ปล่อยมาอีก! “เทพมนตรี” ขุดภาพ “ปิยบุตร-มิตรสหาย” กรรมชี้เจตนา-คบคนเช่นไรก็เป็นคนเช่นนั้น เพจดังย้อนเกล็ด “สุทิน” คราวหน้าไม่ต้องเลือก “เพื่อไทย”? “พท.” ลุยศรีสะเกษ “เด็ก ภท.” ซัด ทำเป็นเจ้าของชาวบ้าน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (18 มิ.ย. 65) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thepmontri Limpaphayorm ระบุว่า
“ภาพมันฟ้อง
ทุกสิ่งทุกอย่างมันคือการจำลองรูปแบบมาจากปารีส-ฝรั่งเศส กรรมเป็นเครื่องแสดงเจตนา แม้ปฏิเสธทุกครั้ง แต่วิถีที่ประพฤติปฏิบัติยังคงเป็นเช่นนั้น
คบคนเช่นไรก็เป็นคนเช่นนั้น
การไปคบค้าสมาคมเปิดเผยตัวร่วมกับศัตรูของแผ่นดิน ต่างกรรมต่างวาระ มิใช่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว แต่เป็นมานาน ทั้งนำเรื่องทางวิชาการมาบังหน้า ทั้งใช้ทุนหลวงอันเกิดจากภาษีประชาชนนำไปสร้างเครือข่ายกับชาวต่างชาติ
ขี้ข้าลัทธิคอมมิวนิสต์ สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดี มันบ่งบอกถึงความคิดของคนกลุ่มนี้ ว่า คิดอย่างไรกับการปกครองของไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งเป็นข้อบทสำคัญตามรัฐธรรมนูญไทยด้วย
อีกทั้งเมื่อเป็นคนไทยยังควรต้องทำหน้าที่ปวงชนชาวไทยในรัฐธรรมนูญ แต่กระนั้นเราไม่เคยเห็นพวกเขาอบรมสั่งสอนสานุศิษย์ในระดับต่างๆ พวกเขาใช้รัฐธรรมนูญอย่างพร่ำเพ้อเฉพาะในข้อที่เขาต้องการนำมาอ้างอิง สิทธิเสรีภาพ ตามบทบัญญัติ ซึ่งเขานำมาปรับใช้กันได้เกินขอบเขตจนไปละเมิดผู้อื่น และละเมิดองค์เหนือหัวอันเป็นประมุขตัวแทนสถาบัน
การละเมิดของเขาไม่ใช่เป็นเรื่องทางการเมือง แต่เป็นการละเมิดกฎหมาย แต่เขาเอาเรื่องการเมืองยกมาเป็นข้ออ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง เพื่อให้เป็นนักโทษทางการเมืองเสียแบบนั้น ซ้ำร้ายถ้าพ่ายแพ้ก็จะยกเป็นข้ออ้างในการลี้ภัย
ผลกรรมที่เขาทำกันไว้กับประเทศนี้ คือ ความโสมม เลอะเทอะ สร้างความแตกแยกร้าวฉานกับเด็ก เยาวชน และขี้ข้า แต่มิกล้านำหน้า ออกตัวที่จะเป็นผู้นำ อย่างพวกผีบุญในอดีต
เหยื่ออันโอชะของเขาส่วนใหญ่อยู่อาศัย เรียนหนังสือในประเทศนี้ กล้าหาญออกมาจนต้องคดีกันเป็นโขยง บ้างได้เศษเงิน บ้างได้รับบริจาค บ้างได้ชื่อเสียงว่าเป็นคนเลว แต่สุดท้ายล้วนเป็นนักโทษต้องคดี
ในขณะเดียวกัน พวกเขาเลือกที่จะเป็นอีแอบ หลบหนีไปทำการชักใยนอกประเทศฝากแฝงในคราบนักวิชาการคาบพระคัมภีร์ซาตาน!” (จากสยามรัฐออนไลน์)
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความพร้อมภาพ ระบุว่า
“แสดงว่าครั้งหน้าให้เลือกพรรคอื่น” โดยลงภาพประกอบจับผิดนายสุทิน คลังแสง
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วันนี้ที่อำเภออุทุมพรพิสัย และ อำเภอราษีไศล “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนสุดท้อง “ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้นำคณะลงพื้นที่ศรีสะเกษ โดยมี นายพานทองแท้ ชินวัตร พี่ชาย พร้อมด้วย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สุทิน คลังแสง จาตุรนต์ ฉายแสง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ฯลฯ นำทัพครอบครัวเพื่อไทย จัดหนักจัดเต็มปราศรัยใหญ่ 2 อำเภอ อุทุมพรพิสัย ราษีไศล #ไล่หนูตีงูเห่า ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. หาเสียงให้ นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ อ.ราษีไศล และ นายประวิทย์ จารุรัชกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ อ.อุทุมพรพิสัย ท่ามกลางพี่น้องเสื้อแดงให้กำลังใจอุ่นหนาฝาคั่ง...
ที่น่าสนใจ น.ส.แพทองธาร ปราศรัยที่อำเภอราษีไศล กล่าวในช่วงหนึ่ง ว่า 18 ปีแล้ว ที่คุณพ่อมาลงพื้นที่ศรีสะเกษ คุณพ่อเคยบอกว่า อีก 3 ปี จะทำให้คนจนหมดไปจากประเทศ ตอนนั้นประเทศกำลังไปได้สวย แต่น่าเสียดายเกิดการปฏิวัติปี 49 คุณพ่อรักประชาชนอย่างจริงใจ ท่านเข้าใจคนบ้านนอกดี นั่นคือ สิ่งที่คุณพ่อพูดตลอดว่าจะให้คนต่างจังหวัดดีขึ้น ขอบคุณพี่น้องที่สู้มาด้วยกัน เคียงบ่าเคียงไหล่ วันนี้มากันมากมาย จังหวัดศรีสะเกษเราให้ความสำคัญเสมอ เราอยากให้คนจนหมดไป เมื่อเราได้เป็นรัฐบาล ซึ่งเราเคยทำสำเร็จมาแล้ว เพราะเราคิดเป็น ทำเป็น ตั้งแต่รัฐประหารเกิดขึ้น เราเห็นมีแต่หนี้ที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด ท่านเหนื่อยหรือยังคะ รอการเลือกตั้งนะคะ เราจะให้คนเพื่อไทย รักไทยกลับมาดูแลพี่น้อง ขอให้เราได้กลับมาอีกครั้ง เราจะให้ได้ผลิตผลการเกษตรมากขึ้น รวยขึ้นแน่นอน เราต้องชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย จะได้ไม่ต้องมีหนี้สินเหมือนทุกวัน ขออาสาเป็นเซลล์ขายสินค้าเกษตรให้พี่น้องเหมือนคุณพ่อที่ทำมา ขอบคุณพี่น้องชาวราษีไศลที่มารวมตัวกันอย่างมากมาย
ขอเชิญชวนให้พี่น้องเสื้อแดง “กลับบ้าน” มาร่วมกันกับพรรคเพื่อไทยในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ด้วยการทวงคืนอำนาจรัฐ เพื่อให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ตอนนี้ถือว่า ทุกคนอยู่ในสายตาจักรวาล วันนี้เปิดใจว่าบางคนหาว่า เพื่อไทยมาย่ำยีน้ำใจคนศรีสะเกษ เอาคนนอกพื้นที่มาราวี พวกเรามาเพราะเราถูกขยี้ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เอา ส.ส.เรา 3 คนขึ้นเวที แล้วประกาศว่า เป็น ส.ส.ของเขา เราเคียงข้างกันมาตลอด 20 ปี เราเจ็บปวด นักการเมืองอีสาน เค้าตายแทนกันได้ แต่วันนี้แผ่นดินอีสานถูกตั้งคำถามว่า คนของเราเปลี่ยนใจ ท่านจะเลือกไปหรือจะยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย.....
ด้าน นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊ก Siripong Angkasakulkiat ภายหลังได้ข่าวว่า “อุ๊งอิ๊ง” นำทัพครอบครัวเพื่อไทยไปศรีสะเกษ ระบุว่า
•จะมาไล่หนู จะมาตีงู ทำไมคิดชื่อแคมเปญ อย่างนี้ละครับ
ฟังดูสะใจนะ แต่มันสะท้อนอะไรให้เห็น…..ปกติ เวลาจะหาเสียง มันก็ควรจะชูนโยบาย แล้วก็มาขอให้ชาวบ้านชาวช่อง เขาให้โอกาส ป่ะ?
นี่ทำไมแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ชาวบ้านละ?......เอาคนจังหวัดไหนบ้างก็ไม่รู้ มาด่าคนในพื้นที่ เอาแค่เรื่องปัญหาชาวบ้านก่อน รู้เท่าคนในพื้นที่เขารึเปล่า …บอกว่าคนย้ายพรรคเป็นงูเห่า แล้วคนมาพูดบางคน ย้ายมากี่พรรคแล้ว บางเขต เอาคนจังหวัดอื่นมาลงสมัครด้วยซ้ำ จะมากวาดบ้านคนอื่น ตอนไม่เลือกตั้ง เคยมาดูบ้านเขาไหม…..ยิ่งคิดชื่อแคมเปญแบบนี้ ผมยิ่งรู้สึกว่า ดูถูกคนที่เขาอยากพัฒนาบ้านเกิดนะ
อุดมการณ์อาจต่างกัน แต่อย่ากล่าวหาว่าคนอุดมการณ์ต่างน่ารังเกียจ วันก่อน มีเพื่อนผู้บริหารพรรคนี้ มาแซวผม ว่า พวกคุณจะมาแย่งจังหวัดศรีสะเกษไปเร๋อ ผมเลยแหย่ไปขำๆ ว่า ไม่นะ ทำไมต้องแย่ง ในเมื่อผมเป็นคนศรีสะเกษ บ้านผมอยู่นี่ คุณอะเป็นคนที่ไหน ทำไมต้องบอกผมมาแย่งคุณ อันนี้คุยกันขำๆ แบบเพื่อนนะ….การเมืองใหม่ คนรุ่นใหม่ อย่าคิดชื่อที่มันเผ็ดร้อน จนสะท้อนความคิดว่า ทุกอย่างเป็นของตัวเองหมด (จากสยามรัฐออนไลน์)
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ การลงพื้นที่ ศรีสะเกษ ซึ่งเป็น “รังงูเห่า” ของพรรคเพื่อไทย และตั้งใจที่จะไป “ไล่หนูตีงูเห่า” ซึ่งอาจหมายถึง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ก่อนหน้านี้ ไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ ส.ส.เพื่อไทยดังกล่าว ยังโหวตสวนมติพรรค ในการผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วาระแรก จนได้ฉายา “งูเห่า”
เพราะส่วนหนึ่งสะท้อนให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทย รักษาคนของพรรคเอาไว้ไม่ได้ จะด้วยปัญหาภายในพรรค หรือการไม่ให้ความสำคัญ อย่างที่กล่าวอ้างก่อนหน้านี้หรือไม่ก็ตาม อีกส่วนเห็นได้ชัดว่า “พลังดูด” ในพื้นที่ภาคอีสานของ “บิ๊กเน-เนวิน ชิดชอบ” กับ “เสี่ยหนู” ไม่ธรรมดา
ยิ่งว่ากันว่า จากการนำเสนอนโยบาย “กัญชาเสรี” ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 ได้ผลตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ซึ่งการเลือกตั้งครั้งหน้า จะเป็นการ “ต่อยอด” ผลสำเร็จ ที่ผลักดันมาได้ในระดับหนึ่ง ถือว่า กระแสพรรค “ขายได้” จนนักวิเคราะห์การเมืองบางคนชี้ให้จับตามองเลยทีเดียว
ที่สำคัญ ยิ่ง “บิ๊กเน-เสี่ยหนู” รุกหนักเท่าไหร่ในพื้นที่ภาคอีสาน ยิ่งเท่ากับโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะสูญเสียที่นั่งเป็นไปได้สูง และเหนืออื่นใด ความหวังที่จะชนะเลือกตั้งแบบ “แลนด์สไลด์” หรือ แบบถล่มทลาย ก็จะกลายเป็นเพียงความฝันได้เช่นกัน
ไม่แปลก งานแรกที่เอา “ณัฐวุฒิ” มาเป็นตัวช่วย “อุ๊งอิ๊ง” ก็คือ จัดหนักพื้นที่ “ศรีสะเกษ” ด้วยแคมเปญที่ “เสี่ยเต้น” ถนัดในการผลิต “วาทกรรม” และสร้างสีสัน “เอาคืน” อย่างเจ็บแสบในการปราศรัย
ส่วนคนศรีสะเกษจะตัดสินใจอย่างไรในการเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นสิทธิเสรีภาพที่อยู่ในกำมือตัวเองอยู่แล้ว