ฟาดกันเอง! “ปิยบุตร” สุดทน “ก้าวไกล” ไม่รุกต่อ แก้ “ม.112” หลังถูกประธานสภาเบรก ซัด ทำเหมือน “ใช้หาเสียง-เอาใจม็อบ 3 นิ้ว” “อานนท์” เปิดชื่อ “6 คน” ร่วมป่วนเอเปก จ่อโดนไต่สวนถอนประกัน ปลุกสู้ต่ออย่ากลัว
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (26 พ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ซึ่งเคยเป็นอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ ส.ส.ย้ายมาอยู่พรรคก้าวไกล หลังถูกยุบพรรค โพสต์ประเด็น [พรรคก้าวไกลกับการแก้ 112]
โดยระบุว่า “ผมได้แสดงความเห็นกรณีพรรคก้าวไกล กับการแก้ 112 ไปในไลฟ์ เมื่อสองวันก่อน
เผื่อท่านใดไม่ถนัดกดฟังคลิปยาวๆ ผมจึงขอสรุปสั้นๆ ในโพสเดียวจบ ดังนี้
…
พรรคก้าวไกลเสนอแก้ 112 แต่ประธานสภาวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 เพราะมีเหตุยกเว้นความผิด จึงไม่บรรจุเข้าสภา เรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่พรรคก้าวไกลไม่ทำอะไรต่อ นอกจากเอาไปเป็นนโยบายพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า
การไม่ทำอะไรเลยในช่วงเวลาเกือบปี แล้วป่าวประกาศว่า พรรคก้าวไกล เสนอร่างแก้ 112 แล้วนะ แต่ติดที่ประธานสภา เอาเข้าจริง จะไม่ต่างอะไรกับการไม่ทำอะไรเลย และจะทำให้สังคมและพรรคอื่นๆ คิดไปว่า พรรคก้าวไกล เสนอแก้ 112 โดยไม่หวังผลสำเร็จ แต่ทำไปเพื่อรักษาคะแนนคนรุ่นใหม่ ให้ได้ชื่อว่า “กูทำแล้วนะ”
สุดท้าย การเสนอร่าง พ.ร.บ. แก้ 112 ของพรรคก้าวไกล หวังผลสำเร็จ หวังการผลักดันเข้าสภาจริงๆ หรือ หวัง “ได้แต้ม” ทางการเมืองกันแน่? ณ เวลานี้ ข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนว่า ไม่ว่าจะยกเลิก 112 หรือแก้ใหญ่ 112 อย่างไรก็ติดล็อกที่ประธานสภา ในขณะที่ไม่มีพรรคใดที่จะเสนอแก้ 112 เลย นอกจากพรรคก้าวไกล แล้วทำไมพรรคก้าวไกลไม่คิดทำอะไรต่อ
ในเมื่อร่างยกเลิก 112 หรือร่างแก้ใหญ่ 112 แบบที่พรรคก้าวไกลเสนอ ไม่มีทางได้เข้าสภา (เว้นแต่ในอนาคต พรรคก้าวไกลเป็นเสียงข้างมาก เป็นประธานสภา ซึ่งไม่รู้เมื่อไร) ทำไมพรรคก้าวไกลไม่ยอมเสนอร่างแก้ 112 ใหม่เข้าไป ปรับแก้ตามที่ประธานสภาวินิจฉัย (ตัดเหตุยกเว้นความผิดออก) ให้เป็นร่างที่พอจะเข้าสภาได้ เพื่อเปิดประตูสภาแห่งนี้ให้พิจารณาเรื่อง 112 สักที แล้วชี้แจงประชาชนให้เข้าใจว่าทำไปเพราะอะไร
การเสนอร่างแก้ 112 แล้วติดล็อก และไม่คิดทำอะไรต่อ ในท้ายที่สุด จะกลายเป็นการเล่นเกมการเมือง หาคะแนน ให้คนรุ่นใหม่รู้สึกว่าพรรคก้าวไกลได้ทำแล้ว แต่ติดปัญหาที่ผู้อื่น ทำให้ทำไม่ได้ สุดท้ายไม่เกิดมรรคผลใด เป็นการ “ปลดเปลื้อง” ภาระที่พรรคแบกไว้ว่า “เออ น้องๆ เยาวชน กูทำแล้วนะ แต่ทำไม่ได้”
ตกลงอยากแก้ 112 จริงๆ หรือเอามาเป็นเครื่องมือการหาคะแนนเสียงกันแน่?
ผมเห็นว่า ส.ส. ทำอะไรได้มากกว่าไปประกันตัว ไปสังเกตการณ์การชุมนุม ออกมารับหนังสือร้องเรียน หรือให้ คณะกรรมาธิการพิจารณา ทั้งหมดนี้ได้ “หน้าข่าว” แต่ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงใด
ผมอยากให้พรรคก้าวไกลลองทบทวนและถามตนเองดู
สุดท้ายอยากแก้ 112 จริงๆ
หรือ อยากเอาเรื่องแก้ 112 มาหาเสียงกันแน่?
ผมโพสต์ทั้งหมดด้วยจุดยืนต้องการยกเลิก 112 แต่คิดในทางปฏิบัติว่าเราจะทำอะไรได้บ้างในสถานการณ์แบบนี้”
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก ผศ.ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์โพสต์ 5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555...(เยอะมาก)
พร้อมทั้งแชร์โพสต์เฟซบุ๊กของ Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา
ระบุว่า “เรามาดีเบตกันให้มันจบๆ ดีกว่าครับ พี่น้องประชาชนรอมานานมากกว่า 3 ปีแล้ว ประชาชนทั้งประเทศจะได้รู้ซึ้งกันไปเลยว่า ปัญหาที่แท้จริง คือ ม.112 หรือ คนอย่าง Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล กันแน่ ที่คอยชี้นำทางความคิดอย่างบิดเบือน หลอกใช้ให้ผู้อื่นละเมิด ม.112 ทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเองอย่างอำมหิตเลือดเย็น?”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายอานนท์ นำภา ทนายประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าราษฎร หรือม็อบ 3 นิ้ว โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า
“อันนี้บันทึกไว้หน่อย : แค่สงสัยว่าพวก ศปปส.ไปยื่นถอนประกัน มาย ใบปอ หนอนบุ้ง ตะวัน โดยไม่ยื่นถอนเก็ทกับโจเซฟ ซึ่งทั้งเก็ทกับโจเซฟได้ถูกศาลสั่งให้มาไต่สวนก่อนหน้านั้น (ไม่ได้ออกข่าว)
สงสัยว่า พวกเขารู้ได้ยังไงว่าใครโดนศาลเรียกแล้วบ้าง ใครที่ศาลยังไม่ได้เรียก
เท่าที่จะมีการไต่สวนถอนประกันจากกิจกรรมช่วงเอเปกน่าจะมีอย่างน้อย 6 คนเท่าที่ทราบ คือ มาย ใบปอ หนอนบุ้ง ตะวัน เก็ท และ โจเซฟ
ในประเทศเผด็จการก็งี้ ขยับอะไรยากหน่อย ต่อให้รัฐธรรมนูญเขียนว่าการชุมนุมคือเสรีภาพ แต่สำนึกคนในชาตินี้ยังไม่เข้าใจและรัฐยังใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ
ก็สู้กันต่อไปครับ อนาคตเป็นของพวกเรา และเราจะสู้ไปด้วยกัน”
ทั้งนี้ การไต่สวนเพิกถอนประกันตัว 6 คน ตามที่ นายอานนท์ นำภา ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก ได้แก่ 1. น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ แกนนำม็อบราษฎรหยุดเอเปก ที่ลานคนเมือง เสาชิงช้า กทม. 2. น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือ ใบปอ นักกิจกรรมเคลื่อนไหวกลุ่มทะลุวัง 3. น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ หนอนบุ้ง นักกิจกรรมเคลื่อนไหวกลุ่มทะลุวัง 4. น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน นักเคลื่อนไหวกลุ่มทะลุวัง 5. นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือ เก็ท นักกิจกรรมเคลื่อนไหวกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ และ 6. นายกฤษพล ศิริกิตติกุล หรือ โจเซฟ ทั้ง 6 คนดังกล่าวเป็นผู้ต้องหาคดี ม.112
แน่นอน, ประเด็นที่ทำเอาหลายคนงงมาก ก็คือ กรณี “ปิยบุตร” ออกมาฟาดฟัน พรรคก้าวไกล พวกกันเองผ่านเพจเฟซบุ๊กอย่างแรง ทั้งที่หลายคนเข้าใจว่า “นายธนาธร-นายปิยบุตร” คือ เนื้อหนังเดียวกันกับพรรคก้าวไกล ซึ่ง ส.ส.ย้ายมาจากอดีตพรรคอนาคตใหม่ และนโยบายหลายอย่าง “ธนาธร-ปิยบุตร” น่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วย
แต่กลับกลาย ดูเหมือน พรรคก้าวไกล แข็งข้อ ไม่ทำตามเจ้านายเก่าชี้แนะหรือไม่ “ปิยบุตร” จึงเดือดดาล ซัดไม่ยั้งอย่างนี้
ความจริง ถ้าพูดถึงแนวคิดยกเลิก หรือ แก้ไข ม.112 ถือว่า “ปิยบุตร” เป็นคนที่เอาจริงเอาจังเรื่องนี้อย่างมาก และมีการนำเสนอยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีต่างๆ นานา เพื่อผลักดันสู่สาธารณชน จนถูกมองว่า เขาคือต้นคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ และถูกกล่าวหาว่า อยู่ในขบวนการ “ล้มเจ้า” โดยที่เจ้าตัว ไม่ได้หวั่นเกรงแต่อย่างใด แถมยังคงนำเสนอยกเลิกหรือแก้ไขม.112 อย่างไม่ท้อถอย
ถ้ามองในแง่นี้ ก็พอเข้าใจได้ว่า “ปิยบุตร” อาจไม่พอใจพรรคก้าวไกล ที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ หรือ ดูเหมือน “ใส่เกียร์ว่าง” เรื่องนี้
แต่ถ้ามองอีกมุม หรือว่า “ปิยบุตร” กับ พรรคก้าวไกล เริ่มไม่กินเส้นกันแล้ว? หรือมีปัญหาภายในพรรคก้าวไกล ที่ต้องการ “อิสระ” ในการตัดสินใจทำอะไร หรือไม่ทำอะไรทางการเมือง?
จึงนับว่าน่าจับตามอง ท่ามกลางการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า ประเด็นแก้ ม.112 จะถูกยกขึ้นมาเป็นนโยบายหลักในการหาเสียงมากน้อยแค่ไหน หรือ แค่เสนอเอาไว้ เพื่อเอาใจกองเชียร์เท่านั้น อย่างที่ “ปิยบุตร” ออกมากระทุ้ง
อย่าลืม คนเคยเป็น ส.ส.ก็อยากกลับมาเป็น ส.ส. ไม่อยากฝืนกระแสประชาชน ไม่เหมือนบางคนที่หมดโอกาสแล้ว เรื่องพรรค์นี้ก็เลยพูดง่าย หรือไม่?
