เมืองไทย 360 องศา
แน่นอนว่า เวลานี้บรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่ “พี่โทนี่ วู้ดซัม” นายทักษิณ ชินวัตร ต้องออกแรงประสานเสียงเดียวกันว่า “ยังไม่ถึงเวลา” เสนอชื่อใครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ซึ่งมันก็ถูกต้อง เพราะในความเป็นจริงแล้ว ถือว่ายังมีเวลาที่จะประกาศรายชื่ออีกตั้งหลายเดือน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
อย่างไรก็ดี มันก็น่าเป็นงงสงสัยเหมือนกันว่า ในพรรคนี้ประกาศตัวว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ทุกลมหายใจมีแต่เรื่องประชาธิปไตย มีหลักการ แต่ทำไมเวลาพูดเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค กลับไม่มีชื่อหัวหน้าพรรค ที่เวลานี้คือ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” เป็นนายกรัฐมนตรีสักครั้งเดียว เพราะล่าสุด ดันมีชื่อของ “นายเศรษฐา ทวีศิลป์” นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ เข้ามาแทนตามข่าวบอกว่าอาจจะเป็น “เบอร์หนึ่ง” ด้วยซ้ำไป
เพราะหากลองสำรวจทุกพรรคจะเห็นว่าล้วนแล้วแต่ต้องเสนอชื่อหัวหน้าพรรคของตัวเอง เป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือ บางพรรคก็อาจมีชื่อของระดับประธานพรรค เป็นเบอร์หนึ่ง แต่รับรองว่าหัวหน้าพรรคก็เป็นอันดับสองชัดเจน ยืนยันกันล่วงหน้า มันถึงได้ตั้งคำถามไว้ก่อนว่า พรรคเพื่อไทยมันเป็นประชาธิปไตยแบบไหน ที่หัวหน้าพรรคกลับไม่มีชื่อติดอยู่ในโผรายชื่อ เพราะแม้แต่อันดับสามก็ยังไม่ชัวร์ มันถึงได้มองว่า “พิลึก” จริง
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเปิดนโยบายพรรคในฟอรัม 2 ว่า จะมีมาเรื่อยๆ แต่เวลายังไม่กำหนด ต้องดูสถานการณ์ด้วย เมื่อเปิดมาจะเป็นอะไรที่ว้าว สามารถจับต้องได้ เพราะของดียังไม่ออกอีกเยอะ
เมื่อถามถึงเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย นายสุทิน กล่าวว่า คุยกันไปเรื่อยๆ แต่เราคงไม่เปิดไว้ก่อน เปิดไว้นานไม่ดี คิดว่าใกล้เวลาที่สุด แต่ก็พอๆ รู้อยู่นี่ เราต้องดูสถานการณ์แต่ก็พร้อมเคาะทุกเมื่อ
ถามว่า หากเป็นชื่อของ นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจ คนอีสานจะให้การตอบรับแค่ไหน นายสุทิน กล่าวว่า คนอีสานเขาเอาเพื่อไทย ดูเรื่องความเชื่อถือของพรรค คงดูเรื่องนโยบายมากกว่า
เมื่อถามว่า ยังยันยืนว่า จะส่งครบทั้ง 3 ชื่อใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะ 3 ชื่อหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ มากกว่าหนึ่ง
ก่อนหน้านั้น นายสุทิน ได้กล่าวถึงกระแสข่าวนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยว่า บุคคลทั้งคู่ถือว่ามีคุณสมบัติเหมาะสม มีจุดแข็งทั้งคู่ นายเศรษฐา เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จ เป็นนักบริหารที่ประเทศต้องการ เพราะมีความรู้ ความเข้าใจด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ก็เป็นคนรุ่นใหม่ สามารถนำเอาเทคโนโลยีและดิจิทัลต่างๆ มาแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ ที่สำคัญมีฐานคะแนนนิยมสูงมากในขณะนี้ ดังนั้นคู่นี้ใครก็ได้เป็นนายกฯ ได้หมด เชื่อว่าจะสร้างโอกาสให้พรรคแลนด์สไลด์ได้อย่างแน่นอน ส่งผลให้เราชนะเลือกตั้ง ได้เป็นรัฐบาลที่แข็งแรงแน่ๆ
“หาก น.ส.แพทองธาร ได้เป็นนายกฯ แม้จะอายุไม่มาก แต่ก็จะได้ ครม.ที่ล้อมรอบไปด้วยผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ ช่วยเติมเต็มการทำงานได้ จะแตกต่างจาก 8 ปีที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง” นายสุทิน กล่าว
ฟังจากคำพูดของ นายสุทิน ข้างต้น คนที่ถูกพูดถึงกลายเป็นคนอื่น ซึ่งก็คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” หรือแม้แต่ล่าสุดก็ยังเป็น นายเศรษฐา ทวีศิลป์ ที่เป็นคนนอกพรรค กลับไม่มีการเอ่ยถึงหัวหน้าพรรคเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าสังคมจะรับรู้กันทั่วอยู่แล้วว่า พรรคนี้เป็นของ นายทักษิณ ชินวัตร หรือของครอบครัวชินวัตร แต่ในระบบหรือหลักการตามระบอบประชาธิปไตย หัวหน้าพรรคต้องมีบทบาทสำคัญ สามารถกำหนดทิศทางของพรรคอย่างโดดเด่น เพราะบทบาทที่ผ่านมาล้วนถูกมองว่าไม่ต่างจาก “เด็กในบ้าน” ไม่มีความหมาย
อย่างไรก็ดี เมื่อหันกลับมาพิจารณารายชื่อที่มีการคาดหมายกันตั้งแต่แรก คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” ลูกสาวคนเล็กของ นายทักษิณ ชินวัตร และล่าสุด ก็ปรากฏชื่อ นายเศรษฐา ทวีศิลป์ ออกมา โดยยังมีการระบุว่า อาจจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยอันดับหนึ่งอีกด้วย ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง” จะเป็นอันดับสอง ไม่ต้องพูดถึงอันดับสาม ที่ไม่เคยมีชื่อของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อยู่ในสายตาเลย
แต่เมื่อโฟกัสเอาเฉพาะแค่ 2 ชื่อที่ว่า มันก็ทำให้ต้องมาพิจารณาถึงความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนอีกด้วย เพราะหากมีการเชื่อมโยงให้เห็นที่มา ที่ไป และเป้าหมายของ “คนแดนไกล” ที่ต้องการกลับบ้านอย่างเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุก ก็ต้องมั่นใจว่าต้องชนะการเลือกตั้งแบบ “แลนด์สไลด์” เท่านั้น นั่นคือต้องเกิน 250 เสียงขึ้นไป ซึ่งหลายคนเห็นตรงกันว่า “มันยากมาก” ในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งด้วยคู่แข่ง การห่างหายขาดตอนจากอำนาจ เพราะแม้ว่าจะชนะเลือกตั้งขาดลอย แต่ก็ไม่มีหลักประกันเลยว่าจะได้เป็นรัฐบาล
ดังนั้น หากต้องการให้บันใดขั้นแรกสำเร็จก็ต้องทำให้แลนด์สไลด์ได้ก่อน และการที่จะเกิดปรากฏการณ์อย่างนั้นได้ คนที่เป็นแคนดิเดตเบอร์หนึ่ง ก็ต้องทำให้เกิดความมั่นใจมากที่สุด และที่สำคัญต้อง “ไว้ใจได้ที่สุด” คำถามก็คือ หากเทียบกันระหว่าง “เศรษฐา กับอุ๊งอิ้ง” ไว้ใจได้หรือไม่ ก็ต้องตอบแบบไม่ต้องคิดว่า ไว้ใจได้อยู่แล้ว เพราะ นายเศรษฐา ถือว่าแนบแน่นกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เชื่อว่า สังคมรับรู้กันได้ หรือแม้แต่กับนายทักษิณ ก็คงไม่ต่างกัน
แต่หากพิจารณากันตามสถานการณ์ และความมั่นใจ โดยมองเข้าใจ ในใจของ นายทักษิณ ชินวัตร แล้วคิดว่าเขาจะเลือกใคร หากไม่ใช่ น.ส.แพทองธาร ที่เป็นทายาทโดยตรง แม้อาจมีข้อแย้งว่า “ไร้ประสบการณ์” เคยมีเรื่องฉาวเอนทรานซ์ แต่ถึงอย่างไร ภาพของทายาทของนายทักษิณ สำหรับพรรคเพื่อไทยน่าจะขายได้ดีกว่านายเศรษฐา อยู่แล้ว นอกเหนือจากความไว้ใจได้ที่ต้องมากกว่า อีกทั้งระดับนายเศรษฐา ในระดับชาวบ้าน หากเทียบกับลูกสาวคนเล็กแล้ว ก็ยังถือว่ามีคนรู้จักในวงแคบเท่านั้น แม้ว่าจะบอกว่า “ส่งใครก็ได้” ก็ตาม
หากมองกันตามนี้ ก็ยังมั่นใจว่า การมีชื่อของนายเศรษฐา ทวีศิลป์ โผล่ออกมาในช่วงนี้ น่าจะเป็น “ชื่อหลอก” หรือหยั่งกระแส “โยนหิน” มากกว่า และ “ตัวหลัก” แคนดิเดตเบอร์หนึ่ง ยังน่าจะยังเป็น “อุ๊งอิ๊ง” เช่นเดิม และเป็นมาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เนื่องจากจะกลายเป็นเป้าโดยไม่จำเป็น อีกทั้งด้วยเหตุผลทายาททางสายเลือดของ “เจ้าของคอก” ตัวจริง และด้วยยุทธศาสตร์ “พาพ่อกลับบ้าน” มันก็ใช่เลย ผิดไปจากนี้ไม่ได้แน่นอน!!