เมืองไทย 360 องศา
การเปิด “แคมเปญ” ของพรรคเพื่อไทย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่จังหวัดศรีสะเกษ ถือว่ามีเป้าหมายทางการเมืองแบบ “เจาะจง” อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเป้าหมายที่ถือว่าเป็น “ฝ่ายตรงข้าม” ที่ต้องหาทางสกัดกั้นให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายในวันข้างหน้า
แน่นอนว่า หากไม่ต้องอ้อมค้อมก็ต้องบอกว่าฝ่ายตรงข้ามในที่นี้ ย่อมหมายถึง พรรคภูมิใจไทย ที่มี “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค และกำลังขยายพื้นที่รุกคืบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และน่ากลัว ดังนั้น หากมองว่า พรรคภูมิใจไทยกำลังเป็นภัยคุกคามต่อยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ที่เชื่อมโยงกับครอบครัว “ชินวัตร” ที่เคยประกาศว่าจะต้องชนะการเลือกตั้งครั้งหน้าแบบ “แลนด์สไลด์” มันก็ยิ่งทำได้ยากขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้แคมเปญ “ไล่หนู ตีงูเห่า” ที่เจาะจง จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรค หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาสดๆ ร้อนๆ และแกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายสุทิน คลังแสง นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรค นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร และ ส.ส.ในพื้นที่อีสานจำนวนมาก โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยตั้งแต่เวลา 08.30 น. ที่ น.ส.แพทองธาร เดินทางมาถึงสนามบินอุบลราชธานี ก็มีแฟนคลับพรรคเพื่อไทย ใส่เสื้อสีแดงที่สกรีนคำว่า “ครอบครัว เพื่อไทย บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม” รอให้การต้อนรับจนล้นสนามบิน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เวทีแรกที่ครอบครัวเพื่อไทยลงพื้นที่คือที่ คือ อ.อุทุมพรพิสัย อ.ราษีไศล และ อ.ขุนหาญ ซึ่งในจุดแรกที่ อาคารอเนกประสงค์ บ้านหนองแคน อ.อุทุมพรพิสัย เขตพื้นที่ของ นายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร พรรคเพื่อไทยทั้ง 9 เขต ประกอบด้วย ผู้สมัคร ศรีสะเกษ 9 เขต ประกอบด้วย นายธเนศ เครือรัตน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เขต 1 นายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เขต 2 นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เขต 3 นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เขต 4 ที่จะลงแทน นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่โหวตสวนมติพรรค นายอมรเทพ สมหมาย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เขต 5 ที่จะลงสมัคร แทน นายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ ที่โหวตสวนมติพรรค นายวีระพล จิตสัมฤทธิ์ ส.ส. ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เขต 6 นายประวิทย์ จารุรัชกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เขต 7 นางนุชนาถ จารุรัชกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เขต 8 ที่ลงสมัครแทน นางผ่องศรี แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ ที่โหวตสวนมติพรรค และ น.ส.วิลดา อินฉัตร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เขต 9
ทันทีที่ น.ส.แพทองธาร และคณะเดินทางมาถึง ประชาชนที่รอให้การต้อนรับจนล้นอาคารอเนกประสงค์เกือบหมื่นคน ได้ปรบมือโห่ร้องให้การต้อนรับกันอย่างอื้ออึง โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับว่า คุณพ่อ (นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ) กับคุณอา (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ) ฝากมาบอกว่า “คึดฮอดหลายเด้อ” วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจที่ได้พบพี่น้องด้วยตัวเอง พี่น้องยังพอจำกันได้หรือไม่เมื่อ 18 ปีที่แล้ว นายทักษิณ มาลงพื้นที่พบประชาชนที่ อ.อุทุมพรพิสัย คุณพ่อมีความฝันว่าภายใน 3 ปี คำว่าคนจนต้องหมดแผ่นดิน ตนเป็นลูกฟังแล้วคิดว่ายาก แต่คุณพ่อบอกง่ายนิดเดียว แต่เกิดรัฐประหารปี 49 ตอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกยึดอำนาจ ก็มาที่ จ.ศรีสะเกษ คุยปัญหาราคาข้าวที่ย่ำแย่ ซื้อข้าวสูงกว่าราคาตลาดเพื่อช่วยเหลือประชาชน พูดแล้วก็คิดถึง จ.ศรีสะเกษ มีความสำคัญกับพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยอาสาขอดูแลพี่น้องชาวศรีสะเกษในทุกมิติ เพราะไม่เชื่อมือพรรคอื่นว่าทำได้จริงและทำได้อย่างพรรคเรา วันนี้ตนมาในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ขอยืนยันครอบครัวเพื่อไทยยังมีหัวใจเดิม เหมือนวันที่คุณพ่อสร้างครอบครัว วันที่คุณอาชนะเลือกตั้ง เหมือนวันที่เรามีเป้าหมายเดียวกันคือทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น หลังการรัฐประหารปี 49 หรือ 57 ไม่มีอะไรดีขึ้นกับประเทศเรา แต่ประเทศอื่นเขาพัฒนาไปมาก ขอโอกาสถ้าพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลจะนำนวัตกรรมมาทำให้ประชาชนหายเหนื่อยทำการเกษตรได้แม่นยำขึ้นนำเทคโนโลยีมาช่วยประชาชน
“ขอฝากว่าที่ผู้สมัครตรงนี้ เมื่อการเลือกตั้งมาถึงถ้าประชาชนต้องการให้พรรคเพื่อไทยทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น บันไดขั้นแรกคือแลนด์สไลด์ชนะเลือกตั้งให้ถล่มทลาย เราจะไม่ยอมให้ใครมาปล้นอำนาจอีกแล้ว อำนาจรัฐเท่านั้นที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยเข้าไปเปลี่ยนแปลงชีวิตพี่น้อง อยากพ้นหนี้ อยากหายหนี้ อยากหายจนไปนานๆ เลือกพรรคเพื่อไทย กลับบ้านเรารักรออยู่ กลับมาช่วยทำให้คนไทยดีขึ้น กลับมาทำให้ประเทศน่าอยู่กว่านี้และเป็นประเทศของเราทุกคน” คำพูดช่วงหนึ่งของ ลูกสาวคนเล็กของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่คาดหมายว่าจะเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า
อย่างที่รับรู้กันดีว่า ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษดังกล่าวมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เรียกว่า “งูเห่า” นั่นคือ พวกเขาได้ย้ายเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยไปเรียบร้อยแล้วจำนวน 3 คน และยังโหวตสวนมติพรรคเพื่อไทยในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ที่ผ่านมา
แน่นอนว่า กรณี “งูเห่า” ดังกล่าวในจังหวัดศรีสะเกษ อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับพรรคเพื่อไทย เพราะที่ผ่านมา ก็เกิดขึ้นในหลายจังหวัด เช่น ที่จังหวัดปทุมธานี หรือพร้อมกันในจังหวัดพิษณุโลก และอุดรธานี แต่ที่ต้องโฟกัสไปที่ศรีสะเกษ ก็เนื่องจากเป็นจังหวัดใหญ่ที่ถือว่าย้ายออก “ยกพวงใหญ่” และที่สำคัญก็คือ “ครอบครัวแซ่จึง” ในพื้นที่ถือว่าเคยเป็น “ลูกหม้อเก่า” ที่อยู่ร่วมกับพรรคมาช้านาน ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย มานานกว่า 20 ปี ดังนั้น การย้ายออกครั้งนี้ถือว่า “เสียหน้า” มาก และในวันเปิดตัวเป็นสมาชิกใหม่พรรคภูมิใจไทย นายปวีณ แซ่จึง อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ สามีของ นางผ่องศรี แซ่จึง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ระบายความในใจในทำนองว่า อยู่กับ นายทักษิณ ชินวัตร มาหลายสิบปี แต่ไม่เคยเห็นค่า อะไรประมาณนั้น จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องย้ายมาหาที่อบอุ่นกว่า
แต่นั่นก็เป็นเหตุผลสำหรับการย้ายเข้าย้ายออกของพวกนักการเมืองก็ว่ากันไป แต่หากพิจารณากันในภาพรวมสำหรับการแข่งขันของพรรคการเมืองที่ผลจากการย้ายพรรคของสาม ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย มาสังกัดพรรคภูมิใจไทยครั้งนี้ นอกจากเป็นการ “เสียหน้า” แล้ว ยังถือว่ายังเสียหายทาง “ยุทธศาสตร์” ของนายทักษิณ ชินวัตร อีกด้วย เพราะต้องไม่ลืมว่า “ตระกูลจึง” ถือว่าเป็น “บ้านใหญ่” มีแสงในตัวเอง ไม่ใช่เป็นพวกมาเกาะเกี่ยวหาคะแนนเสียงแบบหลายคนในพรรค
ขณะเดียวกัน การย้ายออกแบบนี้ โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นในภาคอีสาน ที่ถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์หลัก ต่อจำนวน ส.ส.ที่มีมากที่สุดมีผลต่อการช่วงชิงอำนาจรัฐ อีกทั้งการ “รุกคืบ” เข้ามาของ พรรคภูมิใจไทย ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล หรือ “เสี่ยหนู” เป็นหัวหน้าพรรค และกลุ่ม “ชิดชอบ” เป็นแกนหลัก ได้ขยายอาณาจักรออกมาจากพื้นที่ “อีสานใต้” กว้างไกลเรื่อยๆ จากการเป็นรัฐบาลกว่าสามปี ที่กุมกระทรวงสำคัญ ถือว่ามี “ทุนหนา” ขยายเครือข่ายไปทั่ว ทั้งภาคใต้ และภาคอีสาน ซึ่งย่อมไปกระทบกับพรรคเพื่อไทยเข้าอย่างจัง
ดังนั้น สามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยาก เมื่อภูมิใจไทยรุกคืบกินพื้นที่เข้ามามันก็ย่อมกระทบกับพรรคเพื่อไทย กระทบกับเป้าหมาย “แลนด์สไลด์” ของครอบครัว “ชินวัตร” เข้าอย่างจัง และนี่ก็คือคำตอบที่ต้อง “ไล่หนู ตีงูเห่า” ก่อนที่จะเพ่นพ่านไปทั่วภาคอีสาน เป็นการสกัดเสียแต่ต้นมือ ส่วนจะได้ผลหรือไม่ หรือกลายเป็นว่าผลออกมาเป็นตรงข้ามยิ่งออกลูกออกหลานมากกว่าเดิม ก็ต้องติดตาม แต่พิจารณาจากอาการแล้วถือว่า แผนของครอบครัวเพื่อไทยน่าจะสำเร็จยาก เพราะบรรยากาศที่เห็นมันไม่เหมือนเดิมแล้ว !!