊ะกับ “สุเทพ” ยัดเยียดใส่ร้าย “รับงานถล่มทักษิณ” ฟาดกลับต้องไปห้ำหันกันยับเยินในงานแต่งหรือ? มีมารยาทตามประเพณีกันบ้าง ย้อนเทพเทือกเคยเป็นประธานงานแต่ง “เต้น-ณัฐวุฒิ” ไม่มีใครรุมขย้ำ อีกทั้งปัจจุบันลูกน้องมืองานคนสำคัญของสุเทพนั่ง รอง หน.เพื่อไทย ยังไม่มีไอโอหน้าโง่คนไหนถล่ม พร้อมประเมินกรณี “ตะวัน-แบม และทักษิณกลับบ้าน” ส่อประทุเป็นวิกฤตใหญ่ จี้ประยุทธ์ยัดฟืน 112 สุมไฟร้อนแรง ต้องรีบดึงฟืนออกจากไฟเอาเอง

เมื่อ 30 ม.ค. 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน และอดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ นายนิติธร ล้ำเหลือ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ความคับแค้น แปรเปลี่ยนเป็นพลัง" มี อรุโณทัย ศิริบุตร ดำเนินรายการ โดยตอบโต้ขบวนการไอโอปกป้องเพื่อไทย นำรูปถ่ายกับสุเทพ เทือกสุบรรณ มายัดเยียดใส่ร้ายว่า รับงานวิพากษ์วิจารณ์ถล่มทักษิณ ชินวัตร

นายจตุพร ประเมินถึงวิกฤตในอนาคตว่า ว่า จะเกิดขึ้นจาก 2 เรื่องสำคัญคือ กรณีตะวัน-แบม และคำประกาศกลับบ้านของทักษิณ ชินวัตร โดยวิธีพิเศษ ในส่วนการอดอาหารของตะวัน-แบมนั้น เมื่อสถานการณ์เดินมาถึงจุดตรึงเครียดยิ่งขึ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีส่วนสำคัญในการสร้างปัญหาให้ ม.112 ขยายตัวมากขึ้น จึงต้องเป็นผู้ดึงฟืนออกจากไฟ เนื่องจากปฎิเสธไม่ได้ว่า พระราชประสงค์ของ ร.10 ไม่ต้องการดำเนินคดีกับใคร ด้วยเหตุนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเป็นคนสร้างความเดือดร้อนให้ ร.10

ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประมุขฝ่ายบริหารกับประมุขฝ่ายตุลาการต้องหารือหาทางออกร่วมกัน เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นโดยไม่คาดคิด จะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ซึ่งเป็นความรู้สึกและอารมณ์ที่ไม่ต้องการอธิบายด้วยเหตุผลจากฝ่ายใดๆ สถานการณ์แบบนี้ยากที่ใครจะควบคุมอยู่ได้

"ตะวัน-แบม อดอาหารเดิมพันชีวิตอย่างเอาจริง ฝ่ายรัฐจะประเมินด้วยเหตุการณ์อดอาหารแบบเดิมๆไม่ได้ และเรื่องนี้จะอาศัยความสะใจหรืออคติหรือความเป็นการเมืองไม่ได้เลย แต่แก้ไขได้อย่างเดียวคือให้คุณค่าความเป็นมนุษย์ที่จะดึงไฟออกจากฟืนก่อนที่จะเกิดวิกฤตรุนแรง จนลุกลามเป็นไฟลามทุ่งอย่างที่คาดไม่ถึง"

กรณีการประกาศกลับบ้านของทักษิณนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ใครอาจจะคิดว่าไม่มีอะไร เนื่องจากประกาศมาหลายครั้งก็ไม่ได้กลับและไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ครั้งนี้ประกาศในช่วงเวลาที่กำลังจะได้เสียทางการเมือง และยิ่งมาประกาศไม่ใช้กฎหมาย ไม่พึ่งเพื่อไทยหรือรอมชอมกับพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น ในทางกฎหมาย คดีที่มีโทษจำคุกเป็นที่สุดแล้ว ทักษิณต้องเข้าเรือนจำอย่างเดียวเท่านั้น

ดังนั้น ใครจะไปดีลโดยไม่สมควรดีล ซึ่งได้เริ่มต้นดีลแล้วยิ่งจะทำให้กลายเป็นชนวนใหญ่ เท่ากับปลุกผี พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาหลอกหลอนสังคมไทย จนกลายเป็นชนวนเผชิญหน้าของฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์และฝ่ายทักษิณ อีกครั้งหนึ่งอย่างไม่จำเป็นเลย

"เมื่อเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง และทักษิณกลับบ้านจะกลายเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งแตกแยก แล้วนำไปสู่การล้มกระดานทั้งปวง ดังนั้นพวกเราจึงตอกย้ำเตือนให้ยึดประเทศไทยต้องมาก่อน เพราะความแตกแยกรุนแรงท่ามกลางการเลือกตั้ง ยิ่งทำให้ประชาชนไม่ได้ประโยชน์จากการปกครอง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหารหรือนักการเมืองก็ตาม"

นายจตุพร กล่าวถึงการแตกหักกับทักษิณ และถูกขบวนการไอโอระบาดทำลายมากขึ้นว่า ที่ผ่านมาตนเจอปฎิบัติการไอโอจากทั้งฝ่ายเสมอ ขณะนี้ฝ่ายทักษิณได้แพร่รูปตนกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นั่งร่วมโต๊ะอาหารในงานเลี้ยงแต่งงานลูกของชาดา ไทยเศรษฐ์ นักการเมืองคนสำคัญขณะสังกัดพรรคชาติไทย โดยมีเจตนาทำให้เข้าใจผิดแล้วหวังทำลายตน

ก่อนจะชี้แจงรูปนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับนายสุเทพ นายจตุพร กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับสุเทพว่า ข้อเท็จจริงแรก สุเทพเป็นเพื่อนทักษิณ ในช่วง 4 ปีแรกที่ทักษิณเป็นนายกฯ แต่สุเทพนั่งเลขา ปชป. เป็นฝ่ายค้าน และไม่เคยอภิปรายทักษิณสักครั้งเดียว สามารถตรวจค้นความจริงกันได้ทั่วไป

สองทักษิณ เคยไปร่วมรับประทานอาหารที่บ้านสุเทพถึง อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และเครือข่ายยังซื้อหุ้นสหกรณ์โคออฟร่วมลงทุนกับสุเทพด้วย นอกจากนี้ลูกน้องมือทำงานคนสำคัญของสุเทพ ปัจจุบันเป็นกรรมการบริหารระดับรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อีกทั้งถึงการเลือกตั้งปี 2548 สุเทพเริ่มมีปัญหาขัดแย้งกับทักษิณ แล้วนัดเจรจากันที่บ้านพิษณุโลก ตอนนั้นตนอยู่ในทีมโฆษกพรรคได้แถลงข่าวเสนอให้ทักษิณเลิกคบกับสุเทพ

อีกอย่างในบทบาททางการเมือง ตนกับสุเทพต่างทำหน้าที่อยู่กับคนละฝายกันทั้งในการอภิปรายฟาดฟันในสภา และต่อสู้กันหยิบตาบนท้องถนน ไม่มีอะไรลดราวาศอกกันเช่นเดิม กระทั่งได้มาคุยกันตัวต่อตัวในวันเจรจาก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จะยึดอำนาจปี 2557 ซึ่งเป็นการคุยกันครั้งสุดท้ายและไม่ได้คุยกันอีกเลย

ส่วนกรณีรูปภาพถ่ายกับนายสุเทพนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ชาดา เป็นนักการเมืองใจนักเลง มีมิตรอยู่แทบทุกพรรค ซึ่งตนชอบนักเลงการเมืองมากกว่านักธุรกิจการเมือง เพราะพูดคำไหนคำนั้น ไม่ว่าอยู่ซีกไหน ไม่มีอะไรซับซ้อน จึงได้คบค่าสมาคมกัน แต่นักธุรกิจการเมืองพูดวันนี้ พรุ่งนี้เป็นอีกอย่าง

จากนั้น ชาดา ชวนไปงานแต่งงานลูกในเดือนมกราคม ปี 2559 ตนก็ไปและเจอสุเทพ ก็เดินดิ่งเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะ จึงมีภาพถ่ายปรากฎ สิ่งสำคัญ เมื่อเป็นงานแต่งงานก็ต้องมีมารยาทกันตามประเพณีต้องให้เกียรติเจ้าภาพ จะฟาดฟันกันยับเยินได้อย่างไร อีกอย่างถ้าตนหลบหนีสุเทพไปนั่งโต๊ะอื่น ก็จะถูกอีกฝ่ายด่าอยู่ดี พวกไอโอจะให้ตนไปรบกันในงานแต่งงานหรือ?

นอกจากนี้ ในงานแต่งบางงานของอดีต ส.ส.เพื่อไทย สุเทพก็ไปเช่นกัน เพราะเขามีเพื่อนมากทุกพรรค เมื่อครั้งงานแต่งของณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งจัดทั้งที่บ้านเจ้าบ่าวและเจ้าสาว กรณีงานจัดที่บ้านเจ้าสาวนั้น สุเทพเป็นประธานจัดงาน เพราะสนิทกับพ่อเจ้าสาว ช่วงนั้นเสื้อแดงสู้กันเต็มบ้านเมือง ตนจึงไม่ได้ไป แต่เมื่อจัดบ้านณัฐวุฒิ มีจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นประธาน ตนก็ไป เมื่อสุเทพไปงานแต่งงานณัฐวุฒิได้ ก็ไม่เห็นขบวนการไอโอทั้งสองฝ่ายรุมถล่มว่าอะไร

นายจตุพร กล่าวว่า แต่อยู่ดีๆ ตนไปนั่งร่วมโต๊ะกินช้าวกับสุเทพในงานแต่งเมื่อปี 59 ผ่านมา 7 ปีแล้ว ขบวนการไอโอก็เอามาปั่นกระแส โยงถึงการถล่มทักษิณก็ว่ากันไป แต่ตนถล่มทักษิณเพราะมาดูถูกกันเมื่อเร็วๆ นี้เอง จะให้รอจนกว่าเลือกตั้งเสร็จแล้วจะตอบโต้หรืออย่างไรกัน
อีกทั้งกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับสนธิ ลิ้มทองกุล ว่า ช่วงนั้นทีมทำนโยบายให้ทักษิณเป็นลูกน้องสนธิทั้งนั้น อีกทั้งสนธิกับทักษิณยังไปมาหาสูกัน และสนธิ ก็เชียร์ทักษิณอย่างเดียวเช่นกัน ดังนั้น พวกตนจึงเป็นแค่ปลายแถวเท่านั้นในความสัมพันธ์

"พวกไอโอปั่นกันสนุกว่าผมรับงานมา คิดว่าเสร็จแน่ คิดจะทำให้ผมเจ็บจึงปลุกปั่นกันใหญ่กับภาพร่วมโต๊ะงานแต่งลูกชาดากับสุเทพเมื่อ 7 ปีที่แล้ว แต่ลูกน้องของสุเทพก็นั่งรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน ลูกน้องสนธิ ก็เป็นมือทำนโยบายของทักษิณ อย่ามาสู้กับผมในเรื่องนี้เลยเสียตัวเปล่าๆ จะขาดทุนผม แหลมมาโดนจัดหนักอีก ผมไม่มีอะไรเสีย แต่คุณจะเสียชนิดฉิบหายวายวอดจะบอกให้พวกขบวนการไอโอหน้าโง่ทั้งหลาย นี่ปั่นกันมาหลายวันแล้ว"

นายจตุพร ระบุว่า รูปถ่ายกับไพศาล พืชมงคลว่า ขณะนี้ฝ่ายเพื่อไทยเริ่มเชียร์ไพศาลมากขึ้นแล้ว เพราะไพศาลช่วงนี้จะเชียร์เพื่อไทย รูปภาพจิตอาสาที่ตนถ่ายกับไพศาลในวันครองราชของ ร.10 แล้วใส่เสื้อเหลือง ซึ่งพรรคเพื่อไทยคนใหญ่คนโตไปหลายคน อีกทั้งลูกทักษิณมีใครไม่ใส่เสื้อเหลืองบ้าง ถ้านับเป็นจิตอาสาแล้วพานทองแท้ ชินวัตร สมัครก่อนตน แต่ไม่เป็นไรอีก ยกเว้นนายจตุพร ใส่เสื้อเหลือง เป็นจิตอาสา ก็เอาเป็นเอาตายกันเลย

ส่วนที่ถามว่าน้อยใจโชคชะตาตัวเองหรือไม่ เมื่อพูดเรื่องทักษิณ จะถูกคนเสื้อแดงรุมใส่ร้าย นายจตุพร กล่าวว่า การทำลายใดๆ ให้เรียงหน้ามา ในการต่อสู้เพื่อประชาชนที่ผ่านมา ถ้าตนมีบาดแผลก็คงถูกขย่มหมดแล้ว ที่ผ่านมาเล่นใต้ดิน สวนใต้เข็มขัดก็ทำอะไรตนได้บ้าง เมื่อโผล่หน้ามาหนึ่งก็ต้องกระทืบทันที ดังนั้น ตนจึงไม่รู้สึกอะไร เพราะเห็นหมดทั้งวินาทีความตาย ยากลำบาก และคนเห็นแก่ตัว ถ้าตนมีบาดแผลจะถูกคนพวกนี้ขย้ำจมเขียวแล้ว

"ที่เขาไม่ตอบเพราะตอบไม่ได้ ถ้าผมไม่ซื่อสัตย์ในการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงตายทุกวินาที แต่พวกวินาทีหนีปลอดภัยทำเป็นเก่ง ผมจะไม่เล่าความจริงของแต่ละคน ถ้ามารุกรานกล่าวหาก่อน ผมก็ต้องอธิบาย เพราะในสนามต่อสู้มันมีอันตราย เรารู้จักคน และเราเห็นอย่างไงก็พูดเช่นนั้น เพียงแต่สังคมนี้เต็มไปด้วยคำคนสอพลอ เล่นละครให้ดูดีเข้าไว้ ซึ่งไม่ใช่ผม"

นายจตุพร กล่าวว่า คนเมื่อมีอำนาจไม่ต้องการฟังความจริง อยากฟังในสิ่งที่ตัวเองอยากฟัง ยิ่งทักษิณวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ฟังคนอื่นนั้น ตนจึงขอให้ทักษิณ นึกถึงตอนที่ตัวเองเป็นนายกฯ จนกระทั่งบัดนี้ เคยฟังใครบางหรือเปล่า มักฟังแต่สิ่งสรรเสริญเยินยอที่เป็นความเท็จ แต่คนที่เป็นผู้ปกครองที่ดีต้องฟังรอบด้าน ส่วนใหญ่คนมีอำนาจมักเสียงดังแต่หูตึง จึงไม่ได้ยินความจริงอะไรเลย ซึ่งเป็นธรรมชาติ

นายนิติธร กล่าวถึงทักษิณให้กลุ่มทะลุวังไปทะลุทำเนียบรัฐบาลแต่ไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนจตุพรกล่าวด้วยเนื้อหาไม่แตกต่างกันกลับถูกรุมกันด่า ว่า กรณีจตุพรกับทักษิณนั้น ตนมองตามภาพที่เห็น แม้จตุพรมีความมมุ่งมั่น ความซื่อสัตย์ และการเสียสละเป็นจุดแข็ง แต่ทักษิณมองจตุพรเป็นจุดอ่อนแค่เป็นเครื่องมือหากินเท่านั้น อย่างไรก็ตามจุดแข็งของจตุพรก็ตือจุดเปราะบาง เพราะรักทักษิณ จึงฉิบหายถึงทุกวันนี้ โดยจตุพรให้ทักษิณมากกว่า ส่วนทักษิณกว่าจะให้แต่ละครั้งจะคิดมากหลายตลบ

"ผมมองว่าสิ่งที่จตุพรพูด ก็เป็นตามสิ่งที่พูด เป็นตามธรรมชาติของการอดกลั้นเลือดไว้มากจนถึงคอหอย เมื่อมาถูกกระทำซ้ำอีกจึงไหลทะลักออกมา ซึ่งทักษิณไม่รู้อะไร เพราะไม่ให้คุณค่าใครเลย วันนี้ทักษิณไม่ตอบคำถามจตุพรคือการจนมุม ซึ่งไม่ตอบคำถามจตุพรได้ แต่คุณไม่สามารถไม่ตอบคำถามของตะวัน-แบม และก้าวไกล ทะลุวังได้ เนื่องจากเป็นการตอบยาก เพราะเขามุ่งที่อนาคต มุ่งความเป็นประชาธิปไตยในแบบของเขา ถ้าไม่ตอบก็พัง และการตอบนั้นมันเป็นสิ่งแสลงใจและคุณอึดอัด"

พร้อมทั้งกล่าวถึงการเคลื่อนไหวเรียกร้องต่อสถาบันของกลุ่มทะลุวังว่า ตนไม่ตำหนิอะไรพวกน้องๆ เขา จะปฏิรูปก็ว่าไป แต่อย่าด่าให้เอาความจริงมาพูด สามารถอยู่ด้วยกันได้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นการเคลื่อนไหวของปรชาชนเช่นกัน

"การที่เด็กๆถามคุณ (ทักษิณ) เพราะดูเหมือนมองคุณเหมือนเป็นหลักในการกระทบต่อสถาบัน จนถูกมองว่าคุณจะล้มสถาบัน เขาจึงถามว่า ความมุ่งมั่นเช่นนี้ยังมีอยู่หรือไม่? และอีกอย่าง ถามเพราะคุณเข้ามาสู่วงจรการเมืองเลือกตั้งและชูเสียงแลนด์สไลด์ เขาจึงต้องถามคุณ"
นายนิติธร ตั้งข้อกังขาว่า ถ้าหากคิดกัน จึงสงสัยว่าทำไมไม่ไปถาม ปชป. หรือทำไมไม่ไปถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พปชร. หรือไม่ไปถาม พล.อ.ประบุทธ์ รวมไทยสร้างชาติ และไม่ไปถามภูมิใจไทย ดังนั้นปัญหาว่า ทำไมจึงเลือกถามทักษิณ และเพื่อไทย หรือไม่มาถามตนและจตุพร เพราะมันเป็นพื้นที่การเคลื่อนไหวต่อสู้ของภาคประชาชน สิ่งนี้จึงเป็นปัญหาของทักษิณในการใช้คน

"จะมีสักกี่คนในไทยที่ทักษิณให้ความเป็นมนุษย์ในทุกวันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากในทัศนคติผม แต่ทักษิณก็ได้รับความเป็นมนุษย์จากผมมากพอสมควร เพราะผมไม่เคยดำเนินคดีอาญากับทักษิณเลย โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่รัฐดำเนินการ เพราะผมไม่ใช่คู่ขัดแย้ง หากหลักการผิด ผมฟัดถึงที่สุด"

นายนิติธร กล่าวว่า ดังนั้น ทักษิณต้องตอบคำถามจตุพร ในเนื้อเรื่องที่พูด และอีกจุดหนึ่งเป็นกรณีของตะวัน-แบม ก็ต้องชี้แจงให้ชัด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นปัญหา และกลายเป็นวิกฤตใหญ่ในสังคมในขณะเลือกตั้งและหลังเลือกตั้งได้


กำลังโหลดความคิดเห็น