พรรคก้าวไกลประกาศชัดเจนว่า หนึ่งในนโยบายของพรรคคือ การแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 กฎหมายที่ใช้ปกป้องการดูหมิ่น หมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แล้วย้ายมาตรานี้ออกจากความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักรไปอยู่หมวดเดียวกับกฎหมายหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา แล้วให้สำนักพระราชวังเป็นผู้กล่าวโทษ
ก่อนจะประกาศนโยบายนี้พรรคก้าวไกลก็มีนโยบายชัดเจนในการสนับสนุนการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเรารับรู้ว่า การปฏิรูปเป็นเพียงบันไดขั้นแรกที่ต้องการลดทอนบทบาทและสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่คนที่มีความคิดนี้มีจุดมุ่งหมายที่แท้จริงคือการเป็นสาธารณรัฐ
การเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเป็นเพียงการเปิดประตูไปสู่เป้าหมายที่ซ่อนเร้นเท่านั้นเอง
ลองคิดดูว่าแม้จะมีมาตรา 112 แต่คนที่ไม่ยอมรับสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ประสบความสำเร็จในการผลักดันคนรุ่นใหม่ให้ออกมาทลายเพดานของสังคมในการพูดจาหมิ่นแคลนสถาบันพระมหากษัตริย์ จนกฎหมายต้องบังคับใช้ แล้วพวกที่อยู่ข้างหลังก็ปรบมือเชียร์คนรุ่นใหม่เหล่านั้นว่ามีความกล้าหาญที่กล้าท้าทายทลายเพดานของสังคมไทย
พวกที่เชียร์เด็กอยู่ข้างหลังนั้นก็ล้วนแล้วแต่ไม่กล้าทำความผิดเสียเอง แต่ดันหลังเด็กให้ออกมากระทำผิด เพื่อใช้เป็นข้ออ้างว่ากฎหมายไม่เป็นธรรมเพราะเอาผิดคนที่ใช้เสรีภาพและหลายคนเป็นเยาวชน
พวกเขาอ้างว่ากฎหมายมีปัญหาเพราะนับจากมีการชุมนุมเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน มีนักกิจกรรมการเมืองและประชาชนถูกดำเนินคดีในข้อหาตามมาตรา 112 อย่างน้อย 216 คน ใน 235 คดี ในจำนวนนี้เป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 17 คน
ตรรกะของพวกเขาพิกลพิการมาก โดยกล่าวว่าที่มีคนถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 มากนั้นเพราะเป็นความผิดของกฎหมาย ทั้งที่จริงแล้วเหตุผลที่มีผู้ถูกดำเนินคดีมาก เพราะมีผู้กระทำผิดมากนั่นเอง เช่นคงจะไม่ถูกต้องถ้าเราจะกล่าวหาว่า ปัจจุบันมีนักโทษที่กระทำผิดจากคดียาเสพติดมาก เพราะกฎหมายยาเสพติดมีปัญหา ดังนั้นต้องแก้ไขกฎหมายยาเสพติดให้มีโทษน้อยลงหรือยกเลิกกฎหมายยาเสพติดเสีย
เมื่อพรรคก้าวไกลมีท่าทีชัดเจนในการสนับสนุนการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็เลยใช้อำนาจหน้าที่ในสภาฯ ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติเป็นช่องทางในการแสดงท่าทีที่สนับสนุนและปกป้องกลุ่มคนที่กระทำผิดตามมาตรา 112 จนประกาศเป็นนโยบายที่จะแก้ไขมาตรานี้เพื่อลดสถานะของพระมหากษัตริย์ให้เหลือเท่าเทียมกับบุคคลธรรมดาคือย้ายกฎหมายหมิ่นประมาทไปอยู่ในหมวดเดียวกัน
ทั้งที่พวกเขาก็ยอมรับและรับรู้อยู่ว่า ทุกประเทศก็มีกฎหมายปกป้องประมุขของรัฐแยกออกจากประชาชนโดยทั่วไปทั้งนั้น ในสหรัฐอเมริกาก็มีกฎหมายในการป้องกันการดูหมิ่นและหมิ่นประมาทประธานาธิบดี เคยมีคนเขียนกวีดูหมิ่นประธานาธิบดีและถูกศาลจำคุก 33 เดือน
หรือการอ้างว่า หลายประเทศที่มีกฎหมายปกป้องการดูหมิ่นและหมิ่นประมาทประมุขของรัฐเช่นเดียวกับเรา แต่เขาแทบจะไม่มีการบังคับใช้ ก็ฟังแล้วตลกดี เพราะไม่ว่ากฎหมายของประเทศไหนในโลกนี้ถ้าไม่มีคนกระทำผิดกฎหมายก็จะไม่บังคับใช้อยู่แล้ว แต่เมื่อมีคนทำผิดมากกฎหมายก็ต้องบังคับใช้มากเป็นธรรมดา ประเทศที่มีกฎหมายแต่คนฝ่าฝืนแล้วไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ก็ต้องถือเป็นรัฐล้มเหลว
หรือการอ้างว่ามีการใช้มาตรา 112 อย่างไม่เป็นธรรมนั้นก็ใช้ไม่ได้ใน พ.ศ.นี้แล้ว แต่ยอมรับว่าในอดีตการดำเนินคดีตามมาตรา 112 นั้นรายละเอียดของข้อหาแทบไม่มีเปิดเผยต่อสาธารณะ ผู้ต้องหามักเผชิญอุปสรรคตลอดคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขอประกันตัวชั่วคราว มีการกักขังก่อนพิจารณาคดีในศาลหลายเดือน แต่ในปัจจุบันไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว เพราะเราจะเห็นได้ว่า ผู้ถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 จะได้รับการประกันตัวทุกคน มีการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผย และมีหลายคดีที่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง
ดังนั้นผู้ถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 จึงได้รับความเป็นธรรมตามตัวบทกฎหมาย ตามพฤติกรรมที่กระทำ จากกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มเปี่ยม มีการพิสูจน์ได้จากการพิจารณาคดีมาตรา 112 หลายคดีในยุคนี้
พรรคก้าวไกลอ้างว่า มาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่บทบัญญัติของมาตรา 112 นั้นเขาห้ามดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ดังนั้นแปลว่า พรรคก้าวไกลมองว่าเสรีภาพของประชาชนคือ การดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เช่นนั้นหรือ
จริงๆ แล้วการมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อยู่ในมาตรานี้ด้วยนั้นก็สะท้อนชัดเจนว่า กฎหมายมีจุดมุ่งหมายที่จะปกป้องประมุขของรัฐ ซึ่งยอมรับกันว่า แม้ประเทศไหนก็มีมาตรานี้อยู่
อย่างที่บอกว่า การเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเป็นเพียงบันไดก้าวแรกของการลดทอนบทบาทและสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น การเรียกร้องให้แก้ไขมาตรา 112 ก็เช่นกัน พวกเขาต้องการเรียกร้องให้สามารถมีเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ได้โดยเสรี แต่เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือการยกเลิก เมื่อไม่นานมานี้ปิยบุตร แสงกนกกุล หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคว่า เขาต้องการ ส.ส.แบบปฏิวัติที่กล้าจะยกเลิกมาตรา 112 นั่นแสดงว่านี่แหละคือเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขา
ปิยบุตร เคยกล่าวไว้ว่า สิ่งที่เราต้องยอมรับ คือธรรมชาติของสถาบันพระมหากษัตริย์คือสิ่งที่ล้าสมัยไปแล้วกับโลกสมัยใหม่ ความล้าสมัยคือ 1. การเอาอำนาจสูงสุดไปอยู่ไว้ที่คนคนเดียว 2. คนคนนั้นสืบทอดมาตามสายเลือด 3. การไม่แบ่งแยกเรื่องสาธารณะกับเอกชนออกจากกัน แต่เหตุใดหลายๆ ประเทศยังคงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้ได้อยู่ หากเราไปดูในประวัติศาสตร์โลกที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงจากระบอบกษัตริย์อยู่เหนือกฎหมายเกิดขึ้นเพียงสองทางเท่านั้น คือกลายมาเป็นระบอบกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมาย (Constitutional Monarchy) หรือกลายมาเป็นสาธารณรัฐ สุดท้ายถ้ากษัตริย์ไม่ปรับตัว หน่วยอำนาจใหม่ชนะก็จะกลายเป็นสาธารณรัฐ แต่ถ้าไปดูประเทศที่เปลี่ยนมาเป็น Constitutional Monarchy ได้ ก็เพราะกษัตริย์ยอมลดทอนอำนาจตัวเองลงให้มาอยู่ใต้ระบอบประชาธิปไตยเพื่อรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้
ปิยบุตรบอกว่า ประเทศที่สถาบันกษัตริย์ปรับตัวไม่ได้แล้วปลาสนาการหายไปจากแผ่นดินนั้นเลย เหตุหลักๆ เป็นเพราะไปเหนี่ยวรั้งขัดขืนการเปลี่ยนแปลง
ไม่ต้องสงสัยว่า การแสดงออกของเขาพอทำให้เราคาดการณ์ได้ว่าสิ่งที่ปิยบุตรใฝ่ฝันนั้นไม่ใช่ Constitutional Monarchy หรอก แต่เป็นระบอบสาธารณรัฐ เพราะถ้าเขาใฝ่ฝัน Constitutional Monarchy ตอนนี้ประเทศของเราก็เป็น Constitutional Monarchy อยู่แล้ว
เราต้องยอมรับว่า ทัศนคติด้านลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์กำลังถูกปลูกฝังในหมู่คนรุ่นใหม่จำนวนมาก เพราะคนพวกนี้ไม่ได้สัมผัสการทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนจำนวนมากของพระมหากษัตริย์รัชกาลต่างๆ แม้แต่ในหลวงรัชกาลปัจจุบันที่ทำงานหนักผ่านบทบาทขององคมนตรี และชนชั้นกลางจำนวนหนึ่งเริ่มคล้อยตามความคิดนี้ ด้านหนึ่งมาจากพ่อแม่ที่เชื่อตามลูกหลานของตัวเอง พรรคก้าวไกลจึงประสบความสำเร็จมากในเขตเมือง หรือได้รับเงินภาษีอุดหนุนพรรคการเมืองที่สูงจากคนวัยทำงาน
ไม่รู้ว่าพรรคก้าวไกลจะประสบความสำเร็จแค่ไหนในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่พวกเขาประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้วที่ทำให้คนจำนวนมากเดินตามความคิดที่ท้าทายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของพวกเขา
ติดตามผู้เขียนได้ที่https://www.facebook.com/surawich.verawan