ถึงคิวเชือดดารา “ป.” เอี่ยวแก๊ง Forex3D รวยเงียบซุกแอสตันฯ คันละ 30 ล้าน!!! ** อึ้ง!!! “ชวน หลีกภัย” ผู้อยู่เบื้องหลังคว่ำร่าง กม.กัญชาฯ

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ถึงคิวเชือดดารา “ป.” เอี่ยวแก๊ง Forex3D รวยเงียบซุกแอสตันฯ คันละ 30 ล้าน!!!

คดี Forex 3D นาทีนี้ต้องบอกว่ายังกะพริบตาไม่ได้ แต่ก่อนอื่นขอส่งข่าวไปยังบรรดา “รถทัวร์” ทั้งหลายที่มุ่งหน้าไป DSI และกระทรวงยุติธรรม จัด “ทัวร์ลง” จอดกันแน่นเอี๊ยด ถล่มเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน จากกรณีของพระเอกช่อง 3 “กระทิง” ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ และ “บอล” กัมมัญญ์ กลมแก้ว ที่มีคำถามคาใจว่า เมื่อทั้งคู่เป็นถึง “พ่อทีม” มีลูกข่ายเป็นสิบๆ คน ทำไมจึงไม่ถูกกล่าวโทษ ถูกดำเนินคดี

งานนี้ก็ขอให้ใจเย็นๆ ...เย็นไว้โยม ตั้งสติกันสักหน่อย ให้เวลาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกันสักนิด ก็อย่างที่ “ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์” เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่า จะลุยคดีเต็มสูบ ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และความเชื่อมโยงอื่นๆ ของพระเอกดัง ยืนยันไม่มีละเว้นใครแน่ถ้าทำผิด ไม่มีมวยล้มต้มคนดู

ประเด็นสำคัญ กฎหมายบ้านเราเป็นระบบกล่าวหา การที่ชาวโชเชียลฯบางคนที่จัดทัวร์ไปลงเจ้าหน้าที่ บอกว่า คดีฉ้อโกงไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหายไปแจ้งความ อันนี้ก็เห็นจะไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่า ทั้ง “กระทิง” และ “บอล” ไม่ได้มีชื่ออยู่ในกลุ่มคดี และยังไม่มี “ลูกข่าย” หรือผู้เสียหายไปแจ้งความ ทั้งสองคนก็ยังไม่ถูกออกหมายเรียก ต่างกับกรณีของ “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช ที่มีลูกข่ายและผู้เสียหายไปร้องทุกข์กล่าวโทษ

เมื่อโจทก์เป็นแบบนี้ก็ต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม หรือรอให้มีผู้เสียหายไปแจ้งความ กรณีของ “กระทิงและบอล” ที่เจ้าตัวยืนยันตอนที่ไปออกรายการ “โหนกระแส” ว่า ยินดีให้ตรวจสอบ และเมื่อไหร่ที่มีลูกข่ายไปแจ้งความ ทั้งคู่ก็พร้อม “รับสภาพ” เดินหน้าเข้าสู่การต่อสู้ทางคดี พิสูจน์ตัวเองเรื่องก็เลยต้องรอติดตามชมกันต่อไปด้วยประการฉะนี้

แม้ว่า เคสของ “กระทิงและบอล” จะต้องรอ แต่คดีแชร์ลวงโลก Forex 3D ที่โกงเหยื่อมูลค่ากว่าหมื่นล้านยังเดินหน้าต่อ
ไม่ต้องรอนาน แว่วว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมี “ตัวละคร” ที่เป็นผู้มีชื่อเสียงระดับ “ดารา” จะถูกฟันแน่ๆ เพราะหลักฐานมัดตัว ทั้งเส้นทางการเงิน และความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับคนใกล้ชิด “อภิรักษ์ โกฎธิ” ซีอีโอแชร์ลวงโลก ที่อยู่ในคุกแล้ว

ถามว่า ดาราคนนี้คือใคร? บอกใบ้ให้สักนิดว่า ชื่อ “ป.” เป็นนักแสดงหนุ่มใหญ่ มักได้รับบทบาทให้เล่นละครจักรๆ วงศ์ๆ โลดแล่นอยู่ในวงการมายามากว่า 30 ปี เชื่อว่า เปิดหน้ามา คอบันเทิงต้องคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี

ส่วนตัวของเขามีภรรยาและลูกแล้ว แต่ก็คบหากับอดีตภรรยาของอภิรักษ์ จึงเข้ามาเอี่ยวกับขบวนการ Forex3D เห็นว่า ที่ผ่านมา ซุกเงินซุกทองที่ได้จากการโกงเหยื่อไว้เยอะ รวยแบบเงียบๆ โดยเฉพาะแปลงเงินเป็น “ซูเปอร์คาร์”

ว่ากันว่า รสนิยมซูเปอร์คาร์ ของนักแสดง “ป.” สุดจัดปลัดไม่ต้องบอก ที่รู้ๆ มีแอบซุกไว้กระทั่ง “แอสตันมาร์ติน” ราคากว่า 30 ล้าน ไว้ในครอบครองก็มี ธรรมดาซะที่ไหน

นี่เป็นหนึ่งในขบวนการ Forex3D แชร์ลวงโลกที่โกงชาวบ้านมามากมายมหาศาล ที่ตอนนี้ถึงคิว DSI รอเชือด
โปรดอย่ากะพริบตา ...ไม่เกินสัปดาห์นี้ อดใจรอชมโฉมหน้าดารา “ป.” ผู้ที่จะตกเป็นผู้ต้องหาคดีนี้อีกหนึ่งคนกันได้เลย









** อึ้ง!!! “ชวน หลีกภัย” ผู้อยู่เบื้องหลังคว่ำร่าง กม.กัญชา

จากกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติให้ถอน ร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง พ.ศ. … ออกจากวาระประชุมโดยให้มีการทบทวนร่างกฎหมายใหม่อีกครั้ง ยังมีเบื้องหลังมาเล่าสู่กันฟัง

งานนี้ต้องบอกว่าเป็น “เกมการเมือง” เตะตัดขากัน เพราะเจตนาที่ให้ถอนร่างฯ มี “ธง” ที่ไม่อยากให้กฎหมายนี้แล้วเสร็จ ถ้ากม.ผ่านก็เกรงว่า พรรคภูมิใจไทย ที่ผลักดันนโยบายจะได้หน้าได้ตา เก็บเกี่ยวคะแนนเสียงเป็นพรรคที่ไม่ได้ “ดีแต่พูด” แต่ “พูดแล้วทำ” อยู่พรรคเดียว

ทั้งๆ ที่ความเป็นจริง ร่างนี้ก็ไม่ใช่ร่างของ “พรรคภูมิใจไทย” ไม่ใช่ของ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แต่เป็นร่างของสภา เพราะผ่านวาระรับหลักการมาแล้ว

ฟังว่า มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน วางคนรับส่งกันต่อเป็นทอดๆ เพื่อขวางการพิจารณา กม.กัญชาฯ ของสภา แล้วพอสมปรารถนา งานลุล่วงก็ให้ “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” ส.ส.ตรัง ปชป. ออกมาพูดหล่อๆ ตีสำนวนที่เคลื่อนไหวให้ถอน ไม่ใช่เกมการเมือง แต่เป็นเพราะต้องการให้ปรับปรุง ปิดช่องว่าง ส่งกลับสภาเข้ามาใหม่ ดีกว่าเสี่ยงถูกคว่ำ

คล้อยหลัง “สาทิตย์” พูด ทาง “ศุภชัย ใจสมุทร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ... ก็ออกมา “จับโป๊ะ” ส.ส.ปชป.ว่า กระทั่งอ่านเนื้อหายังไม่ได้อ่าน แล้วจะเอาอะไรมาพูด

“บังซุป” จึงฟาดกลับไปนิ่มๆ แต่ทิ่มไปกลางใจว่า สิ่งที่ กมธ. พิจารณามานั้นครบถ้วนแล้ว ป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแก่สังคม ดังนั้น ต้องถามว่าจะให้ทบทวนเรื่องอะไร?

ดังนั้น ถามว่าจะให้ทบทวนเรื่องอะไร เพราะหาก “สาทิตย์” ได้อ่านเนื้อหาใน ร่าง พ.ร.บ.ก็จะเข้าใจ แต่นี่ไม่ได้อ่าน กลับอ้างว่า มีความหละหลวม เป็นการกล่าวหาเลื่อนลอย ไม่ได้เอาความจริงมาพูดและบิดเบือน อย่าทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนต้องเสียไป

อย่างที่เกริ่นไว้เรื่องนี้มันมีเบื้องหลัง นั่นก็คือว่า ก่อนสภาจะถอน ร่าง กม.วันที่ 13.ก.ย. “ฉันชาย สิทธิพันธุ์” ผอ.โรงพยาบาลจุฬาฯ พี่ชายฝาแฝด “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าฯ กทม. มายื่นหนังสือคัดค้านกับ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภา

“ฉันชาย” นั้น เป็นอาจารย์หมอ ที่รู้กันว่า อคติและค้านหัวชนฝาเรื่อง “กัญชา” ทั้งๆ ที่พืชสมุนไพรไทยตัวนี้ มีสรรพคุณทางการแพทย์แค่ไหนก็ตาม

พอ “ฉันชาย” มายื่นหนังสือคัดค้านกับ “ชวน” เมื่อวันที่ 13 ก.ย. เช้าวันรุ่งขึ้น 14 ก.ย. “สาทิตย์” ก็รับลูก นำทีมมาแถลง
ก่อนหน้านั้นฟังว่า ค่ำวันที่ 13 ก.ย. “ฉันชาย” ไปร่วมงานศพแล้วเจอ “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” โฆษกคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ... “ฉันชาย” ทักทายโฆษก กมธ. บอกว่า กม.จะไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของสภา แน่

เรียกว่า ฝ่ายต้านอินไซด์ มั่นอกมั่นใจกันเต็มที่ แน่นอนว่า ที่มั่นใจจะต้องมีใคร "ส่งซิก" ให้คำมั่นกับ “ฉันชาย” ว่า เอาด้วย และใครคนนั่นก็ต้องเป็นผู้มีอำนาจมากพอจะเบรกเรื่องนี้ได้

สืบไปสืบมาก็ถึงบางอ้อ!!... ปกติแล้วเวลามี ร่าง กม. จะเข้าสู่วาระสอง ทั่นประธานจะเรียก เจ้าหน้าที่กรรมาธิการ ไปชี้แจงสรุป
แต่เจ้าหน้าที่ กมธ. ก็รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ ไม่มีใครติดต่อมา รอจนค่ำวันที่ 13 ก.ย. ปรากฏว่า “หน้าห้อง” ประธานชวน โทร.บอกเจ้าหน้าที่ว่า ไม่ต้องมาชี้แจงแล้ว

สรุปว่า งานนี้ “ชวน หลีกภัย” ผู้ที่พูดแล้วพูดอีกว่า ตนเองเป็น “ผู้ยึดมั่นในระบบรัฐสภา” กลับกระทำตรงกันข้าม ล้มร่าง กม. ที่ตัวเองสั่งบรรจุ ไม่ให้พิจารณาในวาระสอง-สาม...นี่ละคนอยู่เบื้องหลังที่แท้ทรู