เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่าเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าก่อนการโหวต ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากท่าทีของบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลหลักๆ ทั้งพรรคพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ เป็นต้น หรือแม้แต่พรรคฝ่ายค้านในรัฐบาล อย่างพรรคเศรษฐกิจไทย (บางกลุ่ม) ก็มีท่าทีโหวตให้ผ่านในวาระแรก โดยคาดว่าจะผ่านแบบง่ายดาย เพราะเวลานี้ข้ามช็อตไปถึงเรื่องการแบ่งสัดส่วนการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญมาพิจารณากันล่วงหน้าแล้ว
แน่นอนว่า เรื่องกฎหมายงบประมาณฯ ถือว่าเป็นสำคัญและชี้เป็นชี้ตายให้กับรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี เพราะหาก “ถูกคว่ำ” หรือไม่ผ่านสภาก็มีทางเลือกอยู่สองทาง คือ ไม่ยุบสภา ก็ต้องลาออก ซึ่งทุกฝ่ายก็รับรู้กันอยู่แล้ว
ที่ผ่านมา ฝ่ายค้านทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล มีการประกาศคว่ำคือ โหวตคัดค้าน ซึ่งถือว่าเป็นท่าทีที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก เพราะส่วนใหญ่ฝ่ายค้านมักจะงดออกเสียง แต่สำหรับคราวนี้มันก็ต้องพิจารณาในรายละเอียดเหมือนกันว่า นี่คือแค่ “การแสดง” หรือเอาจริง
เพราะน่าจะรู้ดีว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจนต้องมีการยุบสภา ไม่ใช่หวยออกที่นายกรัฐมนตรีต้องลาออก นั่นก็หมายความว่ากฎหมายสำคัญสองฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ที่พรรคเพื่อไทยมีความฝัน จะต้องแท้งไปด้วย
เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้มองกันว่าน่าจะ “เป็นการแสดง” มากกว่า เพราะคงประเมินไว้ล่วงหน้าแล้วว่า “ต้องผ่าน” อยู่แล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะงดออกเสียง หรือโหวตค้านก็ตาม อีกทั้งยังเป็นการแสดงท่าทีให้เห็นว่า “ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ต้องการให้จัดทำงบประมาณ อะไรประมาณนี้
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาในมุมที่คาดว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 จะผ่านการโหวตจากสภาในวาระแรก นอกเหนือจากพิจารณาจากท่าทีที่เป็นเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ยังไม่มีพรรคไหนที่แสดงท่าทีโหวตสวน แม้กระทั่งพรรคเศรษฐกิจไทย ที่นำโดยกลุ่มก๊วนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายยังไม่แน่ใจ ก็มีการยืนยันแล้วว่า จะโหวตให้ผ่าน ด้วยข้ออ้างสวยๆ ว่า เพื่อประโยชน์ของประชาชน รวมไปถึงพรรคเล็กๆ ก็มีรายงานว่าเสียงแตกคุมกันไม่ได้ เมื่อเป็นแบบนี้มันก็ไม่มีปัญหา
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตรับ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ว่า พรรคภูมิใจไทยได้ประสานกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับมาทั้งหมดให้ดูจำนวน ส.ส.ในส่วนรัฐบาล ยืนยันว่า รัฐบาลยังมีความมั่นคง และมีเสียงที่มีเสถียรภาพเพียงพอต่อการผ่าน ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 66 และพรรคภูมิใจไทยมีความขัดเจน และมีเอกภาพในการลงมติ แม้การอภิอปรายมีความเห็นหลากหลาย แต่ข้อยุติจะมีการประชุมกันในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ แต่เท่าที่ดูขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่ทำให้เห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 66 มีปัญหา
และที่ต้องจับตา ก็คือ การโหวตของฝ่ายค้านนั่นแหละว่าจะออกไปทางไหนกันแน่!!
โดยเฉพาะในพรรคเพื่อไทยเอง ว่างานนี้จะมี “งูเห่า” โหวตสวนอีกกี่คน จะ “ยั้วเยี้ย” เหมือนกับการโหวตครั้งก่อนหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่าที่ผ่านมามี ส.ส.พรรคเพื่อไทย แต่ใจย้ายไปสังกัดพรรคอื่นหลายรายแล้ว หรือแม้กระทั่งในพรรคก้าวไกลก็มี และล่าสุด เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนก็ยังเห็นไปเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทย ที่จังหวัดศรีสะเกษมาแล้วทั้งจังหวัด ภาพมันฟ้องให้เห็นว่ามี ส.ส.ฝากเลี้ยงอยู่ในหลายพรรค
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาการอภิปรายของ “ขุนพล” ฝ่ายค้านในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา หากมองกันแบบตามจริงก็ต้องยืนยันว่า “ไม่สมราคาคุย” ส่วนใหญ่มีแต่การประดิษฐ์สำนวนโวหาร แต่เนื้อหา “เบาโหวง” หลายคนออกมาในแบบผิดเวที นึกว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีหลายคน เอาเป็นว่า “ไม่มีหมัดเด็ด” จนน็อกฝ่ายรัฐบาลได้เลย
ดังนั้น เมื่อประเมินแบบรอบด้านแล้วก็คงมั่นใจได้ว่า ร่างงบประมาณฉบับนี้จะผ่านวาระแรกแบบไม่น่ามีปัญหา และยังคาดอีกว่าจะผ่านแบบเสียงท่วมท้นเสียอีก เพราะจะได้เสียงมาจาก “งูเห่า” ที่ถูกฝากเลี้ยงไว้ในพรรคเพื่อไทยนั่นแหละเทมาให้เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา
เมื่อผ่านเรื่องงบประมาณไปแล้วก็ต้องมองข้ามช็อตไปในเรื่องต่อไปที่รออยู่ข้างหน้าสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องเจอกับ “ด่านหนักๆ” ข้างหน้าคัดเอาเฉพาะเน้นๆ ก็คือ ปัญหาข้อถกเถียงในเรื่อง “วาระ 8 ปี” ที่เชื่อว่าต้องเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญให้ชี้ขาด
แต่หากให้คาดเดาล่วงหน้าก็ต้องบอกว่า “มีแนวโน้มผ่าน” มากกว่าไม่ผ่าน หากไม่ผ่านมันก็ช่วยไม่ได้ ก็ต้องกลับบ้านทำอะไรไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรจุดชี้ขาดอยู่นอกสภาคือศาลรับธรรมนูญ
แต่ที่ต้องลุ้นกันก็คือ “ศึกซักฟอก” ที่ล่าสุด นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้านได้เปิดเผยว่าฝ่ายค้านจะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ในราววันที่ 15 มิถุนายนนี้ ซึ่งหากยื่นญัตติแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระเมื่อใด เมื่อนั้นมันก็เหมือนกับการ “ขึงพืด” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทันที เพราะเท่ากับว่าไม่อาจยุบสภาได้แล้ว ต้องรอเสี่ยงกับเสียงโหวตอย่างเดียว
แต่หากในมุมได้เสีย ไหนๆ ก็ไหนๆ ถือว่า “วัดดวง” กันไปเลย จะได้จบๆ กันไป ทุกอย่างจะได้เคลียร์ให้ชัดเจนเร็วๆ เพราะมีภารกิจสำคัญรออยู่ โดยเฉพาะการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก ในเดือนพฤศจิกายน ที่เป็นงานใหญ่ระดับโลกรออยู่ หากผู้นำประเทศเจ้าภาพยังมีสถานะไม่มั่นคงทุกอย่างก็คงไม่มีน้ำหนัก ผู้นำต่างประเทศก็ไม่มั่นใจ
อย่างไรก็ดี มาถึงนาทีนี้ก็ยังเชื่อว่า “น่าจะผ่านไปได้” อีก เมื่อพิจารณาจากท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล และจากการโหวตร่างงบประมาณที่เชื่อว่า “ผ่านฉลุย” แม้ว่าในกรณีของ “ศึกซักฟอก” จะมีความเสี่ยงมากกว่า จาก “เดดล็อก” ไม่อาจยุบสภาระหว่างที่มีการบรรจุระเบียบวาระก็ตาม
แต่เมื่อฝ่ายค้านรีบยื่นเข้ามาเร็วแบบนี้ อีกด้านหนึ่งมันก็ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลคงยังไม่มีใครอยากเลือกตั้งตอนนี้เป็นแน่ จึงต้องผนึกกำลังโหวตให้ผ่าน และต้องไม่ลืมเสียงของ “งูเห่า” ที่ฝากเลี้ยงอยู่ในฝ่ายค้านอีกเป็นสิบคน ก็น่าจะเบาใจได้ระดับหนึ่ง
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ดูแล้วยัง “นิ่ง” เหมือนกับมีความมั่นใจบางอย่างว่ายังกุมสภาพได้ เริ่มจากการโหวตร่างงบประมาณฯ จากนั้นก็มาถึง “ศึกซักฟอก” ซึ่งหากด่านแรกผ่านมาด้วยดี ก็น่าจะส่งผลในทางบวกในศึกใหญ่ข้างหน้า เหมือนกัน “เดินทีก้าว กินข้าวทีละคำ” เหมือนกับที่หลายคนชอบพูดกันหรือเปล่า !!