“รสนา” แนะ “ชัชชาติ” คืนส่วนต่อขยายที่ 2 รถไฟฟ้าสายสีเขียวให้ รฟม. จี้ รบ.รับหนี้แสนล้านเหตุสมัย คสช. เป็นคนสั่งให้เดินรถ โดยไม่เก็บค่าโดยสาร
วันนี้ (1 ก.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. กทม. โพสต์คลิปพร้อมข้อความลงเฟซบุ๊ก รสนา โตสิตระกูล ในประเด็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (2 ) จากห้าแยกลาดพร้าว ถึงคูคต และจากแบริ่ง ถึงสมุทรปราการ ว่า ตนเสนอไม่ต่อสัมปทาน หยุดล้วงกระเป๋า “เส้นเลือดฝอย” ไปจ่ายหนี้ส่วนต่อขยาย (2)
เรื่องแก้ปัญหาหนี้สินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (2) มักมีการชี้นำว่าทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ว่าฯ กทม. คือ ต้องต่อสัมปทานไปอีก 30 ปี ในราคาค่าโดยสารสูงสุดที่ 65 บาทนั้น ดิฉันอยากเรียกว่าเป็น “คณิตศาสตร์หลอกกินไข่แดง”
น.ส.รสนา ขยายความคำว่าหลอกกินไข่แดง ว่า ขณะนี้มีการนำเอาส่วนต่อขายที่ 2 ที่ทรัพย์สินยังเป็นของ รฟม. อยู่ แต่รัฐบาลยุค คสช. สั่งให้โอนมาให้ กทม. เดินรถโดยไม่ให้เก็บค่าโดยสาร ตั้งแต่ปลายปี 2561 จนถึง 2565 ทำให้เกิดหนี้สินรวมกันแล้วประมาณแสนกว่าล้าน แล้วก็มาบอกว่า หนี้แสนกว่าล้านเป็นของ กทม. ที่ กทม.จะต้องต่อสัมปทานของตัวเองออกไปอีก 30 ปี โดยให้ชาว กทม. จ่ายเงินค่าโดยสารสูงสุดที่ 65 บาทนั้น เท่ากับว่า ต้องการให้คน กทม.จ่ายหนี้ให้รัฐบาลด้วยเงินค่าโดยสารของตัวเอง
รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายกำลังจะหมดสัมปทานในอีก 7 ปี เมื่อหมดสัมปทานจะไม่มีค่าโครงสร้างอีกต่อไป กทม.จะมีค่าใช้จ่ายเพียงแค่ค่าเดินรถกับบำรุงรักษาเท่านั้น
น.ส.รสนา กล่าวต่อว่าการเดินรถระบบ รถไฟฟ้าบีทีเอส เมื่อไม่มีค่าโครงสร้างแล้วจะมีค่าใช้จ่ายต่อเที่ยวอยู่ที่ 10-16 บาทเท่านั้น ค่าใช้จ่ายที่จะเก็บจากประชาชนในราคา 20-25 บาท ย่อมทำได้แน่นอน นอกจากนี้ กทม.ยังมีรายได้จากพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานี และการโฆษณา ปีหนึ่งประมาณ 5 พันล้านบาท โดยในส่วนนี้ กทม.สามารถเอามาทำประโยชน์ให้ชาว กทม. จ่ายค่าโดยสารที่ถูกที่สุดได้
“กทม. ไม่ควรยอม ผู้ว่าฯ ชัชชาติ คืนไปเลย ทรัพย์สินส่วนต่อขยายที่ 2 เนี่ยคืนให้ รฟม. ไปซะ ส่วนหนี้สินในเรื่องการเดินรถ ในเมื่อรัฐบาล คสช. เป็นคนสั่งให้เดินรถโดยไม่มีการเก็บค่าโดยสาร ก็ถือว่ารัฐบาลได้ช่วยเหลือประชาชน รัฐบาลก็ควรรับหนี้ก้อนนี้ไป กทม.ไม่ควรที่จะเอาเนื้อของตัวเองไปแลกกับหนี้ก้อนนี้”