xs
xsm
sm
md
lg

“กระทิง” ขุนณรงค์ - “บอล” กัมมัญญ์ กับ Forex-3D เล่นจริง เจ็บเอง มีลูกข่าย แต่...เรื่องคดีต้องลุ้น?? **ดึงร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ปชป.เล่นเกมการเมือง ผวา ภท.รุกกินแดนภาคใต้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** “กระทิง” ขุนณรงค์ - “บอล” กัมมัญญ์ กับ Forex-3D เล่นจริง เจ็บเอง มีลูกข่าย แต่...เรื่องคดีต้องลุ้น??

กรณี แชร์ลวงโลก Forex-3D “กระทิง” ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ และ “บอล” กัมมัญญ์ กลมแก้ว พระเอกดังช่อง 3 เป็นคนดังสองรายล่าสุดที่ “เพจรวบรวมผู้โดนโกงจาก Forex-3D” ออกมาเปิดว่า เป็นหนึ่งใน “แม่ทีม” ที่มี “ลูกข่าย” คนละกว่า 14-17 คน ก็ปรากฏว่า ร้อนถึงเจ้าตัว “กระทิง” และ “บอล” ต้องออกมาเปิดใจผ่านรายการ “โหนกระแส” ของ “หนุ่ม กรรชัย”

งานนี้ ชีวิตจริงไม่ใช่ละคร เพราะแชร์ลวงโลก Forex-3D สร้างความเสียหายให้กับผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากด้วยมูลค่าที่ว่ากันว่าน่าจะหลักเกือบหมื่นล้าน ส่วนที่ทั้งสองพระเอกหนุ่มเข้าไปเกี่ยวโยงยังไง ฟังจากปากของ “กระทิง” ยอมรับว่า สนิทกับ “อภิรักษ์ โกฎธิ” เจ้าของ Forex-3D เคยได้ไปนั่งกินข้าวด้วยกันบ่อย ช่วงแรกๆ ไปออฟฟิศย่านรัชดา เพื่อดูความน่าเชื่อถือ ขณะที่ “บอล” กับ “อภิรักษ์” แค่รู้จักผ่านๆ ไม่ถึงขั้นสนิท

“กระทิง” ยอมรับว่า “ลูกข่าย” หรือ “ดาวน์ไลน์” ของตัวเองนอกจาก “บอล” แล้วยังมีอาทิ “กระปุก” และ “โต๋ ศักดิ์สิทธิ์” แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ชักชวนให้มาลงทุน เป็นเพียงพอมีใครมาถามว่า กำลังเล่นอะไรอยู่ ที่ทำให้มีเงินก็ตอบไปตามความจริง ส่วนพระเอกบอลนั้นมีดาวน์ไลน์อยู่ 17 คน

“กระทิง” ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์
“กระทิง และ บอล” ทั้งคู่ยืนยันว่า ตัวเองเป็นผู้เสียหาย และ ตกเป็นเหยื่อของ Forex-3D มาประมาณ 3 ปี สาเหตุที่ไม่แจ้งความ เพราะว่าช่วงแรกได้เงินปันผลจริง และไม่รู้เรื่องกฎหมายเลยถือว่า “ฟาดเคราะห์” ไป โดยที่ไม่มีใครเอาเงินยัดเพื่อปิดปาก พร้อมให้ตรวจสอบบัญชีทั้งครอบครัว และ ตัวเองก็ไม่เคยเอาเงินไปปิดปากใคร และที่ว่าร่ำรวยจาก Forex-3D มีรถหรูซูเปอร์คาร์ อย่างลัมบอร์กีนี ยืนยันว่า ยังไม่มีโอกาสได้เห็นแม้แต่พวงมาลัย

เห็นว่า ชีวิตมันเศร้าเคล้าน้ำตา บางช่วงบางตอนพระเอกถึงกับหลั่งน้ำตา ขอโทษที่คิดสั้นไปในตอนนั้น รู้แล้วว่าผลลัพธ์มันออกมาเป็นแบบนี้ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ขอโทษ ช่อง 3 ที่ทำให้เกิดผลกระทบ ซึ่งหากวันใดวันดาวน์ไลน์มาแจ้งความก็ต้องยอมรับสภาพ ผิดก็ว่าไปตามผิด และพร้อมจะลาจากวงการบันเทิง

เรื่องนี้น่าคิดว่า Forex-3D นั้น ดึงดูดคนในวงการบันเทิงเข้าไปในห่วงโซ่จำนวนมาก ด้วยความมีชื่อเสียง และน่าเชื่อถือ ซึ่ง “อาย-วราไพรินทร์ ธนวริสพร” หรือ “อาย สงครามนางงาม” คนในวงการบันเทิงคนแรกที่ได้ออกมาแสดงตัวว่าเป็นผู้เสียหายได้ โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรม โดยระบุว่า ถ้าจะแบ่ง ดารานักแสดงที่เล่น Forex เป็น 3 กรณี คือ 1. ดารา ที่เป็นเหยื่อเหมือนกัน คือ คนที่เล่นแล้วเสียหาย 2. ดารา ที่เป็นเหยื่อแล้วแนะนำต่อ คือ คนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งทั้ง 2 เคสนี้ ถ้าพร้อมก็เชื่อว่า..เขาจะออกมาพูดเอง

3. ดาราที่เป็นผู้ร่วมขบวนการ คือ คนที่เล่นและมีการรับเงิน Thank you จากทีมบริหารของ Forex ซึ่งเธอเห็นว่า อันนี้อยู่ที่เจตนาตอนแรกเลยว่า รับเงินเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรืออะไร

“บอล”  กัมมัญญ์ กลมแก้ว
“อาย” เชื่อว่า ทุกคนที่พลาดนั้น พลาดเพราะความน่าเชื่อถือ พลาดเพราะความไว้วางใจ 2 ข้อนี้เลยทำให้คนนับพัน นับหมื่นคนตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน และ ยังมีแชร์ลักษณะนี้ที่กำลังจะสร้างปัญหาให้สังคมไทย ขอให้ทุกคนโปรดระวังใจของตัวเอง ว่า จะต้านทานความโลภได้แค่ไหน

วันนี้ของ “กระทิง และ บอล” สถานะไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มที่ DSI กล่าวหา สรุปว่า ทั้งคู่เล่นแชร์ Forex-3D จริง เจ็บเอง ตกเป็นเหยื่อเพราะความโลภ แต่เรื่องของคดีจะถูกตรวจสอบหรือไม่ อย่างไร ก็ต้องติดตามกันต่อไป



**ดึงร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ปชป.เล่นเกมการเมือง ผวา ภท.รุกกินแดนภาคใต้
เป็นงง กันไปตามๆ กัน เมื่อร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่สภาได้รับหลักการในวาระ 1 ไปแล้ว จากนั้นมีการตั้ง กมธ.วิสามัญที่ประกอบไปด้วย ตัวแทนจากฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ แพทย์ ขึ้นมาพิจารณาจนกระทั่งแล้วเสร็จ เตรียมนำเข้าสู่การพิจารณา ในวาระ 2 และวาระ 3 เรียกว่าผ่านมาครึ่งค่อนทางแล้ว แต่จู่ๆ ก็เกิดสะดุดขึ้นมาอย่างเหนือความคาดหมาย
เมื่อ “พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ” ช่วยกันยกมือให้ถอนร่างออกไปก่อน เพื่อพิจารณาให้รอบคอบ โดยผลโหวตออกมาด้วยคะแนน 198 ต่อ 136 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง

อนุทิน  ชาญวีรกูล
ก่อนหน้าที่จะเข้าสู่การพิจารณา พอจะมีลางบอกเหตุอยู่บ้าง เมื่อ “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแถลงข่าวว่า ในที่ประชุมพรรคได้มีการหารือถึงเรื่องนี้ เห็นว่า ร่างกฎหมายที่ กมธ. ทำมา ยังมีความหละหลวมอยู่มาก เกรงว่าจะไม่ได้เป็นประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น แต่อาจจะเป็นเรื่องการเสพเพื่อนันทนาการ ที่จะเกิดผลกระทบต่อสังคม จึงมีมติให้รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ทบทวนประกาศกระทรวง “ให้กลับไปกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติด” และขอให้ “กมธ.ถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง กลับไปทบทวนใหม่ให้รอบคอบ” โดยอ้างว่า ร่างเดิมที่ผ่านวาระ 1 มี 45 มาตรา แต่ กมธ.มีการเพิ่มขึ้นใหม่ 69 มาตรา และมีการตัดทอน เพิ่มเติม เกือบทุกมาตรา ซึ่งร่างที่รับมา เป็นร่างของพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่ร่างของ ครม.

เรียกว่างานนี้ พุ่งเป้าไปที่ “พรรคภูมิใจไทย” โดยตรง เพราะตอนนี้ หยิบจับอะไรดูเข้าตาสังคม เรียกคะแนนนิยมได้เหนือกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านการท่องเที่ยว... เงินกู้ กยศ. ที่ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย และผิดนัดชำระไม่เสียค่าปรับ...ยังมีเรื่องปลดล็อกกัญชาเพื่อการแพทย์ ที่จะเรียกคะแนนนิยมได้อีก

ที่สำคัญ วันนี้ “พรรคภูมิใจไทย” ภายใต้การนำของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล คือ คู่แข่งทางการเมืองของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในยุค “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” เป็นหัวหน้าพรรค โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ จังหวัดย่านฝั่งอันดามัน ซึ่งถือว่าเป็นถิ่นของ “จุรินทร์” ในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึง หากถูกกวาด ส.ส.ไปได้ ย่อมกระทบถึงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแน่

การเบรก ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ที่ประชาธิปัตย์นำทีมก่อการครั้งนี้ จึงถูกมองว่าเป็น “เกมการเมือง” เกี่ยวกับการเลือกตั้งชัดๆ เพียงแต่ยกเอาประเด็นข้อกฎหมายมาเป็นข้ออ้างเท่านั้น

ขณะที่ “พรรคเพื่อไทย” ก็เช่นกัน เพราะกำลังหวาดหวั่นกับความแรงของภูมิใจไทย ในพื้นที่ภาคอีสาน เพราะมี ส.ส.และ “บ้านใหญ่” ในหลายจังหวัดย้ายสังกัดเข้าสู่ชายคา “เสี่ยหนู” กันแบบเห็นๆ ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง ก็ไม่เว้น ... ที่พรรคเพื่อไทย คุยว่าจะแลนด์สไลด์นั้น คงเป็นได้เพียง “แคมเปญ” หาเสียงเท่านั้น เป็นจริงได้ยาก ถ้ายังปล่อยให้ภูมิใจไทย โกยแต้มอย่างนี้

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
ส่วน “พลังประชารัฐ” และ “กลุ่มอำนาจ 3 ป.” ก็ไม่อยากเห็นภูมิใจไทย โตแบบก้าวกระโดด เพราะนั่นหมายถึง การส่งให้ “เสี่ยหนู” เข้าใกล้ความเป็นจริงในตำแหน่ง “นายกฯ หนู” มากขึ้น ...เมื่อโอกาสเปิด ก็ต้องเตะสกัด!!

แน่นอนว่า งานนี้ “เสี่ยหนู” แม้จะอารมณ์เดือดปุด ที่พรรคร่วมอย่าง “ประชาธิปัตย์” ที่เคยคิดว่าเป็นเพื่อน กอดคอเป็นพันธมิตรทางการเมือง มาหักเอาอย่างนี้ แต่ก็ต้องเก็บอาการก่อนจะสวนไปตรงๆ ว่า ... รู้สึก แปลกใจที่ว่าร่างที่มีการแก้ไขปรับปรุง จากเดิมมีเพียง 45 มาตรา แก้ไขไป 21 มาตรา และเพิ่มใหม่กว่า 60 มาตรา โดยที่มีทั้งกรรมาธิการและผู้เชี่ยวชาญ มาเป็นที่ปรึกษาครบทุกด้านนั้น จะไม่รอบคอบกว่าร่างเดิมที่ผ่านวาระรับหลักการมาแล้วได้อย่างไร... แต่เข้าใจได้ว่ามันเป็นประเด็นการเมือง เมื่อประชาชนจำนวนมากเริ่มได้รับประโยชน์จากนโยบายกัญชาแล้ว ในขณะที่การเลือกตั้งก็ใกล้เข้ามา ก็เข้าใจได้ในเป้าประสงค์ทางการเมืองของกลุ่มที่คัดค้าน ....

แต่ขอให้มั่นใจว่า แม้ ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ จะสะดุด แต่ประโยชน์ทางการแพทย์ที่ประชาชนได้รับจากนโยบายกัญชานั้น จะไม่สะดุด เพราะกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศที่จำเป็นสำหรับการควบคุม และบังคับใช้ไว้หมดแล้ว ตั้งแต่ช่วงต้นของการปลดล็อก

ต่อจากนี้ หากมีอะไรเกี่ยวกับกัญชา ก็อย่ามาว่า พรรคภูมิใจไทย อย่ามาที่กระทรวงสาธารณสุข แต่ให้ไปที่พรรคที่เตะถ่วง ซึ่งก็มี 3 พรรค คือ “ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย และ พลังประชารัฐ”!!

จังหวะที่ ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ถูกเบรก ในช่วงกำลังจะปิดสมัยประชุมสภา พอดี เมื่อเปิดสมัยประชุมหน้า เชื่อว่า จะต้องเจออุปสรรค ตั้งแต่จะได้รับบรรจุเข้าวาระหรือไม่ ถ้าเข้าสภาได้ จะพิจารณาทันหรือไม่ หรือถ้ามีการยุบสภาไปก่อน ก็เป็นอันต้องไปรอรัฐบาลหน้า

แต่ถ้ามองในมุมกลับ แม้ ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ จะตกไป แต่พรรคภูมิใจไทย ก็ยังนำไปใช้หาเสียงได้ว่า ถ้ามีโอกาสได้กลับมาเป็นรัฐบาลก็จะผลักดันเรื่องนี้ต่อ อาจจะได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นก็เป็นได้ เพราะที่ผ่านมา ประชาชนเชื่อใจแล้วว่า “ภูมิใจไทย พูดแล้วทำ”




กำลังโหลดความคิดเห็น