ข่าวปนคน คนปนข่าว
**มือไวแตะไม่ตบ “ม้า อรนภา” จบซีรีส์ “กินปู” ที่เกาหลี แต่งานนี้ “ทนายตั้ม” จบมั้ย??
จากซีรีส์ “กินปู” ที่เกาหลีกลายเป็นเรื่องราวบานปลายไปสู่ดรามาที่หลายคนอยากรู้ว่าจะจบกันยังไง ? ... และแล้ว “ม้า อรนภา” นักแสดง-พิธีกรรุ่นใหญ่ ได้เปิดแถลงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองกับนักแสดงหน้าใหม่
จุดใหญ่ใจความ “เจ้ม้า” กล่าวขอโทษ เสียใจอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บอกเล่าตั้งแต่ความสัมพันธ์เป็นแบบ “แม่ลูก” ไม่ได้มีเรื่องชู้สาวอย่างที่ชาวโซเชียลฯ พยายามตีความ โดยเวลาที่คุยกันกับอีกฝ่าย ก็มักจะสอน มีแตะไหล่ แตะมือบ้าง ขณะที่เตือนให้น้องตั้งใจฟังในสิ่งที่ตัวเองพูด
ส่วนอารมณ์ตอนเกิดเหตุ “ม้า อรนภา” ว่า ไม่ได้โมโห แต่มือไว หลังจากที่อีกฝ่ายบอกว่าไม่ไปกินปูแล้วนะ เพราะตัวเองได้จองอะไรไว้หมดแล้ว ซึ่งถามย้ำมาตลอด 3 ครั้ง จะไปหรือไม่ไป พร้อมกับยืนยันว่า ที่เห็นในคลิปเป็นอาการ “แตะ ไม่ได้ตบ”
หลัง “แตะไม่ได้ตบ” เจ้ม้า ว่าได้เคลียร์กันเรียบร้อย ทั้งขอโทษและบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ จนสุดท้ายก็ได้ไปกินปูด้วยกัน
“ม้า อรนภา” ยังยืนยันไม่ได้โดนคดีความที่เกาหลี และไม่ได้ไปแจ้งตำรวจ นักแสดงหนุ่มแค่ไปขอคลิปจากที่ร้านเท่านั้น
เหตุการณ์ก็เหมือนจะจบลงด้วยดี เพราะมีเรื่องกันแค่ 2 คน ระหว่างแม่กับลูก น้องก็ไม่ได้ติดใจ แต่ไม่รู้หลังจากนั้นยังคาใจอะไร ถึงไปทำให้เป็นเรื่องใหญ่ตามที่เห็นในโลกโซเชียลฯ
ส่วนตัวเธอเอง ไม่รู้จะพูด หรือฝากอะไรถึง “ทนายตั้ม” และ ไม่ได้ “หิวแสง” สร้างข่าวให้ตัวเองมีพื้นที่ในหน้าสื่อแต่อย่างใด
หลังจาก “ม้า อรนภา” เปิดอกแถลง ต่อมา “ษิทรา เบี้ยบังเกิด” หรือ “ทนายตั้ม” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ผู้ที่เปิดเผยเรื่องนี้ต่อชาวโซเชียลฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ผมเชื่อว่าคนงงแบบผมทั้งประเทศ เอ้า แตะก็แตะวะ 5555”
แน่นอนว่า หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวแพร่สะพัดออกไป บรรดาชาวโซเชียลฯ และ FC ทนายคนดัง ต่างกรูเข้ามาแสดงความคิดเห็น ขยายความคำว่า “แตะไม่ได้ตบ” กันเป็นจำนวนมาก
เอาเป็นว่า งานนี้ ซีรีส์กินปูเกาหลี “ม้า อรนภา” ขอจบแบบแมนๆ ขอโทษและเสียใจ แต่ก็ไม่รู้ทาง นักแสดงหนุ่ม และทนายตั้ม จะจบด้วยมั้ย ?
** กลุ่ม ส.ส.ใต้ พปชร. ชูสโลแกน “รักตู่ อยู่กับป้อม” มั่นใจเลือกตั้งสูตรหาร 100 จะส่งให้ “ลุงป้อม” เป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลแน่
สถานการณ์การเมืองขณะนี้ ถือว่าเริ่มนับถอยหลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้งแล้ว...มีความชัดเจนว่า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะแยกกันเดิน โดย “ลุงตู่” จะไปเป็นแคนดิเดตนายกฯ ให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ขณะที่ “ลุงป้อม” ก็จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ
ส่วนกติกาเลือกตั้งก็ชัดเจนแล้วว่า ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ด้วยสูตรหาร 100
ล่าสุด มีรายงานว่า “ลุงป้อม” สั่งเช็กจำนวน ส.ส.ของพรรค เอาให้ชัดว่าใครจะย้ายออก และใครยังอยู่บ้าง อย่างเช่น “พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์” ก็เข้าไปกราบลา “ลุงป้อม” บอกจะย้ายไปอยู่กับ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” อดีต รมว.ดีอีเอส ที่พรรคภูมิใจไทย และมี ส.ส.กทม. อีก 4 คน ที่จะตาม “ลุงตู่”ไปเข้าสังกัด รทสช. ได้แก่ “ประสิทธิ์ มะหะหมัด - ภาดาท์ วรกานนท์ - กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา - ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์” นอกจากนี้ ก็มีกลุ่ม “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน อีกจำนวนหนึ่ง
สำหรับกลุ่มอื่น อย่างเช่น กลุ่มปากน้ำ กลุ่มโคราช กลุ่มมะขามหวานเพชบูรณ์ ยังยืนยันอยู่กับ พปชร. เช่นเดียวกับกลุ่มกำแพงเพชร ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ก็กลับมาโดยไม่มี “ผู้กองธรรมนัส” มาเป็นสายล่อฟ้า ... ส่วน “กลุ่มสามมิตร” ที่ยังแบ่งรับแบ่งสู้ เชื่อว่าสุดท้ายแล้ว “ลุงป้อม” เอาอยู่ !!
คราวนี้มาดูที่เป็นไฮไลต์ ก็คือ ส.ส.สายใต้ ...ที่ย้ายออกมี 4 คน ได้แก่ “สายัณห์ ยุติธรรม” ส.ส.นครศรีธรรมราช - “พยม พรหมเพชร” ส.ส.สงขลา - “ศาสตรา ศรีปาน” ส.ส.สงขลา และ “ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี” ส.ส.สงขลา” ส่วนที่เหลือทั้งหมดจะยังอยู่กับ พปชร. โดยมี “รงค์ บุญสวยขวัญ” ส.ส.นครศรีธรรมราช กรรมการบริหารพรรค เป็นแกนนำ ...แถมพ่วงด้วยข่าวว่า “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะย้ายจากพรรคสร้างอนาคตไทย มาเสริมทีมภาคใต้ให้กับ พปชร. ด้วย
ส่วนกระแสความนิยมที่คนภาคใต้ยังมอบให้ “ลุงตู่” กลุ่ม ส.ส.ใต้ ก็คิดแก้เกม ด้วยสโลแกน “รักตู่ อยู่กับป้อม” เพื่อดึงทั้ง ส.ส. และคะแนนนิยมจากประชาชน
เรื่องนี้เมื่อนักข่าวเจอหน้า “ลุงป้อม” ก็ถามถึงความชัดเจนเรื่องที่ “นิพิฏฐ์” จะมาเสริมทีม รวมถึงประเด็นที่ ส.ส.ภาคใต้ ชูกลยุทธ์หาเสียง “รักตู่ อยู่กับป้อม” ซึ่ง “ลุงป้อม” ไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
สำหรับกติกาเลือกตั้งที่ชัดเจนแล้วว่า เป็น “บัตรสองใบ หาร 100” นั้น “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บอกว่า ก็เป็นไปตามแผนเดิม ไม่มีปัญหาอะไร พลังประชารัฐเป็นผู้สนับสนุนกฎหมายเลือกตั้งฉบับนี้อยู่แล้ว เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมมนูญ ก็ถือเป็นเรื่องดี
แต่ไม่ใช่ว่าพลังประชารัฐจะได้เปรียบ หรือเสียเปรียบ และก็ไม่คิดว่าจะทำให้ “พรรคเพื่อไทย” ได้เปรียบด้วย
เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชน!!
“ไพบูลย์” บอกว่า ตอนนี้พลังประชารัฐ มีความพร้อมที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง พร้อมทั้งเรื่องผู้สมัครที่จะลง ส.ส.เขตทั้ง 400 เขต และบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ รวมทั้งนโยบายพรรคที่ยึดหลัก 3 ประการ คือ ทำได้จริง ถูกใจประชาชนทุกกลุ่ม และถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะเมื่อดูบริบทการเมืองแล้ว เชื่อมั่นว่า พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรครัฐบาลแน่
ที่สำคัญ “ลุงป้อม” ในฐานะหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนเดียวของพรรค ก็จะเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน!!