เอาแล้ว! “สมศักดิ์ เจียม” ผสมโรง “จตุพร” ฟาด “ทักษิณ” ใครเตือนไม่ฟัง จัดหนัก “ปิยบุตร” โยงมั่ว “พระเจ้าเอกทัศ”

ใครเตือนไม่ฟัง! “สมศักดิ์ เจียม” เล่าประสบการณ์ตรง เคยเตือน “ทักษิณ” แต่ไม่ฟัง ยก “จตุพร” พูดถูก “เอาแต่ใจ” “อัษฎางค์” ถาม ทำไมปล่อย “ปิยบุตร” บิดเบือน


น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (28 พ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ของ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โพสต์ข้อความระบุว่า

“เดี๋ยวนี้ facebook กระจายไปยังคนอ่านน้อยมาก บางทีก็ผ่านไปสองวันสามวันถึงค่อยโผล่ให้อ่าน (มาร์ค ซักเกอร์เบอร์ก เคยบอกไว้ว่า จะเน้นที่พวกโฆษณามากขึ้น)

อันนี้เพิ่งมาโผล่ให้ผมอ่านเมื่อเช้านี้เอง นับว่า น่าสนใจมาก จตุพร (ซึ่งคงขาดจากทักษิณเลย) เปิดเผยเบื้องหลังสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เคยเสนอโน่นเสนอนี่ แต่ทักษิณไม่ฟัง ทำตามใจตัวเอง เช่น ให้สุกำพลเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ทักษิณไม่เชื่อ บอกว่า เอายิ่งลักษณ์ดีกว่า (“ประยุทธ์แพ้ทางผู้หญิง”) และเรื่องอื่นๆ อีก

เรื่องเหล่านี้อาจจะไม่จริงอย่างที่จตุพรประเมิน แต่ที่น่าสนใจ คือ ลักษณะไม่ฟังใคร เอาแต่ใจตัวเองของทักษิณ

เรื่องนี้ผมเคยเจอมาด้วยตนเอง และเป็นเรื่องที่พิสูจน์ว่าจริงตามที่คาด (จตุพรคาดตรงเผงเลยเรื่องนี้) นั่นคือ การนิรโทษกรรมเหมาเข่ง หลายคนจำไม่ได้แล้ว แต่ทักษิณเคยพยายามเหมาเข่งทีหนึ่ง เมื่อยิ่งลักษณ์ขึ้นเป็นนายกฯใหม่ๆ เสนอ พ.ร.บ.เหมาเข่ง ครั้งนั้น พันธมิตรฯที่เคยหลับไหล สามารถรวมกันติดภายในเวลาอันรวดเร็ว ทักษิณสั่งให้รีบถอยก่อน

ผมเตือนทักษิณไปครั้งนั้นว่า อย่าทำอย่างนี้ ควรช่วยพวกคนตัวเล็กตัวน้อยก่อน (บางคนติดคุกเพราะเผาศาลากลาง 30 ปี) ทักษิณรู้ตัว บอกขอบคุณโดยเอ่ยชื่อผมในการโฟนอินครั้งหนึ่ง (ปกติผมไม่เคยติดต่อกับทักษิณ ไม่คิดว่าเขาจะรู้หรือเปล่า)

แต่ทักษิณก็ทำอีก เหมาเข่ง ลักไก่ตีสี่จนได้ ลองฟังที่จตุพรพูดดู ตรงนี้พูดได้ตรงมาก


ขณะเดียวกัน สืบเนื่องจาก นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับมาตรา 112 ว่า จากคดี 112 วิจารณ์เศรษฐกิจพอเพียง ที่ผู้พิพากษาลงความเห็นว่า กล่าวถึงราชบิดาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ผิด 112 ถ้ายึดตามมาตรฐานแบบนี้ ก็ไม่ต้องเรียนประวัติศาสตร์กันแล้ว เพราะเราจะวิจารณ์ รัชกาลที่ 6 พระเจ้าตากสิน พระเจ้าเอกทัศ หรือหนังสุริโยไท ก็วิจารณ์ขุนวรวงศาธิราชและท้าวศรีสุดาจันทร์ ไม่ได้เลย

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ในฐานะราษฎร โพสต์ภาพพร้อมข้อความในเฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” เรื่อง “รัฐและคนไทยจะรอให้ไทยเป็นสาธารณรัฐใช่หรือไม่?” ระบุว่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6374/2556 มีใจความตอนหนึ่งว่า “…การที่กฎหมายมิได้บัญญัติว่า พระมหากษัตริย์จะต้องครองราชย์อยู่เท่านั้น ผู้กระทำจึงจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แม้จะกระทำต่ออดีตพระมหากษัตริย์ซึ่งสวรรคตไปแล้ว ก็ยังเป็นความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว การหมิ่นประมาทอดีตพระมหากษัตริย์ก็ย่อมกระทบถึงพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันที่ยังคงครองราชย์อยู่…”

คีย์เวิร์ดคือ “การหมิ่นประมาทอดีตพระมหากษัตริย์ก็ย่อมกระทบถึงพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันที่ยังคงครองราชย์อยู่”

ดังนั้น การวิจารณ์ ร.6 พระเจ้าตาก พระเจ้าเอกทัศ ทำให้เกิดผลกระทบถึงพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันที่ยังคงครองราชย์อยู่หรือไม่ คือคำตอบ

ถ้าไม่มีผลกระทบ ก็ “อาจจะ” ไม่เป็นการกระทำผิดมาตรา 112 แต่ถ้ามีผลกระทบ ก็หมายความว่า เป็นการกระทำผิดมาตรา 112 และคำพิพากษานี้จะเป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาคดีต่อๆ ไป

ดร.ปิยบุตร ตั้งคำถามไปแล้ว ถึงคราวผมตั้งคำถามถึง ดร.ปิยบุตร บ้าง คำถามคือ

1) ทำไมแบบเรียนไทยต้องเขียนด่าพระเจ้าเอกทัศ ทำไมหนังสือเรียนต้องมีบทเรียนที่ด่าพระมหากษัตริย์ ช่วยมาตอบด้วย

2) ตกลง รศ.ดร.ปิยบุตร เรียนจบกฎหมายทั้งปริญญาตรี โท เอก มาจากที่ไหน จบจริงหรือไม่ หรือเรียนจบมาได้ยังไง เป็นรองศาสตราจารย์ทางด้านกฎหมายได้ยังไง ถึงไม่เข้าใจกฎหมายหรือตีความกฎหมายผิดเพี้ยน สงสัยมาก

3. เรียนจบมาจริง มีความรู้แตกฉายเรื่องกฎหมายจริง แต่ตั้งใจบิดเบือน เผื่อยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความเกลียดชังหรือต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่

4. ทำไมรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐหรือคนไทยและสังคมไทย ปล่อยให้คนที่มีทัศนคติและพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันหมายถึงการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เดินลอยหน้าลอยตา ให้ข้อมูลบิดเบือนต่อสังคม เพื่อยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความเกลียดชังหรือต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ อันหมายถึงการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อยู่ได้อย่างไร และจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน หรือจงใจให้เขาแสดงบทนำ และจะรอให้นานพอ หรือรอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผลของการบิดเบือน ยุยง ปลุกปั่นเหล่านั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในที่สุด

ขอคำตอบด้วย

แน่นอน, การเมืองไทย กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ระหว่าง “ความจริง” อย่างตรงไปตรงมา กับการ “บิดเบือน” ความจริง เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

ที่น่าสนใจไปกว่านั้น การสาวไส้ “ทักษิณ” ยุครัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ของ “จตุพร” ยังสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น มีเบื้องหลังมาจาก “ทักษิณ” อย่างไม่ต้องสงสัย ตรงตามที่หลายคนคาดคิดมาก่อนแล้ว ว่า ทำไม “นิรโทษกรรมเหมาเข่ง” จึงดูไม่ชอบมาพากล

เหนืออื่นใด ยังสะท้อนให้เห็นด้วยว่า “ทักษิณ” เป็นคนอย่างไร ที่ขายฝันกับคนไทยอยู่ในเวลานี้เชื่อได้หรือไม่?