ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เผยความคืบหน้ากรณีสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว กทม. เร่งสรุปสัญญาสัมปทานภายใน 1 เดือน คาดค่าโดยสารไม่เกิน 59 บาท
วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการ กทม. ดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า จะต้องสรุปความคืบหน้าร่วมกับ นายธงทอง จันทรางศุ มาเป็นประธานกรรมการบริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ภายใน 1 เดือน สิ่งสำคัญคือ การคิดราคารถไฟฟ้าส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 ที่เป็นภาระหนี้ ซึ่งปัจจุบันมีคนใช้อยู่ 27% ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราว
“เบื้องต้นคงเป็นไปตามข้อเสนอของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ที่ให้เก็บค่าโดยสารตลอดสายไม่เกิน 59 บาท ในส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 แบริ่ง-เคหะสมุทรปราการ และ ห้าแยกลาดพร้าว-คูคต ถึงเวลาที่ต้องจ่ายค่าโดยสาร เพราะต้องจ่ายค่าเดินรถเพื่อความยุติธรรม” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีเขียว มีหนี้ส่วนต่อขยายราว 100,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีหนี้โครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล แบ่งเป็นหนี้วางระบบ ขณะที่หนี้ของรัฐบาลเป็นหนี้วางระบบรถ ประมาณ 19,000 ล้านบาท และหนี้ค่าจ้างเดินรถ อีก 13,000 ล้านบาท ซึ่งต้องพิจารณา 2 ส่วน ได้แก่ การคิดอัตราค่าโดยสารที่ไม่ได้ขึ้นมานานหลายปี และการต่อสัญญาสัมปทาน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนหน้า
ด้าน นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ได้ประชุมคณะผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ตามข้อแนะนำจากการประชุมร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (TDRI) เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่ง TDRI เสนอให้ กทม.เริ่มจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยาย ส่วนเหนือ ช่วงหมอชิต-คูคต และส่วนใต้ ช่วงสำโรง-สมุทรปราการ หลังจากเปิดนั่งฟรีมานานแล้ว เพื่อแบ่งเบาภาระหนี้สินค่าจ้างเดินรถที่ต้องจ่ายให้กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (บีทีเอส) สำหรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยายเก็บ 15 บาท เมื่อรวมกับเส้นทางหลักสัมปทานเก็บได้สูงสุดไม่เกิน 59 บาท
“สำหรับอัตราค่าโดยสาร 59 บาท เป็นตัวเลขที่คณะผู้บริหาร กทม.เห็นว่า มีความเหมาะสม ประชาชนน่าจะรับได้ เพราะเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยายไกลพอสมควร ช่วงหมอชิต-คูคต ระยะทาง 19 กม. จำนวน 16 สถานี ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 13 กม. จำนวน 9 สถานี ส่วนเรื่องระยะเวลาที่จะเริ่มเก็บ อยากให้เร็วที่สุด เดิมตั้งเป้าจะเริ่มเก็บวันที่ 1 ก.ค.นี้ แต่ทางสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) แจ้งว่าอาจจะไม่ทัน เพราะต้องหารือกับบริษัทบีทีเอสเนื่องจากต้องมีการปรับแก้ไขระบบซอฟต์แวร์การคำนวณค่าโดยสารส่วนต่อขยาย” นายชัชชาติ กล่าว